...
ก่อนปี 2530  
กองพลทหารราบ (พล.ร.) แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ พล.ร.มาตรฐาน และ พล.ร.เบา

ข้อแตกต่างที่สำคัญของ พล.ร.ทั้ง 2 แบบ ได้แก่ ลักษณะของการจัดหน่วยสนับสนุน
พล.ร.มาตรฐาน จะมี กองพลาธิการ กองสรรพาวุธเบา กองพันเสนารักษ์ เป็นหน่วยสนับสนุน
ส่วน พล.ร.เบา จะจัดหน่วยสนับสนุนเป็นแบบรวมการ เรียกว่า กรมสนับสนุน


แต่เนื่องจากในช่วงปี 2520...ลัทธิคอมมิวนิสต์ได้รับชัยชนะในเวียตนาม ลาว และกัมพูชา
ทบ.จึงมีแนวคิดเพิ่มประสิทธิภาพในการรบให้กับ พล.ร. เพื่อเผชิญกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น
โดยมีแผนจะแปรสภาพ พล.ร.2 รอ. และ พล.ร.3 เป็น พล.ร.ยานเกราะ

การแปรสภาพดังกล่าว เริ่มดำเนินการในราวปี 2530 ในสมัย พล.อ.ชวลิตฯ เป็น ผบ.ทบ.
ในชั้นต้น...ได้รวบรวม รสพ.M113 จาก ร้อย.รสพ.ของทุกหน่วย ไปบรรจุให้กับ ร.12 รอ.
และมีแผนที่จะจัดหา รสพ.เพิ่มเติมให้กับ พล.ร.2 รอ. ให้เป็น พล.ร.ยานเกราะทั้งกองพล


แต่เนื่องจากปัญหาด้านงบประมาณ...การจัดหา รสพ.เพิ่มเติม จึงหยุดชะงักมาโดยตลอด
ล่วงเลยจนมาถึงสมัยที่ พล.อ.สนธิฯ เป็น ผบ.ทบ. จึงสามารถที่จะจัดหา BTR-3E1 มาได้
โดยบรรจุลง ร.2 รอ.ทั้งหมด...ทำให้ปัจจุบัน พล.ร.2 รอ.มีหน่วยยานเกราะ 2 ใน 3 หน่วย

ดังนั้น แผนงานเสริมสร้างกำลังกองทัพ จึงยังคงจะมีแผนในการที่จะจัดหา รสพ.เพิ่มเติม
โดยความเร่งด่วนจะเป็น ร.21 รอ. และ นขต.ของ พล.ร.3 ตามลำดับ

...