ปกติบ้านแม่ผมจะอยู่ในซอยวัดระฆัง ซึ่งคนที่เคยเข้าซอยนี้จะทราบดีถึงความแคบของซอง ประมาณ รถสองคัยสวนได้แบบไม่มีที่ให้เหลือ ถ้าเป็นคนที่อยู่ในซอยนี้จะทราบและจังหวะในการหลบดี วันนี้ผมไปรับแม่ผมไปซื้อของจังหวะออกจากซอย ผมก็ขับตามรถคันหน้ามาดี ก็มีรถสองคันสวนเข้ามาแบบ ไม่รู้จะรีบไปไหน และคิดว่าน่าจะไม่ใช่คนแถวนี้ สองคันนี้เขาก็ไม่ยอมหยุด ในช่วงที่ซอยกว้างก่อน เขาก็เดินหน้าเข้ามาเรื่อยๆ ในขณะที่รถผมกับคันหน้าอยู่กลางซอยช่วงซอยแคบแล้ว จนมีรถสี่คันสวนกันแบบขยับไม่ได้ อีสองคันที่สวนมาก็ไม่ยอมถอย จนผมรำคาญพยายามถอยหลังให้ อีคันแรกที่สวนเข้ามาก็เปิดกระจกตระโกนว่าให้ถอยไป ผมก็เห็นเป็นป้าแก่ๆคนหนึ่งผมก็ถอยให้ถอยจนรถผมจะสีกับกำแพงวัดอยู่แล้ว นางก็บอกให้ถอยอีก นาทีนั้นผมเริ่มหมดความอดทน เปิดกระจก และสวนกับไปว่า ผมถอยจนรถผมจะเข้าไปอยู่ในกำแพงวัดแล้วครับ แล้วอีนางคันหน้ามันก็ยังเดินหน้าเข้ามาเรื่อยๆ จนผมต้องพับหูช้างผม และผมก็เหลือบไปเห็นฝั่งซ้ายมือของมันเหลือที่พอสมควรในขณะที่ฝั่งซ้ายผมแถบจะสีกับกำแพงวัดแล้ว
ผมก็ตระโกนไปว่าฝั่งซ้ายคุณอะเหลือที่ไว้ทำอะไร มันถึงขับชิดซ้ายมันเข้าไปหน่อย พอคันมันขับผ่านไปอีกระบะคันหลังรีบพุ่งเข้ามา จนผมต้องยื่นหน้าออกไปทำมือให้อีกระบะหยุดก่อน เพราะรถมันใหญ่กว่าและผมก็ไม่สามารถถอยให้ได้แล้วด้วย มันถึงหยุด ผมถึงขยับผ่านมันออกมาได้ ผมยอมรับเลยว่าอารมณ์ตอนนั้นผมโมโหมาก จนแม่ผมต้องบอกให้ใจเย็น ทำให้ผมคิดได้ว่าคนสมัยนี้ขับรถไม่มีน้ำใจเลยครับ ผมมีเรื่องเล่าเท่านี้หละครับ เพลียจิตมากๆ
มีเรื่องเสียอารมย์มาเล่าให้ฟังครับ
ผมก็ตระโกนไปว่าฝั่งซ้ายคุณอะเหลือที่ไว้ทำอะไร มันถึงขับชิดซ้ายมันเข้าไปหน่อย พอคันมันขับผ่านไปอีกระบะคันหลังรีบพุ่งเข้ามา จนผมต้องยื่นหน้าออกไปทำมือให้อีกระบะหยุดก่อน เพราะรถมันใหญ่กว่าและผมก็ไม่สามารถถอยให้ได้แล้วด้วย มันถึงหยุด ผมถึงขยับผ่านมันออกมาได้ ผมยอมรับเลยว่าอารมณ์ตอนนั้นผมโมโหมาก จนแม่ผมต้องบอกให้ใจเย็น ทำให้ผมคิดได้ว่าคนสมัยนี้ขับรถไม่มีน้ำใจเลยครับ ผมมีเรื่องเล่าเท่านี้หละครับ เพลียจิตมากๆ