ช่วงชิวิตหนึ่งระหว่างเรียนรามคำแหงปีสอง ราว 20 ปี ผ่านมาแล้ว พ่อเคยส่งผมไปทำงานที่โรงแรมๆ เล็ก แห่งหนึ่งของเพื่อนรุ่นน้องของพ่อ ซึ่งนับถือพ่อเป็นตั๊วเฮีย ทำงานอาทิตย์ล่ะห้าวัน ทำงานค่ำๆไปยันเช้า หยุดวันพฤหัส เพื่อไปเรียน รด. และ วันอาทิตย์ ให้นอนเล่นอยู่กับบ้าน 1 วัน
อาเป็นนายตำรวจเชื้อจีน เวลานั่งทานข้าวเย็น มีลูกๆ ของอา ซึงรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมหลายคน ล้อมวงทานด้วยกัน ผมได้ความรู้จากการที่อาสอนลูกๆ หลายอย่าง ทุกคนในบ้านต้องมีหน้าที่ทำงานภายในกิจการของครอบครัว ซึ่งมีทั้ง ภัตตาคารจีน โต๊ะสนุกเกอร์ และ โรงแรมม่านรูด ราวๆ 20 ห้อง พนักงานที่นั่นเกือบทุกคนเรียกผมว่าเฮีย แม้หลายคนจะอายุมากกว่าผม ด้วยมีศักดิ์เป็นหลานเจ้าของ เป็นพี่ๆน้องกับลูกเถ้าแก่ก็ว่ากันตามความนับถือ ให้เกียรติ
ด้านข้างโรงแรม มีค๊อฟฟี่ชอบเล็กๆ อยู่ด้วย มีดนตรีอีเลคโทนเล่น มีนักร้องสาวๆ เป็นดาราชูโรง .ในฐานะแคชเชียร์ รอบค่ำ เก็บเงินผู้มาใช้บริการห้องพักค้างคืนบ้าง ชั่วคราวบ้าง ส่วนใหญ่มาหาความสำราญทางเพศรส จากสาวบริการ หลังจากออกมาจากการดื่มเหล้าเคล้านารีจากค๊อฟฟี่ชอบ เรา หมายถึงผมกับ บ๋อย และเด็กเปิดห้องต้องโทรศัพท์เรียกเด็กจากร้านไกล้ๆ มาให้แขกดูด้วย ถ้าแขกต้องการ
ลูกค้าอีกส่วนหนึ่งเป็นเซลส์ขายของ หลายคนมาพักบ่อยจนเป็นขาประจำ คุ้นหน้าคุ้นตา หลายหนเรานั่งดื่มกันคุยกัน เซลส์จะดื่มเหล้า ผมจะดื่มกาแฟ รึ ชาร้อน เรื่องราวสนุกสนานของเซลส์ที่ชิวิตเลือกได้ อยู่กับการเดินทาง และเปอร์เซ็นต์ยอดขาย ถูกถ่ายทอดออกมามากมาย ยังความตื่นใจให้กับหนุ่มน้อยอย่างผม เหลือเกิน
แต่เรื่องราวหลากหลายมิติ ระหว่างผมกับหญิงบริการ มันมีมากมายกว่านั้น บ่อยครั้งพวกเธอจะลงมาคุยเล่นเป็นเพื่อนผม จนเกือบเช้ารอร้านของเธอจะส่งคนมารับหลังจากที่แขกกลับ รึ แขกเปลี่ยนใจกลับบ้าน ผมนั่งคุยกะพวกเธออย่างคุ้นเคย เอื้ออาทรต่อบาดแผลเล็กน้อยที่เธอถูกกระทำจากแขกบ้าง ชิวิตครอบครัวอันยากแค้นบ้าง คุยเรื่องพ่อแม่ แม้แต่ลูกเล็กๆที่อยู่บ้านนอกของพวกเธอ หลายคนจับจองผมเป็นแฟน และพวกเธอก็ได้สิทธิ กอดคอ เกาะแขนนั้นไป ยามเธอเหงาและต้องการเพื่อนสักคนที่ไม่ได้มุ่งหมายแต่จะตักตวง เสพสุขจากเรือนร่าง เลือดเนื้อของพวกเธอ
ถ้าจะเรียกว่าชีวิตกลางคืนที่หลากหลายเรื่องราวและแปลกใหม่ของผม เริ่มต้นที่นี่ ก็ไม่ผิดนัก ทำให้ผมรู้ว่า ชิวิตที่เลือกเองไม่ได้ ไม่ได้มีความสุข แต่ทำให้คนอื่นมีความสุข ได้ มันมีอยู่จริง การเริ่มต้นทำงานในโรงแรมม่านรูด ในที่อโคจร สมบูรณ์แบบ นำพาผมไปสู่ชิวิตการทำงานโรงแรมจริงๆ ในอีกไม่กี่ปีถัดมา มันจะเรียกว่าเป็นการทำงานที่มีประสบการณ์มาก่อนหรือปล่าวก็ไม่รู้
ชีวิตที่เลือกไม่ได้
อาเป็นนายตำรวจเชื้อจีน เวลานั่งทานข้าวเย็น มีลูกๆ ของอา ซึงรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมหลายคน ล้อมวงทานด้วยกัน ผมได้ความรู้จากการที่อาสอนลูกๆ หลายอย่าง ทุกคนในบ้านต้องมีหน้าที่ทำงานภายในกิจการของครอบครัว ซึ่งมีทั้ง ภัตตาคารจีน โต๊ะสนุกเกอร์ และ โรงแรมม่านรูด ราวๆ 20 ห้อง พนักงานที่นั่นเกือบทุกคนเรียกผมว่าเฮีย แม้หลายคนจะอายุมากกว่าผม ด้วยมีศักดิ์เป็นหลานเจ้าของ เป็นพี่ๆน้องกับลูกเถ้าแก่ก็ว่ากันตามความนับถือ ให้เกียรติ
ด้านข้างโรงแรม มีค๊อฟฟี่ชอบเล็กๆ อยู่ด้วย มีดนตรีอีเลคโทนเล่น มีนักร้องสาวๆ เป็นดาราชูโรง .ในฐานะแคชเชียร์ รอบค่ำ เก็บเงินผู้มาใช้บริการห้องพักค้างคืนบ้าง ชั่วคราวบ้าง ส่วนใหญ่มาหาความสำราญทางเพศรส จากสาวบริการ หลังจากออกมาจากการดื่มเหล้าเคล้านารีจากค๊อฟฟี่ชอบ เรา หมายถึงผมกับ บ๋อย และเด็กเปิดห้องต้องโทรศัพท์เรียกเด็กจากร้านไกล้ๆ มาให้แขกดูด้วย ถ้าแขกต้องการ
ลูกค้าอีกส่วนหนึ่งเป็นเซลส์ขายของ หลายคนมาพักบ่อยจนเป็นขาประจำ คุ้นหน้าคุ้นตา หลายหนเรานั่งดื่มกันคุยกัน เซลส์จะดื่มเหล้า ผมจะดื่มกาแฟ รึ ชาร้อน เรื่องราวสนุกสนานของเซลส์ที่ชิวิตเลือกได้ อยู่กับการเดินทาง และเปอร์เซ็นต์ยอดขาย ถูกถ่ายทอดออกมามากมาย ยังความตื่นใจให้กับหนุ่มน้อยอย่างผม เหลือเกิน
แต่เรื่องราวหลากหลายมิติ ระหว่างผมกับหญิงบริการ มันมีมากมายกว่านั้น บ่อยครั้งพวกเธอจะลงมาคุยเล่นเป็นเพื่อนผม จนเกือบเช้ารอร้านของเธอจะส่งคนมารับหลังจากที่แขกกลับ รึ แขกเปลี่ยนใจกลับบ้าน ผมนั่งคุยกะพวกเธออย่างคุ้นเคย เอื้ออาทรต่อบาดแผลเล็กน้อยที่เธอถูกกระทำจากแขกบ้าง ชิวิตครอบครัวอันยากแค้นบ้าง คุยเรื่องพ่อแม่ แม้แต่ลูกเล็กๆที่อยู่บ้านนอกของพวกเธอ หลายคนจับจองผมเป็นแฟน และพวกเธอก็ได้สิทธิ กอดคอ เกาะแขนนั้นไป ยามเธอเหงาและต้องการเพื่อนสักคนที่ไม่ได้มุ่งหมายแต่จะตักตวง เสพสุขจากเรือนร่าง เลือดเนื้อของพวกเธอ
ถ้าจะเรียกว่าชีวิตกลางคืนที่หลากหลายเรื่องราวและแปลกใหม่ของผม เริ่มต้นที่นี่ ก็ไม่ผิดนัก ทำให้ผมรู้ว่า ชิวิตที่เลือกเองไม่ได้ ไม่ได้มีความสุข แต่ทำให้คนอื่นมีความสุข ได้ มันมีอยู่จริง การเริ่มต้นทำงานในโรงแรมม่านรูด ในที่อโคจร สมบูรณ์แบบ นำพาผมไปสู่ชิวิตการทำงานโรงแรมจริงๆ ในอีกไม่กี่ปีถัดมา มันจะเรียกว่าเป็นการทำงานที่มีประสบการณ์มาก่อนหรือปล่าวก็ไม่รู้