ข้าวถุงราคาประหยัด2.5ล.ตัน ทำชาติเสียหาย
วันพุธที่ 26 มิถุนายน 2013 เวลา 12:01 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ การค้า-ส่งออก - คอลัมน์ : การค้า-ส่งออก
จากที่ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้เปิดประเด็นความไม่ชอบมาพากลในการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อทำเป็นข้าวสารบรรจุถุงจำหน่ายให้ประชาชนในราคาประหยัดเพื่อช่วยลดค่าครองชีพ (5 กก.ราคา 70 บาท) ผ่านช่องทางร้านถูกใจ โครงการธงฟ้า และร้านค้าทั่วไปเป็นฉบับแรก มาตั้งแต่ฉบับที่ 2,829 วันที่ 24-27 มีนาคม 2556 พาดหัวข่าว "พิรุธระบายข้าว 1.8 ล้านตันเอื้อ 3 บริษัท" จากนั้นได้เกาะติดรายงานความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่องและได้พบพิรุธต่างๆ มากมาย
ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบพบว่าโครงการนี้เอื้อประโยชน์ให้กับทั้งโรงสีที่เป็นผู้รับปรับปรุงคุณภาพข้าวและบรรจุถุงป้อนให้กับโครงการ เอื้อต่อตัวแทนจำหน่ายข้าวถุงขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และเอื้อต่อนักการเมืองที่เข้ามาแบ่งผลประโยชน์ ซึ่งจากการตรวจสอบการอนุมัติระบายข้าวถุงมาตั้งแต่ปลายปี 2554 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันรวมปริมาณข้าวทั้งสิ้น 2.5 ล้านตัน หากทำข้าวบรรจุถุงจะได้มากถึง 500 ล้านถุงสามารถเห็นได้ในทุกตรอกซอกซอยของประเทศ แต่กลับมีข้าวตกถึงมือประชาชนจริงเพียงแค่ 5-10% เท่านั้น
+++-แกะรอย..ข้าวล่องหน
"ข้าวล่องหน...หายไปไหน? " เป็นคำถามที่ พล.ต.ท. ยุทธนา ไทยภักดี ประธานคณะอนุกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา และคณะ ได้ตั้งประเด็นถาม พร้อมแกะรอย ติดตาม ตรวจสอบ ทั้งจากต้นทางการระบายข้าวโดยเชิญทางกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กรมการค้าภายใน (คน.) องค์การคลังสินค้า (อคส.) และบริษัท นิ่มซี่เส็ง (1988) จำกัด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ที่เป็นผู้กระจายสินค้าในช่วงแรก และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการระบายมาให้ข้อมูล เพราะเชื่อว่ามีช่องโหว่ที่อาจไปสู่ช่องทางการทุจริต ไม่โปร่งใส
เฉพาะอย่างยิ่งการระบายข้าวถุงผ่านช่องทางร้านค้าทั่วไป ที่ อคส.ได้ตั้ง 3 บริษัทเอกชน เป็นตัวแทนจำหน่าย ประกอบด้วย บริษัทคอน-ไซน์ เทรดดิ้ง จำกัด (บจก.) บจก. สยามรักษ์ และ บจก.ร่มทอง โดยข้อมูลการจดทะเบียนบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์ พบทั้ง 3 บริษัทไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าข้าวเลย
ส่วนการระบายข้าวถุงผ่านร้านถูกใจ และโครงการธงฟ้าราคาประหยัดนั้น ในตอนแรก ได้ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ ไปรับมาจากซัพพลายเออร์ แล้วกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2555 และสิ้นสุดการดำเนินการในวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 51 วัน จัดส่งข้าวสารถุงไป 1.1 หมื่นถุง (ถุง 5 กก. ) ต่อมากระทรวงพาณิชย์ได้ส่งมอบภารกิจนี้ให้กับ บจก. นิ่มซี่เส็ง (1988) เป็นผู้ดำเนินการ โดยกำหนดปริมาณการสั่งซื้อข้าวถุงไม่เกินสัปดาห์ละ 5 หมื่นกระสอบ หรือประมาณ 2.5 พันตันต่อสัปดาห์(1 หมื่นตันต่อเดือน)
ขณะที่ศักยภาพการขนส่งของนิ่มซี่เส็งและเครือข่ายมีสูงกว่าหลายเท่าตัว และความต้องการข้าวของร้านถูกใจเพื่อนำไปจำหน่ายมีเป็นจำนวนมาก แต่ปรากฏข้าวจำนวนดังกล่าวกลับไปไม่ถึงมือทั้งร้านค้าและผู้บริโภค
+++ย้อนรอยข้าวถุง 2.5 ล้านตัน
สำหรับการอนุมัติระบายข้าวสารเพื่อทำเป็นข้าวถุงของรัฐบาลผ่าน อคส. เริ่มครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 ให้ผลิตข้าวสารบรรจุถุงละ 4 กิโลกรัม จำนวน 3 หมื่นตัน ใช้ข้าวขาว 5% จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 เพื่อนำไปบริจาคให้แก่ผู้ประสบสาธารณภัยในจังหวัดต่างๆ ช่วงประสบภัยน้ำท่วม หลังจากที่ได้แจกจ่ายผู้ประสบภัยได้ประมาณ 1 หมื่นตันได้รับการร้องเรียนว่าข้าวมีกลิ่น คุณภาพไม่ดี
จึงเป็นที่มาของมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2554 ให้นำข้าวจากโครงการนาปี 2554/55 มาบรรจุถุงแทน ซึ่งมีการอนุมัติ 2 กรอบ กรอบแรก ให้นำข้าวจากโครงการใหม่นำมาปรับปรุงแจกจ่ายให้กับผู้บริโภคในจำนวนที่เหลือ 2 หมื่นตัน และได้อนุมัติให้นำข้าวสาร 5% จำนวน 1 แสนตัน ไปบรรจุถุงจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป จำหน่ายไม่เกินถุงละ 70 บาท
ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555 อนุมัติให้นำข้าวสาร 5% จำนวน 5 หมื่นตัน จากจำนวน 1 แสนตัน ที่ได้รับอนุมัติก่อนหน้านี้ นำมาบรรจุถุงละ 5 กิโลกรัม ในราคาจำหน่ายไม่เกินถุงละ 70 บาท ให้ประชาชนทั่วไปในโครงการธงฟ้าราคาประหยัด และจำหน่ายให้พี่น้องไทยมุสลิมภาคใต้
ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2555 ให้อคส.ทำข้าวถุง 5 กิโลกรัม จำนวน 1 แสนตัน (ผู้ประมูลได้เพื่อนำข้าวไปปรับปรุงและบรรจุถุงคือ บจก.เจียเม้ง) ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 อนุมัติโครงการข้าวนาปรังปี 2555 นำข้าวขาว 5% จำนวน 4 แสนตันและข้าวเหนียว 10% เมล็ดยาว จำนวน 1 แสนตัน รวมเป็น 5 แสนตัน บรรจุถุงถุงละ 5 กิโลกรัม นำมาจำหน่ายให้ร้านถูกใจ ร้านค้าทั่วไป และร้านค้าธงฟ้า ในราคาไม่เกินถุงละ 70 บาท จากผู้ประกอบการโรงสีประมูลข้าวได้เพื่อนำไปปรับปรุงคุณภาพและบรรจุถุงทั้งหมด 4 ราย ประกอบด้วย บจก.นครสวรรค์ค้าข้าว ห้างหุ้นส่วนโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ จำกัด บจก.สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น และบจก. เจียเม้ง และครั้งที่ 6 มติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2555 เห็นชอบให้ระบายข้าวขาว 5% และข้าวเหนียว 10% เมล็ดยาว จากโครงการข้าวนาปรังปี 2555 เดือนละ 3 แสนตัน (ม.ค.-มิ.ย.56) รวมปริมาณทุกโครงการทั้งสิ้น 2.5 ล้านตัน
+++ ยันเบิกจริงกว่า 5 แสนตัน
ต่อข้าวปริมาณ 2.5 ล้านตันข้างต้นเพื่อทำข้าวถุงราคาถูก ล่าสุด น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในส่วนข้าวถุงที่ส่งจำหน่ายใน 3 ส่วน(ร้านถูกใจ ร้านธงฟ้า และร้านค้าทั่วไป)มีการนำข้าวออกไปแล้ว 5.58 แสนตัน ในจำนวนนี้ส่งให้กับร้านถูกใจถึง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2556 (เป็นช่วงรอยต่อปรับเปลี่ยนโครงการ)รวมประมาณ 4 หมื่นกว่าตัน ขณะนี้เพิ่งเริ่มดำเนินการใหม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเงื่อนไข 70 บาทต่อถุง ผู้ขายได้ส่วนต่าง 3.50 บาท ล่าสุดข้าวได้กระจายสินค้าออกไปแล้ว 2 หมื่นกว่าถุง ส่วนช่องทางอื่นกำลังตรวจสอบข้อมูลจาก อคส.
ขณะที่นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล รองผู้อำนวยการ อคส.ชี้แจงว่า กรอบการอนุมัติ 2.5 ล้านตัน ได้มีการเบิกจริง และจำหน่ายข้าวรวมแล้วปริมาณกว่า 4 แสนตัน และได้ทยอยส่งเงินคืนไปแล้ว ส่วนที่เหลือยังไม่ได้เบิกออกมายังอยู่ในโกดังเช่นเดิม
+++พิรุธใบเสร็จ ไม่มียอดส่ง
อย่างไรก็ดี พล.ต.ท. ยุทธนา ไทยภักดี ได้ออกมาแฉว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกกับเจ้าหน้าที่ อคส.พบข้อมูลไม่ตรงกัน โดยระบุตั้งแต่เดือนเมษายน 2555 ถึงปัจจุบันมีการเบิกข้าวออกไปแล้ว 1.1 ล้านตัน จัดส่งข้าวได้แค่ 5.6 หมื่นตัน และจากการตรวจสอบการจำหน่ายข้าวถุงราคาประหยัดนี้ทั้งในร้านถูกใจและในช่องทางร้านค้าทั่วไปในต่างจังหวัดไม่พบมีข้าวขายในตลาด ขณะที่จากการตรวจสอบหลักฐานคำสั่งซื้อข้าวถุงของตัวแทนจำหน่ายทั้ง 3 บริษัทเพื่อจำหน่ายให้กับร้านค้าทั่วไปก็ไม่มีลายเซ็นส่งของให้กับใครเลย แม้กระทั่งบางใบเสร็จ ก็ไม่มีลายเซ็นรับข้าวจากโรงสีผู้รับจ้างปรับปรุง หรือในบางใบเสร็จก็ไม่มีรายการสินค้า แต่มีตัวยอดเงินสด เข้ามา
นับว่าเป็นเรื่องที่แปลก พิลึก ทั้งที่โรงสีที่ได้รับจ้างปรับปรุงข้าวตั้งแต่ครั้งแรก มีเอกสารยืนยันการเบิกข้าวออกไปจริงจำนวนมาก แล้วข้าวหายไปไหน?
"ผมไปถามร้านค้าทั่วไปเขาบอกไม่รู้จักชื่อตัวแทนจำหน่าย และไม่มีข้าวส่งถึงเขาเลย ก่อนหน้านี้มีแต่โรงสีผู้ผลิตจัดส่งให้ไม่กี่ครั้ง ผมจึงยืนยันได้ว่าข้าวหายไปในช่องทางจำหน่ายให้ร้านค้าทั่วไป เท่าที่รู้มาเขาขายเป็นโกดังเลย ข้าวกว่า 2 ล้านตันขายหมดแล้วจ่ายเงินหมดแล้ว โดย 3 บริษัทตัวแทนจ่ายเป็นเช็คให้กับ อคส.แล้ว เขาบอกซื้อแล้วจะขายอย่างไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องขายราคานี้ด้วยซ้ำ(70 บาท)นี่คือคำตอบของ 3 บริษัทที่ตอบมาเป็นหนังสือ เขาบอกไม่มีหน้าที่ส่งร้านถูกใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะข้าวปัจจุบันราคาตลาด 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ขายให้กับโครงการข้าวถุงแค่ 7.6 พันบาทหรือแค่ครึ่งเดียว คิดดูราคาควบคุมที่ 70 บาทต่อถุง เขาไปขายต่อโดยทำเป็นข้าวยี่ห้ออื่นราคา 80-120 บาทต่อถุง ส่วนหนึ่งเอาไปเป็นกระสอบเพื่อขายต่อ คำนวณแล้วงานนี้ประเทศเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท"
จากข้อมูลที่แม้หลายฝ่ายจะชี้แจงไม่ตรงกัน แต่จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏไม่มีข้าวถุงราคาประหยัดของ อคส.จำหน่ายในช่องทางร้านค้าทั่วไปทั่วประเทศ อนุมานได้ว่าโครงการนี้เกิดการทุจริตมโหฬารอย่างแน่นอน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,856 วันที่ 27 - 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=188681:25-&catid=87:2009-02-08-11-23-26&Itemid=423
ข้าวถุงราคาประหยัดของ อคส.
วันพุธที่ 26 มิถุนายน 2013 เวลา 12:01 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ การค้า-ส่งออก - คอลัมน์ : การค้า-ส่งออก
จากที่ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้เปิดประเด็นความไม่ชอบมาพากลในการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อทำเป็นข้าวสารบรรจุถุงจำหน่ายให้ประชาชนในราคาประหยัดเพื่อช่วยลดค่าครองชีพ (5 กก.ราคา 70 บาท) ผ่านช่องทางร้านถูกใจ โครงการธงฟ้า และร้านค้าทั่วไปเป็นฉบับแรก มาตั้งแต่ฉบับที่ 2,829 วันที่ 24-27 มีนาคม 2556 พาดหัวข่าว "พิรุธระบายข้าว 1.8 ล้านตันเอื้อ 3 บริษัท" จากนั้นได้เกาะติดรายงานความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่องและได้พบพิรุธต่างๆ มากมาย
ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบพบว่าโครงการนี้เอื้อประโยชน์ให้กับทั้งโรงสีที่เป็นผู้รับปรับปรุงคุณภาพข้าวและบรรจุถุงป้อนให้กับโครงการ เอื้อต่อตัวแทนจำหน่ายข้าวถุงขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และเอื้อต่อนักการเมืองที่เข้ามาแบ่งผลประโยชน์ ซึ่งจากการตรวจสอบการอนุมัติระบายข้าวถุงมาตั้งแต่ปลายปี 2554 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันรวมปริมาณข้าวทั้งสิ้น 2.5 ล้านตัน หากทำข้าวบรรจุถุงจะได้มากถึง 500 ล้านถุงสามารถเห็นได้ในทุกตรอกซอกซอยของประเทศ แต่กลับมีข้าวตกถึงมือประชาชนจริงเพียงแค่ 5-10% เท่านั้น
+++-แกะรอย..ข้าวล่องหน
"ข้าวล่องหน...หายไปไหน? " เป็นคำถามที่ พล.ต.ท. ยุทธนา ไทยภักดี ประธานคณะอนุกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา และคณะ ได้ตั้งประเด็นถาม พร้อมแกะรอย ติดตาม ตรวจสอบ ทั้งจากต้นทางการระบายข้าวโดยเชิญทางกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กรมการค้าภายใน (คน.) องค์การคลังสินค้า (อคส.) และบริษัท นิ่มซี่เส็ง (1988) จำกัด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ที่เป็นผู้กระจายสินค้าในช่วงแรก และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการระบายมาให้ข้อมูล เพราะเชื่อว่ามีช่องโหว่ที่อาจไปสู่ช่องทางการทุจริต ไม่โปร่งใส
เฉพาะอย่างยิ่งการระบายข้าวถุงผ่านช่องทางร้านค้าทั่วไป ที่ อคส.ได้ตั้ง 3 บริษัทเอกชน เป็นตัวแทนจำหน่าย ประกอบด้วย บริษัทคอน-ไซน์ เทรดดิ้ง จำกัด (บจก.) บจก. สยามรักษ์ และ บจก.ร่มทอง โดยข้อมูลการจดทะเบียนบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์ พบทั้ง 3 บริษัทไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าข้าวเลย
ส่วนการระบายข้าวถุงผ่านร้านถูกใจ และโครงการธงฟ้าราคาประหยัดนั้น ในตอนแรก ได้ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ ไปรับมาจากซัพพลายเออร์ แล้วกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2555 และสิ้นสุดการดำเนินการในวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 51 วัน จัดส่งข้าวสารถุงไป 1.1 หมื่นถุง (ถุง 5 กก. ) ต่อมากระทรวงพาณิชย์ได้ส่งมอบภารกิจนี้ให้กับ บจก. นิ่มซี่เส็ง (1988) เป็นผู้ดำเนินการ โดยกำหนดปริมาณการสั่งซื้อข้าวถุงไม่เกินสัปดาห์ละ 5 หมื่นกระสอบ หรือประมาณ 2.5 พันตันต่อสัปดาห์(1 หมื่นตันต่อเดือน)
ขณะที่ศักยภาพการขนส่งของนิ่มซี่เส็งและเครือข่ายมีสูงกว่าหลายเท่าตัว และความต้องการข้าวของร้านถูกใจเพื่อนำไปจำหน่ายมีเป็นจำนวนมาก แต่ปรากฏข้าวจำนวนดังกล่าวกลับไปไม่ถึงมือทั้งร้านค้าและผู้บริโภค
+++ย้อนรอยข้าวถุง 2.5 ล้านตัน
สำหรับการอนุมัติระบายข้าวสารเพื่อทำเป็นข้าวถุงของรัฐบาลผ่าน อคส. เริ่มครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 ให้ผลิตข้าวสารบรรจุถุงละ 4 กิโลกรัม จำนวน 3 หมื่นตัน ใช้ข้าวขาว 5% จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 เพื่อนำไปบริจาคให้แก่ผู้ประสบสาธารณภัยในจังหวัดต่างๆ ช่วงประสบภัยน้ำท่วม หลังจากที่ได้แจกจ่ายผู้ประสบภัยได้ประมาณ 1 หมื่นตันได้รับการร้องเรียนว่าข้าวมีกลิ่น คุณภาพไม่ดี
จึงเป็นที่มาของมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2554 ให้นำข้าวจากโครงการนาปี 2554/55 มาบรรจุถุงแทน ซึ่งมีการอนุมัติ 2 กรอบ กรอบแรก ให้นำข้าวจากโครงการใหม่นำมาปรับปรุงแจกจ่ายให้กับผู้บริโภคในจำนวนที่เหลือ 2 หมื่นตัน และได้อนุมัติให้นำข้าวสาร 5% จำนวน 1 แสนตัน ไปบรรจุถุงจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป จำหน่ายไม่เกินถุงละ 70 บาท
ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555 อนุมัติให้นำข้าวสาร 5% จำนวน 5 หมื่นตัน จากจำนวน 1 แสนตัน ที่ได้รับอนุมัติก่อนหน้านี้ นำมาบรรจุถุงละ 5 กิโลกรัม ในราคาจำหน่ายไม่เกินถุงละ 70 บาท ให้ประชาชนทั่วไปในโครงการธงฟ้าราคาประหยัด และจำหน่ายให้พี่น้องไทยมุสลิมภาคใต้
ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2555 ให้อคส.ทำข้าวถุง 5 กิโลกรัม จำนวน 1 แสนตัน (ผู้ประมูลได้เพื่อนำข้าวไปปรับปรุงและบรรจุถุงคือ บจก.เจียเม้ง) ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 อนุมัติโครงการข้าวนาปรังปี 2555 นำข้าวขาว 5% จำนวน 4 แสนตันและข้าวเหนียว 10% เมล็ดยาว จำนวน 1 แสนตัน รวมเป็น 5 แสนตัน บรรจุถุงถุงละ 5 กิโลกรัม นำมาจำหน่ายให้ร้านถูกใจ ร้านค้าทั่วไป และร้านค้าธงฟ้า ในราคาไม่เกินถุงละ 70 บาท จากผู้ประกอบการโรงสีประมูลข้าวได้เพื่อนำไปปรับปรุงคุณภาพและบรรจุถุงทั้งหมด 4 ราย ประกอบด้วย บจก.นครสวรรค์ค้าข้าว ห้างหุ้นส่วนโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ จำกัด บจก.สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น และบจก. เจียเม้ง และครั้งที่ 6 มติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2555 เห็นชอบให้ระบายข้าวขาว 5% และข้าวเหนียว 10% เมล็ดยาว จากโครงการข้าวนาปรังปี 2555 เดือนละ 3 แสนตัน (ม.ค.-มิ.ย.56) รวมปริมาณทุกโครงการทั้งสิ้น 2.5 ล้านตัน
+++ ยันเบิกจริงกว่า 5 แสนตัน
ต่อข้าวปริมาณ 2.5 ล้านตันข้างต้นเพื่อทำข้าวถุงราคาถูก ล่าสุด น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในส่วนข้าวถุงที่ส่งจำหน่ายใน 3 ส่วน(ร้านถูกใจ ร้านธงฟ้า และร้านค้าทั่วไป)มีการนำข้าวออกไปแล้ว 5.58 แสนตัน ในจำนวนนี้ส่งให้กับร้านถูกใจถึง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2556 (เป็นช่วงรอยต่อปรับเปลี่ยนโครงการ)รวมประมาณ 4 หมื่นกว่าตัน ขณะนี้เพิ่งเริ่มดำเนินการใหม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเงื่อนไข 70 บาทต่อถุง ผู้ขายได้ส่วนต่าง 3.50 บาท ล่าสุดข้าวได้กระจายสินค้าออกไปแล้ว 2 หมื่นกว่าถุง ส่วนช่องทางอื่นกำลังตรวจสอบข้อมูลจาก อคส.
ขณะที่นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล รองผู้อำนวยการ อคส.ชี้แจงว่า กรอบการอนุมัติ 2.5 ล้านตัน ได้มีการเบิกจริง และจำหน่ายข้าวรวมแล้วปริมาณกว่า 4 แสนตัน และได้ทยอยส่งเงินคืนไปแล้ว ส่วนที่เหลือยังไม่ได้เบิกออกมายังอยู่ในโกดังเช่นเดิม
+++พิรุธใบเสร็จ ไม่มียอดส่ง
อย่างไรก็ดี พล.ต.ท. ยุทธนา ไทยภักดี ได้ออกมาแฉว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกกับเจ้าหน้าที่ อคส.พบข้อมูลไม่ตรงกัน โดยระบุตั้งแต่เดือนเมษายน 2555 ถึงปัจจุบันมีการเบิกข้าวออกไปแล้ว 1.1 ล้านตัน จัดส่งข้าวได้แค่ 5.6 หมื่นตัน และจากการตรวจสอบการจำหน่ายข้าวถุงราคาประหยัดนี้ทั้งในร้านถูกใจและในช่องทางร้านค้าทั่วไปในต่างจังหวัดไม่พบมีข้าวขายในตลาด ขณะที่จากการตรวจสอบหลักฐานคำสั่งซื้อข้าวถุงของตัวแทนจำหน่ายทั้ง 3 บริษัทเพื่อจำหน่ายให้กับร้านค้าทั่วไปก็ไม่มีลายเซ็นส่งของให้กับใครเลย แม้กระทั่งบางใบเสร็จ ก็ไม่มีลายเซ็นรับข้าวจากโรงสีผู้รับจ้างปรับปรุง หรือในบางใบเสร็จก็ไม่มีรายการสินค้า แต่มีตัวยอดเงินสด เข้ามา
นับว่าเป็นเรื่องที่แปลก พิลึก ทั้งที่โรงสีที่ได้รับจ้างปรับปรุงข้าวตั้งแต่ครั้งแรก มีเอกสารยืนยันการเบิกข้าวออกไปจริงจำนวนมาก แล้วข้าวหายไปไหน?
"ผมไปถามร้านค้าทั่วไปเขาบอกไม่รู้จักชื่อตัวแทนจำหน่าย และไม่มีข้าวส่งถึงเขาเลย ก่อนหน้านี้มีแต่โรงสีผู้ผลิตจัดส่งให้ไม่กี่ครั้ง ผมจึงยืนยันได้ว่าข้าวหายไปในช่องทางจำหน่ายให้ร้านค้าทั่วไป เท่าที่รู้มาเขาขายเป็นโกดังเลย ข้าวกว่า 2 ล้านตันขายหมดแล้วจ่ายเงินหมดแล้ว โดย 3 บริษัทตัวแทนจ่ายเป็นเช็คให้กับ อคส.แล้ว เขาบอกซื้อแล้วจะขายอย่างไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องขายราคานี้ด้วยซ้ำ(70 บาท)นี่คือคำตอบของ 3 บริษัทที่ตอบมาเป็นหนังสือ เขาบอกไม่มีหน้าที่ส่งร้านถูกใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะข้าวปัจจุบันราคาตลาด 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ขายให้กับโครงการข้าวถุงแค่ 7.6 พันบาทหรือแค่ครึ่งเดียว คิดดูราคาควบคุมที่ 70 บาทต่อถุง เขาไปขายต่อโดยทำเป็นข้าวยี่ห้ออื่นราคา 80-120 บาทต่อถุง ส่วนหนึ่งเอาไปเป็นกระสอบเพื่อขายต่อ คำนวณแล้วงานนี้ประเทศเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท"
จากข้อมูลที่แม้หลายฝ่ายจะชี้แจงไม่ตรงกัน แต่จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏไม่มีข้าวถุงราคาประหยัดของ อคส.จำหน่ายในช่องทางร้านค้าทั่วไปทั่วประเทศ อนุมานได้ว่าโครงการนี้เกิดการทุจริตมโหฬารอย่างแน่นอน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,856 วันที่ 27 - 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=188681:25-&catid=87:2009-02-08-11-23-26&Itemid=423