หาบเร่-แผงลอย เข้า“ตลาดโลก” ของ กทม.
มติชนรายวัน ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555
ผู้บริหาร กทม. (กรุงเทพมหานคร) หลายยุคหลายสมัยสืบมาจนปัจจุบัน รวมถึงคนกรุงเทพฯ ต่างมองระดับปรากฏการณ์ เห็นผู้ค้าหาบเร่-แผงลอยเป็นผู้ร้ายที่เกะกะกีดขวาง แล้วก่อความวุ่นวายรกรุงรังบนถนนหนทาง แล้วเคยคาดว่า
ผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย สักวันหนึ่งจะหมดจาก กทม. ถ้ากวดขันกำราบขับไล่สม่ำเสมอ
จึงสถาปนาเจ้าหน้าที่ขึ้นใน กทม. เพื่อกวดขันกำราบและขับไล่ผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย
แต่ทำอย่างไรก็ไม่หมด แล้วผลกลับตรงข้ามคือมีเพิ่มขึ้น เพราะคนทำมาหากินมีมาก ต้องการพื้นที่ทำมาค้าขาย
การมองแค่ระดับปรากฏการณ์ เคยมีครูบาอาจารย์บอกว่าทำให้สะดวกสบายง่ายดายและปลอดภัย โดยโยนปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านั้นให้ฝ่ายอื่นๆที่ไม่ทำงานตามระเบียบ แล้วปล่อยให้ระบบต่างๆซึ่งมีอำนาจ, ผลประโยชน์, พรรคพวก, อุดมการณ์, ฯลฯ ของกลุ่มต่างๆปลูกฝังอยู่ดำเนินต่อไปตามเดิม
ล่าสุดผู้บริหาร กทม. และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือแล้วเห็นสอดคล้องต้องกันว่า
“ผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย ไม่หมดไปจาก กทม. จึงเห็นควรจัดระเบียบ เพื่อเป็นเสน่ห์เมือง และเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก” (มติชน ฉบับวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 หน้า 10)
โดยตั้งโจทย์ว่าควรจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่-แผงลอยอย่างไรให้เกิดการยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้า หรือประชาชน
เรื่องหาบเร่-แผงลอยนี้ มีนักวิชาการ นักคิด นักเขียน จำนวนไม่น้อยพยายามคัดค้าน แล้วช่วยกันอธิบายว่า
หาบเร่มีเสน่ห์ที่งอบ, ไม้คาน, กระจาด, สินค้าการเกษตร ซึ่งเป็นรากเหง้า“ทำมาหากิน”ของชาวสยามมาแต่ยุคโบราณดึกดำบรรพ์
แผงลอยเป็นพัฒนาการก้าวหน้าของ“ทำมาค้าขาย”แบบหนึ่งในสังคมไทย
ทั้งสองไม่ควรถูกกำราบขับไล่ แต่ควรมีที่ทางอย่างมีศักดิ์ศรี โดยไม่เบียดเบียนคนอื่น เพื่อทางเลือกในการประกอบอาชีพเสรีของชาวบ้านที่ไม่มีตึกรามริมถนนของตนเอง
ไม่ใช่ทำพื้นที่ให้รถยนต์ของคนชั้นกลางและชั้นสูงแล่นอย่างโอ่อ่ากว้างขวาง แต่เหลือทางเท้าให้คนชั้นล่างเดินเบียดๆกันอย่างคับแคบ โดยไม่พอวางหาบเร่
ทุกรัฐบาลและผู้บริหาร กทม. ไม่ใส่ใจ แม้รัฐบาลและผู้บริหาร กทม. เป็นพรรคเดียวกัน ก็ไม่เอาใจใส่ มีแต่กำราบขับไล่หาบเร่-แผงลอย แล้วเอาอกเอาใจคนชั้นสูงและกองทัพ
คราวนี้มาแปลก จะจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอยเพื่อ
“เป็นเสน่ห์ของเมือง” และ
“เป็นที่ยอมรับของตลาดโลก”
ผู้มีประสบการณ์บอกผมว่าฟังดูคล้ายๆจะทำขึ้นทดแทนตลาดจตุจักรที่หลุดมือคืนการรถไฟฯ จนขาดรายได้ที่เคยได้
จึงต้องหาลู่ทางสร้างตลาดอย่างใหม่ทดแทนสิ่งที่ขาดไป แล้วหาเสียงกับคนรากหญ้าใน กทม. ได้อีกด้วย
ที่มา :
http://www.sujitwongthes.com/2012/02/siam24022555/
------------------------
ไม่ได้เขียนเองนะครับ ไปเอามาจากเว็บที่รวมบทความของคุณ
สุจิตต์ วงษ์เทศ นักประวัิติศาสตร์ระดับแถวหน้าคนหนึ่งของเมืองไทย
http://www.ru.ac.th/province/prachinburi/Goodper/sujit/sujit.htm
ปล.กำลังค้นเรื่อง ปวศ. การพัฒนาประเทศและความเหลื่อมล้ำอยู่ ไปเจอมาโดยบังเอิญ สนุกดี เลยเอามาให้อ่านกัน
คิดไงกับความเห็นของนัก ปวศ. ท่านนี้ครับ? ดูเหมือนท่านจะเข้าข้าง "หาบเร่แผงลอย" เสียด้วย
มติชนรายวัน ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555
ผู้บริหาร กทม. (กรุงเทพมหานคร) หลายยุคหลายสมัยสืบมาจนปัจจุบัน รวมถึงคนกรุงเทพฯ ต่างมองระดับปรากฏการณ์ เห็นผู้ค้าหาบเร่-แผงลอยเป็นผู้ร้ายที่เกะกะกีดขวาง แล้วก่อความวุ่นวายรกรุงรังบนถนนหนทาง แล้วเคยคาดว่าผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย สักวันหนึ่งจะหมดจาก กทม. ถ้ากวดขันกำราบขับไล่สม่ำเสมอ
จึงสถาปนาเจ้าหน้าที่ขึ้นใน กทม. เพื่อกวดขันกำราบและขับไล่ผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย
แต่ทำอย่างไรก็ไม่หมด แล้วผลกลับตรงข้ามคือมีเพิ่มขึ้น เพราะคนทำมาหากินมีมาก ต้องการพื้นที่ทำมาค้าขาย
การมองแค่ระดับปรากฏการณ์ เคยมีครูบาอาจารย์บอกว่าทำให้สะดวกสบายง่ายดายและปลอดภัย โดยโยนปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านั้นให้ฝ่ายอื่นๆที่ไม่ทำงานตามระเบียบ แล้วปล่อยให้ระบบต่างๆซึ่งมีอำนาจ, ผลประโยชน์, พรรคพวก, อุดมการณ์, ฯลฯ ของกลุ่มต่างๆปลูกฝังอยู่ดำเนินต่อไปตามเดิม
ล่าสุดผู้บริหาร กทม. และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือแล้วเห็นสอดคล้องต้องกันว่า “ผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย ไม่หมดไปจาก กทม. จึงเห็นควรจัดระเบียบ เพื่อเป็นเสน่ห์เมือง และเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก” (มติชน ฉบับวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 หน้า 10)
โดยตั้งโจทย์ว่าควรจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่-แผงลอยอย่างไรให้เกิดการยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้า หรือประชาชน
เรื่องหาบเร่-แผงลอยนี้ มีนักวิชาการ นักคิด นักเขียน จำนวนไม่น้อยพยายามคัดค้าน แล้วช่วยกันอธิบายว่าหาบเร่มีเสน่ห์ที่งอบ, ไม้คาน, กระจาด, สินค้าการเกษตร ซึ่งเป็นรากเหง้า“ทำมาหากิน”ของชาวสยามมาแต่ยุคโบราณดึกดำบรรพ์ แผงลอยเป็นพัฒนาการก้าวหน้าของ“ทำมาค้าขาย”แบบหนึ่งในสังคมไทย
ทั้งสองไม่ควรถูกกำราบขับไล่ แต่ควรมีที่ทางอย่างมีศักดิ์ศรี โดยไม่เบียดเบียนคนอื่น เพื่อทางเลือกในการประกอบอาชีพเสรีของชาวบ้านที่ไม่มีตึกรามริมถนนของตนเอง
ไม่ใช่ทำพื้นที่ให้รถยนต์ของคนชั้นกลางและชั้นสูงแล่นอย่างโอ่อ่ากว้างขวาง แต่เหลือทางเท้าให้คนชั้นล่างเดินเบียดๆกันอย่างคับแคบ โดยไม่พอวางหาบเร่
ทุกรัฐบาลและผู้บริหาร กทม. ไม่ใส่ใจ แม้รัฐบาลและผู้บริหาร กทม. เป็นพรรคเดียวกัน ก็ไม่เอาใจใส่ มีแต่กำราบขับไล่หาบเร่-แผงลอย แล้วเอาอกเอาใจคนชั้นสูงและกองทัพ
คราวนี้มาแปลก จะจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอยเพื่อ“เป็นเสน่ห์ของเมือง” และ“เป็นที่ยอมรับของตลาดโลก”
ผู้มีประสบการณ์บอกผมว่าฟังดูคล้ายๆจะทำขึ้นทดแทนตลาดจตุจักรที่หลุดมือคืนการรถไฟฯ จนขาดรายได้ที่เคยได้
จึงต้องหาลู่ทางสร้างตลาดอย่างใหม่ทดแทนสิ่งที่ขาดไป แล้วหาเสียงกับคนรากหญ้าใน กทม. ได้อีกด้วย
ที่มา :
http://www.sujitwongthes.com/2012/02/siam24022555/
------------------------
ไม่ได้เขียนเองนะครับ ไปเอามาจากเว็บที่รวมบทความของคุณสุจิตต์ วงษ์เทศ นักประวัิติศาสตร์ระดับแถวหน้าคนหนึ่งของเมืองไทย
http://www.ru.ac.th/province/prachinburi/Goodper/sujit/sujit.htm
ปล.กำลังค้นเรื่อง ปวศ. การพัฒนาประเทศและความเหลื่อมล้ำอยู่ ไปเจอมาโดยบังเอิญ สนุกดี เลยเอามาให้อ่านกัน