หวั่นคอร์รัปชัน 3 โครงการรัฐ ผลาญชาติ 5.5 แสนล้านบาท

หอการค้าเผยผลโพล ประชาชนถึง 75% ห่วงคอรับชันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะที่ประเมินแล้ว 3 โครงการรัฐมีโอกาสเกิดคอรับชันสูงถึง 5.5 แสนล้านบาท

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอค้าการไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจทัศนะต่อความวิตกกังวลในการคอร์รัปชันโครงการภาครัฐ จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างระหว่างวันที่ 17-21 มิ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนห่วงคอร์รัปชันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดย 75% ระบุว่าแต่ละโครงการมีโอกาสคอร์รัปชันปานกลางถึงมากที่สูง
          
ส่วนโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทนั้น
50.1% ระบุว่า จะคอร์รัปชันตั้งแต่ออกนโยบาย
50% ระบุว่าล็อกสเปคผู้เข้าร่วมประมูล
66.7% ระบุว่าเป็นที่คณะกรรมการจัดจ้าง

ส่วนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท
47.7% ระบุว่าจะคอร์รัปชันตั้งแต่กำหนดนโยบาย
60.7% เกิดในขั้นตอนล็อกสเปคผู้ประมูล
64.1% เกิดที่ขั้นตอนคณะกรรมการจัดจ้าง
          
นอกจากนี้ 70% ระบุว่า กังวลเรื่องหนี้ที่จะเพิ่มขึ้น
โดย 37.5% กังวลต่อภาระหนี้ที่รัฐบาลต้องกู้มา
และ 32.1% กังวลต่อภาระที่รัฐบาลต้องจ่ายเงินกู้
ขณะที่ 13.1% กังวลเรื่องรัฐบาลขาดวินัยใช้เงิน


ขณะเดียวกัน ระบุว่า ส่วนใหญ่จะคอร์รัปชันในสัดส่วน 11-25% ของวงเงินงบประมาณ
โดยโครงการรับจำนำข้าว
มี 18.8% ระบุว่าจะคอร์รัปชัน 11-15% ของงบประมาณ
มี 21.1% ระบุว่าจะคอร์รัปชัน 16-20% ของงบประมาณ
และ 17% ระบุว่าจะคอร์รัปชัน 21-25%
          
ส่วนโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท
มี 20.3% ระบุว่าจะคอร์รัปชัน 11-15% ของงบประมาณ
มี 22.8% ระบุว่าจะคอร์รัปชัน 16-20%
และ 15.5% ระบุว่าจะคอร์รัปชัน 21-25%

ส่วนโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท
มี 24.4% ระบุว่าจะคอร์รัปชัน 11-15%
มี 22.2% ระบุว่าจะคอร์รัปชัน 16-20%
และมี 15.5% ระบุว่าจะคอร์รัปชัน 21-25%

ทั้งนี้หอการค้าไทยได้ประเมินก่อนหน้านี้ว่า การคอร์รัปชันในโครงการต่างๆ มีประมาณ 10% ของงบประมาณโครงการ หรือปีละ 200,000 ล้านบาท คิดเป็น 2% ของจีดีพี
ซึ่งถ้าคิดแค่โครงการรับจำนำข้าวที่ใช้เงินประมาณ 4-5 แสนล้านบาทต่อปี โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และลงทุน 2 ล้านล้านบาท เป็นวงเงินรวมๆ กันประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท
หากมีการทุจริต 20% จะเสียหาย 5 แสนล้านบาท หากคิดที่ 25% ก็ประมาณ 5.5 แสนล้านบาท
          
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถือเป็นเหตุผลทางการเมืองที่ต้องการเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนต่อรัฐบาลกลับคืนมา ปัญหาหนึ่งมาจากความไม่โปร่งใสของโครงการรับจำนำข้าว
          
"การปรับ ครม. ถึง 20 ตำแหน่ง ถือว่าเป็นไพ่ใบสุดท้ายของรัฐบาล เพราะว่าเป็นการปรับ ครม.ในช่วงเศรษฐกิจขาลง และความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลก็เป็นขาลง การปรับ ครม.คงเป็นเหตุผลทางการเมือง แต่การเมืองก็เกี่ยวเนื่องต่อเศรษฐกิจ หากปรับแล้วทุกอย่างไม่ดีขึ้น เศรษฐกิจไม่ดีขึ้น เป็นไปได้ที่รัฐบาลอาจจะตัดสินใจยุบสภาในช่วงปลายปี" นายธนวรรธน์ กล่าว


Money Channel
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่