"เฉลิม" ทิ้งบอมบ์! ชูใบเสร็จ "ทักษิณ" เป็นคนปรับ ครม. ลั่นรัฐบาลอยู่ได้เพราะพึ่งพาตำรวจ แฉยับถูกย้ายเป็น "จับกัง 1" เพราะ" "ไอ้ทวี" ใส่ร้ายเปิดบ่อน ก่อนเป่าหู "แม้ว-ปู" ทิ้งปริศนาโตมาด้วยฝีมือตัวเองไม่ใช่แมงดา ส่วน ส.ส.แดงร่วมขย่ม "วรชัย" ยำปรับ ครม.สมยอมอำมาตย์ มวลชนบ่นพึมเป็นการถอยทางการเมือง เกรงใจ กลัวข้าศึก "ยิ่งลักษณ์" เหวอ บอกนักข่าวรอให้โผ ครม.เสร็จก่อนแล้วดูภาพรวมอีกที!
การปรับคณะรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ 5" ร่วม 20 ตำแหน่ง เพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลที่เริ่มสั่นคลอนจากพิษของนโยบายประชานิยม เริ่มมีกระแสความไม่พอใจจากแกนนำเสื้อแดงบางราย ถึงขั้นออกมาระบุว่า เป็นการปรับที่สมยอมกับอำมาตย์มากเกินไป ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาดับเครื่องชน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเป็นคนเป่าหู พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุก และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จนตัวเองถูกปรับย้ายไปอยู่กระทรวงแรงงาน
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 28 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งกำกับดูแล สตช. ที่กำลังตกเป็นข่าวเตรียมโยกย้ายไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางมามอบนโยบายการปฏิบัติราชการ ในงานสัมมนาการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายการบริหารราชการของ สตช.โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. กว่า 300 นาย เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ ก่อนที่จะเริ่มมอบนโยบาย ร.ต.อ.เฉลิม ที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม ได้เดินทักทายและพูดคุยกับนายตำรวจที่เข้าร่วมประชุม ก่อนที่จะกล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ต้องพึ่งพาตำรวจ ไม่เช่นนั้นไม่มีทางอยู่ได้ และ 2 ปีที่ผ่านมา ตนมีชื่อเสียงได้เพราะตำรวจช่วย เนื่องจากผลสำรวจทุกครั้ง หากไม่นับนายกฯ เอาแค่ระดับรองนายกฯ และระดับรัฐมนตรี ตนได้คะแนนสูงตลอด อยู่ที่ระดับ 8 กว่าๆ
ช่วงหนึ่งเขากล่าวว่า การที่ตนถูกปรับย้ายไปเป็นรมว.แรงงาน และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก มาแทนในตำแหน่งรองนายกฯ ดูแล สตช.นั้น ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงตามปกติ เพราะทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง ขอยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจ เพราะการเมืองไม่มีใครรักใคร แต่เป็นเรื่องของการประสานผลประโยชน์ให้เกิดความพอดี ฉะนั้นการปรับย้ายตนนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ร.ต.อ.เฉลิมแจงกรณีที่ถูกสื่อระบุได้ดีเพราะพ.ต.ท.ทักษิณว่า หลังปี 2547 ตนได้หยุดเล่นการเมือง แต่หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่วันนั้นยังไม่ได้เป็นนายกฯ ไปตามตนที่บ้านย่านบางบอน ให้ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ลอนดอน โดยมีการทาบทามให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นหัวหน้าพรรค แต่ทาง พล.อ.ชวลิตกลับปฏิเสธ เพราะมีการตั้งพรรคคู่ขนาน อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าอย่าเลย เดี๋ยวเขาจะตั้งพรรค และจะหาเสียงให้ หากพรรคชนะเลือกตั้ง จะให้ตนเป็น รมว.มหาดไทย ตนก็ตอบตกลง
โตเองไม่ใช่แมงดา
รองนายกฯ เล่าว่า ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้เป็น ผอ.ศปก.กปต.ทันทีที่ได้รับผิดชอบ ก็ได้เดินทางไปหาทหาร พร้อมบอกว่านายกฯ มอบหมายให้รับผิดชอบส่วนนี้ จะยอมรับได้ไหม ทางทหารก็บอกว่าได้ แต่ตนมองว่าปัญหาภาคใต้แก้ยาก หลังจากนั้นได้มีการมอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ให้ไปพูดคุยกับนายฮัสซัน ตอยิบ พร้อมกับความพยายามที่จะนำตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปพบนายนาจิบ ราซัก นายกฯ มาเลเซีย เพื่อให้เกิดการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น
เขาเล่าต่อว่า เรื่องนี้ก็ได้หารือกับ พล.ต.อ.อดุลย์ เห็นว่าถ้าเอานายกฯ ไปด่านหน้า ก็เหมือนเอาขุนไปเดินหน้าเบี้ย แต่ท้ายที่สุดเรื่องก็เสร็จ และมีการแถลงข่าวที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งตนรู้สึกไม่ปกติ จึงได้สอบถามไปยัง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯ สมช. ว่าทำไมก่อนหน้านี้ไม่มีการรายงานมายัง ศปก.กปต.ให้ทุกฝ่ายได้รับทราบ ซึ่งเรื่องนี้ทาง พล.ท.ภราดรก็เข้าใจ แต่พอมีการประชุม ศปก.กปต.กลับไม่มีการใส่ชื่อตนในที่ประชุม ท้ายที่สุดนายกฯ จึงต้องสอบถามว่าทำไมถึงไม่เข้าประชุม ตนก็ตอบกลับไปว่าเขาไม่ใส่ชื่อตน
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยว่า พ.ต.อ.ทวีไม่เคยฟัง ทำงานแบบสวัสดีครับ แล้วเอาเงินไปแจกมัสยิด แต่ไม่แจกทหารไทย นรต.รุ่น 37 อย่าง พ.ต.อ.ทวี ไม่เคยมองมาที่คณะทำงาน ไม่เคยมองทหาร แต่กลับเอาแต่พวกตนเอง เอาพวก ศอ.บต. ไม่เคยรายงานตน
"ไอ้ทวีจะไม่ให้เกียรติผมก็ได้ แต่ต้องให้เกียรติคณะทำงานด้วย แต่หากคุณไม่พอใจผม ก็ไปวิ่งเต้นโยกย้ายผมเลย สุดท้ายไอ้ทวีมันก็ทำได้ มันเอาความเท็จไปฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณและยิ่งลักษณ์ จนเป็นที่มาของการปรับ ครม.ให้ผมออกจากเก้าอี้ แล้วเอา พล.ต.อ.ประชามาแทน เพราะไอ้ทวีเป็นคนไปฟ้องว่า ไอ้เฉลิมเป็นคนตั้งบ่อน ตำรวจก็ไม่พอใจ นักข่าวที่สนิทกันก็มาถาม ผมก็ไม่แก้ตัว แต่ให้ไปถาม ผบ.ตร. ถาม ผบช.น. หรือ ผบก.ภ.จว. ว่าผมเปิดบ่อนจริงหรือไม่ ผมขอสาปแช่งเลยว่าใครเอาเรื่องนี้มาใส่ร้ายผม ขอให้มัน

เจ็ดชั่วโคตร ผมไม่กลัวโดนปรับออก ผมไม่ใส่ใจ ยินดีที่จะได้กลับไปเป็นผู้แทนฯ ผมโตมาได้เพราะฝ่าฟันด้วยตนเอง ไม่ได้เพราะอะไร ไม่ใช่แมงดา แต่เป็นฝีมือล้วนๆ แต่ขอบอกว่าไอ้ทวีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลประสบปัญหาภาคใต้ เรื่องนี้หากนายกฯ ไม่พอใจ หากปรับผมออกอีกก็ไม่เป็นไร ในทางการเมืองไม่มีใครอยากทะเลาะกับนายสมัครและผม เพราะคนนั้นเป็นคนที่คิดผิด กินยาผิดซอง"
ปูดแผนล้มรัฐบาล
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การเมืองเข้าสู่โหมดแตกหัก เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา นายกฯ เอาตัวรอด แต่พรรคเจอปัญหา พรรคต้องประสบปัญหาเรื่องจำนำข้าวที่เน่า โดยนายกฯ มอบหมายให้ตนดูแล และตนก็เชื่อมือตำรวจ ซึ่งทาง พล.ต.อ.วรพงษ์เคยกล่าวหาว่าถ้าขั้นตอนการจำหน่ายมีการทุจริตจำนวนมาก รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ สถานการณ์การยั่วยุจากกลุ่มหน้ากากขาว โดยจะมี 3-4 เครื่องที่เดินเครื่องหนักเพื่อล้มรัฐบาล
เขากล่าวว่า ในกลุ่มหน้ากากขาว จะมีพวกเสื้อเหลืองเก่า พวกพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม กลุ่ม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ และกลุ่มใหม่ การสร้างเงื่อนไขของคนเสื้อแดงให้เกิดการทุบตี หากแดงจริงไม่มีก็จะใช้แดงเทียม และเรื่องการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เป็นโครงการที่ดี แต่ศาลปกครองให้มีการประชาพิจารณ์ก่อนนั้น กู้เงินไม่ได้แล้ว และขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการฟ้อง ป.ป.ช.ตรงนี้ตนยืนยันว่ามีมูลล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะศาลบอกแล้วว่านายกฯ ไม่มีอำนาจกู้ ซึ่งขัดมาตรา 157 กรณีร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ขณะนี้เขายังดูอยู่ว่าถ้ายุบพรรคเพื่อไทยแล้วจะมีสมาชิกเพียงพอในการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ ถ้าตรวจสอบแล้วมีสมาชิกไม่ครบ ก็ต้องดูต่อว่ายุบพรรคแล้วเลือกตั้งชนะหรือไม่ การเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าเพื่อไทยชนะ ก็ยังไม่มีการยุบพรรค ตนอ่านการเมืองไม่ผิด
ทั้งนี้ ท่อนหนึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวว่า นอกจาก พ.ต.อ.ทวี ที่นำเรื่องไปฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว ยังมีนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ชอบยุ่งเอาความเท็จไปฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เช่นเดียวกัน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเหล่แบบนี้ เวลาจะโบกรถแท็กซี่ยังลำบากเลย เรื่องอื่นก็คงทำไม่ได้เรื่องเช่นเดียวกัน
วันเดียวกันนี้ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การปรับ ครม.ขณะนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต้องเตรียมทำศึกใหญ่กับฝ่ายจ้องทำลาย ต้องมีคนที่คอยตอบโต้กับพรรคฝ่ายค้าน และทำความเข้าใจกับสื่อ ทั้งเรื่องข้าว น้ำ และอีกสารพัดเรื่อง แต่ดูรายชื่อแล้วเห็นว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้เหมือนเป็นการสมยอม ประนีประนอมกับฝ่ายที่กุมอำนาจอีกฝั่งหนึ่งมากเกินไป
เขาตั้งข้อสังเกตว่า การเอา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไปเป็น รมว.แรงงาน จะไม่สามารถตอบโต้กับฝ่ายค้านได้เต็มที่ เอานายจาตุรนต์ ฉายแสง ไปเป็น รมว.ศึกษาธิการ ทำให้บทบาทของนักต่อสู้ประชาธิปไตยด้อยลงไปและทำงานการเมืองได้ไม่เต็มที่
"ผมไม่รู้ว่าปรับ ครม.หนนี้ใครเป็นคนคิด ใครเป็นคนจัด แต่มี ส.ส.และมวลชนคนเสื้อแดงมาระบายกับผมเยอะมากว่าเป็นการถอยทางการเมือง เกรงใจ กลัวข้าศึก ยอมอ่อนให้เขามากเกินไป" ส.ส.เสื้อแดงกล่าว
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรีแบบห้วนๆ ว่า "กำลังอยู่ในขั้นตอนของฝ่ายดำเนินการอยู่"
"ปู" มึน!

อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่
http://www.thaipost.net/news/290613/75700
ขี้ข้าเดือดแฉนาย ‘เหลิม’โยนบอมบ์‘ไอ้ทวี’แดงขย่ม‘ปู5’เพื่ออำมาตย์
การปรับคณะรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ 5" ร่วม 20 ตำแหน่ง เพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลที่เริ่มสั่นคลอนจากพิษของนโยบายประชานิยม เริ่มมีกระแสความไม่พอใจจากแกนนำเสื้อแดงบางราย ถึงขั้นออกมาระบุว่า เป็นการปรับที่สมยอมกับอำมาตย์มากเกินไป ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาดับเครื่องชน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเป็นคนเป่าหู พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุก และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จนตัวเองถูกปรับย้ายไปอยู่กระทรวงแรงงาน
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 28 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งกำกับดูแล สตช. ที่กำลังตกเป็นข่าวเตรียมโยกย้ายไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางมามอบนโยบายการปฏิบัติราชการ ในงานสัมมนาการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายการบริหารราชการของ สตช.โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. กว่า 300 นาย เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ ก่อนที่จะเริ่มมอบนโยบาย ร.ต.อ.เฉลิม ที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม ได้เดินทักทายและพูดคุยกับนายตำรวจที่เข้าร่วมประชุม ก่อนที่จะกล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ต้องพึ่งพาตำรวจ ไม่เช่นนั้นไม่มีทางอยู่ได้ และ 2 ปีที่ผ่านมา ตนมีชื่อเสียงได้เพราะตำรวจช่วย เนื่องจากผลสำรวจทุกครั้ง หากไม่นับนายกฯ เอาแค่ระดับรองนายกฯ และระดับรัฐมนตรี ตนได้คะแนนสูงตลอด อยู่ที่ระดับ 8 กว่าๆ
ช่วงหนึ่งเขากล่าวว่า การที่ตนถูกปรับย้ายไปเป็นรมว.แรงงาน และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก มาแทนในตำแหน่งรองนายกฯ ดูแล สตช.นั้น ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงตามปกติ เพราะทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง ขอยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจ เพราะการเมืองไม่มีใครรักใคร แต่เป็นเรื่องของการประสานผลประโยชน์ให้เกิดความพอดี ฉะนั้นการปรับย้ายตนนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ร.ต.อ.เฉลิมแจงกรณีที่ถูกสื่อระบุได้ดีเพราะพ.ต.ท.ทักษิณว่า หลังปี 2547 ตนได้หยุดเล่นการเมือง แต่หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่วันนั้นยังไม่ได้เป็นนายกฯ ไปตามตนที่บ้านย่านบางบอน ให้ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ลอนดอน โดยมีการทาบทามให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นหัวหน้าพรรค แต่ทาง พล.อ.ชวลิตกลับปฏิเสธ เพราะมีการตั้งพรรคคู่ขนาน อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าอย่าเลย เดี๋ยวเขาจะตั้งพรรค และจะหาเสียงให้ หากพรรคชนะเลือกตั้ง จะให้ตนเป็น รมว.มหาดไทย ตนก็ตอบตกลง
โตเองไม่ใช่แมงดา
รองนายกฯ เล่าว่า ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้เป็น ผอ.ศปก.กปต.ทันทีที่ได้รับผิดชอบ ก็ได้เดินทางไปหาทหาร พร้อมบอกว่านายกฯ มอบหมายให้รับผิดชอบส่วนนี้ จะยอมรับได้ไหม ทางทหารก็บอกว่าได้ แต่ตนมองว่าปัญหาภาคใต้แก้ยาก หลังจากนั้นได้มีการมอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ให้ไปพูดคุยกับนายฮัสซัน ตอยิบ พร้อมกับความพยายามที่จะนำตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปพบนายนาจิบ ราซัก นายกฯ มาเลเซีย เพื่อให้เกิดการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น
เขาเล่าต่อว่า เรื่องนี้ก็ได้หารือกับ พล.ต.อ.อดุลย์ เห็นว่าถ้าเอานายกฯ ไปด่านหน้า ก็เหมือนเอาขุนไปเดินหน้าเบี้ย แต่ท้ายที่สุดเรื่องก็เสร็จ และมีการแถลงข่าวที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งตนรู้สึกไม่ปกติ จึงได้สอบถามไปยัง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯ สมช. ว่าทำไมก่อนหน้านี้ไม่มีการรายงานมายัง ศปก.กปต.ให้ทุกฝ่ายได้รับทราบ ซึ่งเรื่องนี้ทาง พล.ท.ภราดรก็เข้าใจ แต่พอมีการประชุม ศปก.กปต.กลับไม่มีการใส่ชื่อตนในที่ประชุม ท้ายที่สุดนายกฯ จึงต้องสอบถามว่าทำไมถึงไม่เข้าประชุม ตนก็ตอบกลับไปว่าเขาไม่ใส่ชื่อตน
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยว่า พ.ต.อ.ทวีไม่เคยฟัง ทำงานแบบสวัสดีครับ แล้วเอาเงินไปแจกมัสยิด แต่ไม่แจกทหารไทย นรต.รุ่น 37 อย่าง พ.ต.อ.ทวี ไม่เคยมองมาที่คณะทำงาน ไม่เคยมองทหาร แต่กลับเอาแต่พวกตนเอง เอาพวก ศอ.บต. ไม่เคยรายงานตน
"ไอ้ทวีจะไม่ให้เกียรติผมก็ได้ แต่ต้องให้เกียรติคณะทำงานด้วย แต่หากคุณไม่พอใจผม ก็ไปวิ่งเต้นโยกย้ายผมเลย สุดท้ายไอ้ทวีมันก็ทำได้ มันเอาความเท็จไปฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณและยิ่งลักษณ์ จนเป็นที่มาของการปรับ ครม.ให้ผมออกจากเก้าอี้ แล้วเอา พล.ต.อ.ประชามาแทน เพราะไอ้ทวีเป็นคนไปฟ้องว่า ไอ้เฉลิมเป็นคนตั้งบ่อน ตำรวจก็ไม่พอใจ นักข่าวที่สนิทกันก็มาถาม ผมก็ไม่แก้ตัว แต่ให้ไปถาม ผบ.ตร. ถาม ผบช.น. หรือ ผบก.ภ.จว. ว่าผมเปิดบ่อนจริงหรือไม่ ผมขอสาปแช่งเลยว่าใครเอาเรื่องนี้มาใส่ร้ายผม ขอให้มัน
ปูดแผนล้มรัฐบาล
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การเมืองเข้าสู่โหมดแตกหัก เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา นายกฯ เอาตัวรอด แต่พรรคเจอปัญหา พรรคต้องประสบปัญหาเรื่องจำนำข้าวที่เน่า โดยนายกฯ มอบหมายให้ตนดูแล และตนก็เชื่อมือตำรวจ ซึ่งทาง พล.ต.อ.วรพงษ์เคยกล่าวหาว่าถ้าขั้นตอนการจำหน่ายมีการทุจริตจำนวนมาก รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ สถานการณ์การยั่วยุจากกลุ่มหน้ากากขาว โดยจะมี 3-4 เครื่องที่เดินเครื่องหนักเพื่อล้มรัฐบาล
เขากล่าวว่า ในกลุ่มหน้ากากขาว จะมีพวกเสื้อเหลืองเก่า พวกพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม กลุ่ม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ และกลุ่มใหม่ การสร้างเงื่อนไขของคนเสื้อแดงให้เกิดการทุบตี หากแดงจริงไม่มีก็จะใช้แดงเทียม และเรื่องการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เป็นโครงการที่ดี แต่ศาลปกครองให้มีการประชาพิจารณ์ก่อนนั้น กู้เงินไม่ได้แล้ว และขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการฟ้อง ป.ป.ช.ตรงนี้ตนยืนยันว่ามีมูลล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะศาลบอกแล้วว่านายกฯ ไม่มีอำนาจกู้ ซึ่งขัดมาตรา 157 กรณีร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ขณะนี้เขายังดูอยู่ว่าถ้ายุบพรรคเพื่อไทยแล้วจะมีสมาชิกเพียงพอในการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ ถ้าตรวจสอบแล้วมีสมาชิกไม่ครบ ก็ต้องดูต่อว่ายุบพรรคแล้วเลือกตั้งชนะหรือไม่ การเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าเพื่อไทยชนะ ก็ยังไม่มีการยุบพรรค ตนอ่านการเมืองไม่ผิด
ทั้งนี้ ท่อนหนึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวว่า นอกจาก พ.ต.อ.ทวี ที่นำเรื่องไปฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว ยังมีนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ชอบยุ่งเอาความเท็จไปฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เช่นเดียวกัน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเหล่แบบนี้ เวลาจะโบกรถแท็กซี่ยังลำบากเลย เรื่องอื่นก็คงทำไม่ได้เรื่องเช่นเดียวกัน
วันเดียวกันนี้ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การปรับ ครม.ขณะนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต้องเตรียมทำศึกใหญ่กับฝ่ายจ้องทำลาย ต้องมีคนที่คอยตอบโต้กับพรรคฝ่ายค้าน และทำความเข้าใจกับสื่อ ทั้งเรื่องข้าว น้ำ และอีกสารพัดเรื่อง แต่ดูรายชื่อแล้วเห็นว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้เหมือนเป็นการสมยอม ประนีประนอมกับฝ่ายที่กุมอำนาจอีกฝั่งหนึ่งมากเกินไป
เขาตั้งข้อสังเกตว่า การเอา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไปเป็น รมว.แรงงาน จะไม่สามารถตอบโต้กับฝ่ายค้านได้เต็มที่ เอานายจาตุรนต์ ฉายแสง ไปเป็น รมว.ศึกษาธิการ ทำให้บทบาทของนักต่อสู้ประชาธิปไตยด้อยลงไปและทำงานการเมืองได้ไม่เต็มที่
"ผมไม่รู้ว่าปรับ ครม.หนนี้ใครเป็นคนคิด ใครเป็นคนจัด แต่มี ส.ส.และมวลชนคนเสื้อแดงมาระบายกับผมเยอะมากว่าเป็นการถอยทางการเมือง เกรงใจ กลัวข้าศึก ยอมอ่อนให้เขามากเกินไป" ส.ส.เสื้อแดงกล่าว
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรีแบบห้วนๆ ว่า "กำลังอยู่ในขั้นตอนของฝ่ายดำเนินการอยู่"
"ปู" มึน!
อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ http://www.thaipost.net/news/290613/75700