ปชป เอย ทำแบบนี้อย่าหวังว่าทำแบบนี้ แล้วจะได้เป็น รัฐบาล โดยการเลือกตั้งนะ

1. ในปี 2549 เคลื่อนไหวบอยคอตการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน ร่วมกับอีกสองพรรคการเมือง ส่งผลให้พรรคไทยรักไทยได้รับการเลือกตั้งกลับมาอีกครั้ง ทักษิณประกาศไม่ขอเข้ารับตำแหน่ง ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินเกมนอกสภา ขอ “นายกรัฐมนตรีพระราชทาน” เพื่อปลดล็อกทางการเมือง ซึ่งต่อมากลายเป็นจุดที่ถูกคู่ต่อสู้ทางการเมืองโจมตีว่าไม่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย และมีฉายา “มาร์ค ม.7″ ติดตัวมาแต่บัดนั้น

2. ในปี 2549-2550 ไม่ได้แสดงเจตจำนงในการต่อต้านคณะรัฐประหาร คมช. โดยแสดงท่าทีนิ่งเฉย กลายเป็นข้อโจมตีว่าได้รับประโยชน์จากการยุบพรรคไทยรักไทย และการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550  ก่อนมีการเลือกตั้งได้มีการประกาศเป็นพันธมิตรกับพรรคชาติไทยและพรรคมหาชนเพื่อที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันล่วงหน้า แต่แล้วการพ่ายแพ้การเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ทำให้พรรคแนวร่วมย้ายไปจับขั้วกับพรรคพลังประชาชนของนาย สมัคร สุนทรเวช ตั้งรัฐบาลแทน

3. ในปี 2551 หลังจากที่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนอย่างเข้มแข็ง อภิสิทธิ์ ก้าวสู่จุดสูงสุดทางการเมือง เมื่อเป็นผู้นำฝ่ายค้านในการอภิปรายรัฐบาลของนายสมัคร อภิปรายในสภาว่า“เมื่อมีประชาชนเพียง 1 คน หรือแสนคน มาเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาตัวเองนั้น ไม่ได้ขัดหลักการประชาธิปไตย โดยเฉพาะถ้ามีข้อสงสัยว่าการบริหารประเทศนั้นละเมิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิประชาชน หรือทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องเหล่านี้ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะไม่รอให้กฎหมายจัดการ แต่จะมีสำนึกความรับผิดชอบทางการเมือง”
และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ในกรณีให้มีการสลายการชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภาจนมีผู้เสียชีวิต 2 คนว่า
“ไม่มีที่ไหนในโลกที่ประชาชน ถูกทำร้ายจากภาครัฐแล้วรัฐบาลที่มาจากประชาชนไม่แสดงความรับผิดชอบ ไม่มี”
แต่เมื่อเกิดการชุมนุมเรียกร้องในปี 2552-2553 ของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จนมีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 100 คน อภิสิทธิ์ก็ยังเดินหน้าดำรงตำแหน่งอีก 1 ปีกว่าจนประกาศยุบสภาในช่วงพฤษภาคม 2554 และพ่ายแพ้การเลือกตั้งในที่สุด ทำให้เกิดคำถามว่า “เขาพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยเชื่อ หรือ เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูด?”

4. ในปี 2551 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีการตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคชาติพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เดินเกมส์การเมือง “งูเห่าภาคสอง” ดึงบางส่วนของพรรคพลังประชาชนในโควตาของเนวิน ชิดชอบ ที่กลายร่างเป็นพรรคภูมิใจไทยในการจัดตั้งรัฐบาล รวมไปถึงพรรคเก่าในนามใหม่ที่ถูก “ข้อเสนอที่ไม่สามารถปฏิเสธได้” ให้ร่วมรัฐบาลจากปากคำของคนตระกูลศิลปอาชา

รัฐบาลอภิสิทธิ์เริ่มต้นด้วยคำประกาศนโยบาย “99 วันทำได้จริง” แต่ก็ไม่สามารถทำได้มากนัก เช่น ร่วมมือกับภาคเอกชนในการดำเนินมาตรการชะลอการเลิกจ้างและป้องกันการขยายตัวของการเลิกจ้างในภาคอุตสาหกรรมและบริการ ซึ่งในยุคของอภิสิทธิ์ได้มีการใช้เครื่อง LRAD หรือเครื่องบีบแก้วหูสลายการชุมนุมของพนักงานไทรอัมพ์ฯ จนถูกประณามว่าละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน ในยุคนี้ยังมีการปิดกั้นเสรีภาพทางการแสดงออกอย่างกว้างขวาง ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์มักโจมตีพรรคคู่แข่งว่าใช้อำนาจแทรกแซงสื่อ จะเห็นได้จากการเอื้อประโยชน์ให้กับเครือข่ายสื่อมวลชนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เช่น เครือเนชั่น (ในกรณีข่าวข้นคนข่าว และ เช้าข่าวข้นคนข่าวเช้า ที่เพิ่งถูดถอนโดยอ้างว่าเป็นวาระการเมือง ซึ่งตอนที่ได้สัมปทานก็เป็นวาระทางการเมืองเช่นกัน) และเครือทีนิวส์ (ในกรณี NBT) ที่ได้สัมปทานรายการข่าวของรัฐ การอัดฉีดงบประชาสัมพันธ์จนสำนักนายกรัฐมนตรียุค สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ติดอันดับที่ 10 องค์กรที่ใช้งบประชาสัมพันธ์มากที่สุด รวมไปถึงการปิดกั้นอินเทอร์เน็ตในวงกว้าง การดำเนินนโยบายที่ล้มเหลวจนกลายเป็นที่มาของคำว่า “ดีแต่พูด” ของจิตรา คชเดช แกนนำกลุ่มแรงงานไทร์อาร์ม และเป็นเหตุให้พ่ายแพ้ทางการเลือกตั้งต่อพรรคเพื่อไทยในภายหลัง

5.ในปี 2552-2553 จากเหตุการณ์ทางการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง รัฐบาลอภิสิทธิ์ตัดสินใจใช้กำลังเจ้าหน้าที่ในการเข้าสลายผู้ชุมนุม จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ถึงแม้จะประดิษฐ์วาทกรรม “กระชับพื้นที่-ขอคืนพื้นที่” ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถปิดกั้นการสังหารหมู่ 6 ศพที่วัดปทุมฯ หรือ ป้ายเขตใช้กระสุนจริงไว้ได้ อีกทั้งยังมีการจับกุมและตั้งข้อหานักโทษทางการเมืองจำนวนมาก โดยมีการประกาศกฏหมายพิเศษอย่างกว้างขวาง

6.ในปี 2554 หลังจากการพ่ายแพ้เลือกตั้งต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทยอย่างขาดลอย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้รักษาสัญญาด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ถ้าเขาตัดสินใจลงจากตำแหน่งในขณะนั้นอาจเป็นเรื่องที่ดี) แต่แล้วอภิสิทธิ์ก็ย้อนกลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง โดยในครั้งนี้มีส่วนในการเลือกกรรมการบริหารพรรคจากกลุ่มฐานอำนาจของตน ที่แยกส่วนเป็นเอกเทศจากกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่เคยสนับสนุนตนเองในพรรค อภิสิทธิ์มักถูกติงจากผู้ใหญ่ในพรรคหลายๆ ครั้งในประเด็นต่างๆ ตลอดที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค

7.ในปี 2555 เมื่อมีการผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง เข้าสู่รัฐสภา พรรคประชาธิปัตย์ทิ้งโอกาสในการแสดงบทบาทฝ่ายค้านมืออาชีพ ที่เน้นการอภิปรายข้อบกพร่องของร่างฉบับดังกล่าวและหาแนวร่วมในการสนับสนุน เช่น กลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนที่มีความไม่พอใจในบางท่อนของพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เลือกกลับเป็นเกมการเมืองแบบ “ดิบ เถื่อน ถ่อย” ทั้งการขว้างปาสิ่งของ การแย่งเก้าอี้ประธานสภา และการเข้าล้อมประธานสภา ที่แย่ไปกว่านั้น นายอภิสิทธิ์กลับแถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า
“หากพรรคประชาธิปัตย์จะต้องเสียภาพลักษณ์ เพื่อสกัดกั้นกฎหมายทำลายชาติ ก็ต้องยอมรับ แม้จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคก็ยอม ถ้าสามารถสกัดกั้นความเสียหายที่จะเกิดจากร่างกฎหมายดังกล่าวได้ และขอตำหนิการทำหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎรที่พยายามรวบรัดการพิจารณา และปิดโอกาสการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นทุกฝ่ายและต้นตอของปัญหาจะต้องร่วมกันรับผิดชอบ”
สรุปก็คือ อภิสิทธิ์พยายามจะแก้ต่างกับพฤฒิกรรมในสภาว่าเป็นการ “เสียภาพลักษณ์เพื่อชาติ” คำอธิบายเหล่านี้ยิ่งทำให้คนเสื้อแดงฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ. ต้องหันมาปกป้องรัฐบาลที่พวกเขาเลือกเสียก่อน เรื่องถือว่าเป็นการเดินหมากที่ผิดพลาดอย่างมากของพรรคประชาธิปัตย์ และแม้กระทั่ง นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนาย สมเกียรติ อ่อนวิมล นักข่าวสาวกพันธุ์แท้ของประชาธิปัตย์ยังออกมาตำหนิ


ข่าวจาก http://talk.mthai.com/topic/379089


นอกจากนั้นยังจับมือกับอำนาจนอกระบบ(คมช เก่า) ทำให้อำนาจต่างๆที่มีเสียสมดุลย์ ศาลมีอำนาจก้าวก่ายฝ่ายบริหาร

น้อมรับคำสั่งศาล! รัฐบาลชะลอโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน มุ่งรับฟังเสียงประชาสังคมทั่วประเทศ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1372325016&grpid=00&catid=00
ถ้าคิดว่าไม่จริง งั้นศาลต่างๆเคยมาเสนอหน้าใหมตอนที่ ปชป ได้เป็น รัฐบาล(ในค่ายทหาร)อะ
นอกจากนี้ยังมีอีกมากมาย สาธยาย ไม่หมด
อย่าคิดนะว่าไม่มีใครรู้ และอย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วคุณจะได้ใจประชาชนส่านใหญ่ คิดใหม่ทำใหม่เหอ
ไม่งั้นก็เป็นฝ่ายค้านตลอดไป รอวันสูญพันธ์ จากการเมืองประเทศไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่