สอนคนอื่นมาเยอะ
แต่พอมาเจอกับตัวเองดันเอาตัวไม่รอด

พระที่รู้ตัวว่า "ทน" ต่อความเย้ายวนของกิเลสไม่ไหว
ก็ดีแล้วครับที่รีบๆที่จะสึกออกมาเพื่อมามีลูก มีเมีย แบบคนปกติเขา

ดีกว่าที่จะไปเอากันทั้งๆที่อยู่ในผ้าเหลือง

ในมุมกลับกัน
หากมิตซูโอะโดนจับได้
ว่านอนกับสตรีเพศทั้งๆที่ยังเป็นพระ

ผมรับรองว่า "ศรัทธา" ที่สร้างมาเป็นสิบๆปีจะหายไปหมด

แต่การทำอะไรที่ถูกต้องทำนองคลองธรรม
การทำอะไรที่ไม่ได้ละเมิดกฏของความเป็นสงฆ์
อย่างน้อยก็แสดงว่านายมิตซูโอะยังเป็นคนที่ "รู้อารมณ์ตนเอง"

ถ้าจะให้เหมือน ยันตระ , นิกร, ภาวนาพุทโธ
แบบนั้นปัจฉิมบทของมิตซูโอะก็คงไร้สิ้นศักดิ์ศรีอย่างไม่ต้องสงสัย

สึกมาเป็นคนแบบเราๆท่านๆ แล้วไปเอากัน
ดีกว่าหน้ามืด ตามัว เอากันทั้งๆที่ยังนุ่งผ้าเหลืองและขอข้าวชาวบ้านกินครับ

ผมว่าพวกลูกศิษย์ลูกหาบางคนต่างหากที่ "ยึดติด"
หลงคิดว่าเขาเป็นผู้สละแล้วซึ่งกิเลส ทั้งๆที่เขายังไม่ได้ถึงนิพพานเลย
ชายไทยจำนวนมากที่บวชแค่ 1 อาทิตย์, 1 เดือน หรือ 1 พรรษา แล้วก็สึกออกมามีเมีย

เป็นเรื่องธรรมดามากๆครับ

หากจะผิดหวังในตัวมิตซูโิอะ
ก็น่าจะเป็นในทำนองที่ว่าเขาสั่งสอนคนให้้รู้เท่าทันกิเลส
แต่ตัวเขาเองกลับทนความเย้ายวนของกิเลสไม่ไหว..... แบบนั้นมากกว่า...

เพราะจากระยะเวลาที่ฝ่ายหญิงเริ่มเข้่าวัดนั้น
มันพอคำนวนได้ว่า "ความรัก" ของมิตซูโอะกับฝ่ายหญิง "ก่อตัว" ขึ้นตอนที่เขายัง "อยู่ในผ้าเหลือง"

แต่ที่ผมว่ามิตซูโอะเพ้อเจ้อไปหน่อย
ก็เรื่องของความเชื่อที่ว่า "เป็นเนื้อคู่กันมาแต่ชาติปางก่อน"
แหมมมมม.....มิตซูโอะเป็นพระที่ต้องสอนคนไม่ให้งมงายนะครับ แต่ตัวเองดันมางมงายกับเรื่องแบบนี้

อยากมีเมียก็พูดออกมาตรงๆเลยครับ ไม่ต้องยกเหตุผลเรื่องชาติปางก่อนมาสนับสนุนหรอก

การทำตามที่หัวใจเราเรียกร้องไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย
ถ้าผมเป็นมิตซูโอะผมจะแค่บอกกล่าวต่อสาธารณะแบบตรงไปตรงมาว่า
"ผมอยากมีเมีย ผมทนความต้องการทางธรรมชาติไม่ไหว ผมก็เลยสึกออกมามีเมียครับ".....เท่านั้นเอง