คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
วีซ่าระยะสั้น 15 วัน
มองมุมหนึ่งก็น่าดีใจ คนอยากมาเที่ยวก็ไม่ต้องเสียเวลาไปขอวีซ่า มาเยอะขึ้น เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็ดี แฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย
แต่ พอมาคิดกลับว่า นโยบายการให้วีซ่าระยะสั้น นั่นมีต้นเหตุส่วนหนึ่งจากผลกระทบของปัญหาทะเลจีนตะวันออก ระหว่างประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น
นักท่องเที่ยวจีนใหม่ผู้ร่ำรวย เปลี่ยนสถานที่ใช้เงินเป็นยุโรป เงินจากภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวลดลง ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นงัดมาตรการนี้ออกมาใช้
ผมว่ามันน่าน้อยใจนะ : )
ในสายตาคนไทยเราเห็นญี่ปุ่นเป็นมิตร อำนวยความสะดวกแทบจะทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะไปไทยในรูปแบบใด ท่องเที่ยว ธุรกิจ
แต่ในทางกลับกัน คนไทยกลับไม่เคยได้รับเกียรติและความไว้เนื้อเชื่อใจ ระดับเดียวกันหรือแม้แต่ระดับใกล้เคียง (กระทั่งคนที่อยู่อย่างถูกกฎหมายก็เถอะ Discrimination, Harassment เพียบ)
ลองนึกดูว่า สมมุติว่าประเทศญี่ปุ่นคือร้านอาหาร คนไทยมากินต้องตรวจบัตร ค้นเนื้อค้นตัว เปิดกระเป๋าตังค์ให้ดูก่อน
บางทีต้องเชคด้วยว่า บุพการีมีเงินไหม
บางทีแหกก้นดูก่อนด้วยว่าซ่อนของกินเข้ามาในร้านหรือเปล่า 555
พอมีปัญหาทะเลาะกันกับลูกค้าเงินหนักตัวอ้วน ที่ไม่มากินข้าวที่ร้าน เริ่มจะอยู่ไม่ไหว กลับมากวักมือเรียก เพื่อน ASEAN ตัวดำจ่อยๆคนจน มาเฮ้ย มาเถอะเราให้เข้าร้านได้ (แต่รีบๆยัดแล้วรีบๆออกไปนะ ให้เวลา 15 นาที 555)
.... ไม่รู้นะ เป็นผม ผมงอล ไม่เข้าไปกินอ่ะ 5555
มองมุมหนึ่งก็น่าดีใจ คนอยากมาเที่ยวก็ไม่ต้องเสียเวลาไปขอวีซ่า มาเยอะขึ้น เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็ดี แฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย
แต่ พอมาคิดกลับว่า นโยบายการให้วีซ่าระยะสั้น นั่นมีต้นเหตุส่วนหนึ่งจากผลกระทบของปัญหาทะเลจีนตะวันออก ระหว่างประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น
นักท่องเที่ยวจีนใหม่ผู้ร่ำรวย เปลี่ยนสถานที่ใช้เงินเป็นยุโรป เงินจากภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวลดลง ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นงัดมาตรการนี้ออกมาใช้
ผมว่ามันน่าน้อยใจนะ : )
ในสายตาคนไทยเราเห็นญี่ปุ่นเป็นมิตร อำนวยความสะดวกแทบจะทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะไปไทยในรูปแบบใด ท่องเที่ยว ธุรกิจ
แต่ในทางกลับกัน คนไทยกลับไม่เคยได้รับเกียรติและความไว้เนื้อเชื่อใจ ระดับเดียวกันหรือแม้แต่ระดับใกล้เคียง (กระทั่งคนที่อยู่อย่างถูกกฎหมายก็เถอะ Discrimination, Harassment เพียบ)
ลองนึกดูว่า สมมุติว่าประเทศญี่ปุ่นคือร้านอาหาร คนไทยมากินต้องตรวจบัตร ค้นเนื้อค้นตัว เปิดกระเป๋าตังค์ให้ดูก่อน
บางทีต้องเชคด้วยว่า บุพการีมีเงินไหม
บางทีแหกก้นดูก่อนด้วยว่าซ่อนของกินเข้ามาในร้านหรือเปล่า 555
พอมีปัญหาทะเลาะกันกับลูกค้าเงินหนักตัวอ้วน ที่ไม่มากินข้าวที่ร้าน เริ่มจะอยู่ไม่ไหว กลับมากวักมือเรียก เพื่อน ASEAN ตัวดำจ่อยๆคนจน มาเฮ้ย มาเถอะเราให้เข้าร้านได้ (แต่รีบๆยัดแล้วรีบๆออกไปนะ ให้เวลา 15 นาที 555)
.... ไม่รู้นะ เป็นผม ผมงอล ไม่เข้าไปกินอ่ะ 5555
ความคิดเห็นที่ 12
คนจะโดดยังไงก็คงจะโดดอยู่แล้ว .. คนพวกนี้ตรรกะป่วย มีเหตุผลข้างๆคูๆ
สังเกตได้ว่า คนที่เคยเป็นฮู้ดยังกลับมาเล่าประสบการณ์ชีวิต แบบไม่มีความละอาย แม้ปากจะบอกว่า "ไม่สนับสนุน" ...
อยากช่วยแต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
มันเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับความจริงว่า คนไทยยังมีคนเห็นแก่ตัวอยู่อีกเยอะมากในสังคม
สังเกตได้ว่า คนที่เคยเป็นฮู้ดยังกลับมาเล่าประสบการณ์ชีวิต แบบไม่มีความละอาย แม้ปากจะบอกว่า "ไม่สนับสนุน" ...
อยากช่วยแต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
มันเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับความจริงว่า คนไทยยังมีคนเห็นแก่ตัวอยู่อีกเยอะมากในสังคม
ความคิดเห็นที่ 27
คนมันคิดจะโดดไงก็โดดจริง ๆ ค่ะ ใครจะบอกยังไงก็ไม่เชื่อ จะเตือนก็ไม่ฟัง เมื่อเก้าปีก่อนเรามีเพื่อนคนนึง ตอนนั้นเค้าอายุ 26-27 ปี มีรายได้เงินเดือนที่กรุงเทพฯ ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 80,000 บาท เค้าก็ไปออร์แพร์ และบอกว่าอยู่ ๆ ไปจะโดดวีซ่า เราก็ทักท้วงไปว่า จะไปทำไม เงินเดือน เริ่ดขนาดนี้ (และแนวโน้มขึ้นอีก) ไว้เก็บเงินไปเที่ยว สวย ๆ ชิลด์ ๆ ไม่ดีกว่าเหรอ ไปอยู่เมืองนอกไม่สนุกหรอกยิ่งไปอยู่แบบผิดกฎหมาย เพื่อนเรามันก็โกรธหาว่าเราไปปิดโอกาสมัน เราควรเข้าใจมันสิ เพราะมันไม่เคยไปอยู่เมืองนอกเลย ไม่เหมือนเราที่ไปอยู่มาหลายประเทศ ได้ไปทำงานเมืองนอกบ่อย ๆ (ก็เพราะฉันรู้ไง ถึงไม่อยากให้เพื่อนลำบาก ขนาดฉันบริษัทส่งไป ไม่ลำบาก แต่ฉันเห็นคนไทยไปอยู่แบบไม่มีบ้าน โดนผัวซ้อม ให้ไปขายตัวแลกข้าว ก็เห็นมาเยอะเลยไม่อยากให้เพื่อนไปเสี่ยง มันก็ไม่เชื่อ) สุดท้ายมันก็ไป และหนีวีซ่าตามระเบียบ แต่มันก็ไม่ค่อยคุยกับเรา เพราะมันว่าเรามีญาติห่าง ๆ เป็น FBI เดี๋ยวเราไปบอกญาติ มันจะซวย (โอ้ย อยากจะบอกว่า ฉันไม่ไปบอกเค้าหรอก งานเค้าไม่เกี่ยวกับฉัน)
แล้วเราก็ได้เจอกันอีกที่อเมริกา เมื่อตอนต้นปี (คือเราไปทำงานให้สามี แล้วก็เลยหาโอกาสเจอกัน) ตอนนี้เพื่อนเราเป็น Citizen แล้ว ด้วยวิธีการจ้างแต่งงาน (แต่มันบอกมันโชคดี คนไทยหลายคนไม่ได้โชคดีอย่างมัน คือเสียทั้งเงิน เสียทั้งตัว และสามีคนอเมริกันไม่ยอมหย่า แถมบังคับให้ไปทำงานหาเลี้ยงสามีอีก) เพื่อนเราบอกเลยว่า มันน่าจะเชื่อที่เราบอกเมื่อเก้าปีก่อน แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว มันถอยหลังไม่ได้ มันขอทำงานเปิดร้านเก็บเงินก่อน แล้วค่อยกลับมาเมืองไทย
แถม เรามีความรู้สึกว่า เพื่อนเราไปอยู่อเมริกาตั้งเก้าปี ภาษาอังกฤษยังแย่อยู่เหมือนเดิม คือคงดีขึ้นหน่อย แต่ว่า ไปอยู่ตั้งเก้าปี มันควรพูดได้เหมือนเจ้าของภาษาแล้ว นี่อะไร ฟังสำเนียงคนอังกฤษก็ไม่ได้ ฟังอเมริกันบางคนมันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง อาหารฝรั่งก็กินไม่ค่อยได้ ต้องกินแต่อาหารไทย แถมทักษะในการทำงานก็น้อยลงด้วย เพราะเก้าปี มันก็ไปทำงานได้แค่ ล้างจาน เด็กเสิร์ฟ นวด ชีวิตไม่คุ้มกันเลย เราว่าเพื่อนเราถ้าป่านนี้มันไม่ไปอยู่ที่อเมริกานะ ป่านนี้เป็นผู้จัดการ บริษัทส่งไปประชุมสวย ๆ เงินเดือนไม่ต่ำกว่าแสนแน่นอน เฮ้อ พูดแล้วเสียดายแทน เราเคยไปประชุมที่นิวยอร์คนะ แล้วบริษํทให้พักที่ Sheraton เพื่อนเรามันตื่นตาตื่นใจมากเลยอะ (แต่เราเบื่อโรงแรมห้าดาวมาก ทั่วโลกเหมือนกันไม่ว่าประเทศไหน เซ็ง) บอกว่าทำไมบริษัทที่เมืองไทย เค้าไฮโซจัง แต่ละคนแต่งตัวดี พูดจาก็ดีเพราะ ไม่เหมือนเพื่อน ๆ เค้าที่อยู่กับคนไทยฝั่ง West Coast ก็อ้าว ฉันไปประชุม ไปทำงานนี่จ๊ะ รู้ได้เลยอะ ว่าสังคมโรบินฮู๊ด มันอีกแบบจริง ๆ
แล้วเราก็ได้เจอกันอีกที่อเมริกา เมื่อตอนต้นปี (คือเราไปทำงานให้สามี แล้วก็เลยหาโอกาสเจอกัน) ตอนนี้เพื่อนเราเป็น Citizen แล้ว ด้วยวิธีการจ้างแต่งงาน (แต่มันบอกมันโชคดี คนไทยหลายคนไม่ได้โชคดีอย่างมัน คือเสียทั้งเงิน เสียทั้งตัว และสามีคนอเมริกันไม่ยอมหย่า แถมบังคับให้ไปทำงานหาเลี้ยงสามีอีก) เพื่อนเราบอกเลยว่า มันน่าจะเชื่อที่เราบอกเมื่อเก้าปีก่อน แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว มันถอยหลังไม่ได้ มันขอทำงานเปิดร้านเก็บเงินก่อน แล้วค่อยกลับมาเมืองไทย
แถม เรามีความรู้สึกว่า เพื่อนเราไปอยู่อเมริกาตั้งเก้าปี ภาษาอังกฤษยังแย่อยู่เหมือนเดิม คือคงดีขึ้นหน่อย แต่ว่า ไปอยู่ตั้งเก้าปี มันควรพูดได้เหมือนเจ้าของภาษาแล้ว นี่อะไร ฟังสำเนียงคนอังกฤษก็ไม่ได้ ฟังอเมริกันบางคนมันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง อาหารฝรั่งก็กินไม่ค่อยได้ ต้องกินแต่อาหารไทย แถมทักษะในการทำงานก็น้อยลงด้วย เพราะเก้าปี มันก็ไปทำงานได้แค่ ล้างจาน เด็กเสิร์ฟ นวด ชีวิตไม่คุ้มกันเลย เราว่าเพื่อนเราถ้าป่านนี้มันไม่ไปอยู่ที่อเมริกานะ ป่านนี้เป็นผู้จัดการ บริษัทส่งไปประชุมสวย ๆ เงินเดือนไม่ต่ำกว่าแสนแน่นอน เฮ้อ พูดแล้วเสียดายแทน เราเคยไปประชุมที่นิวยอร์คนะ แล้วบริษํทให้พักที่ Sheraton เพื่อนเรามันตื่นตาตื่นใจมากเลยอะ (แต่เราเบื่อโรงแรมห้าดาวมาก ทั่วโลกเหมือนกันไม่ว่าประเทศไหน เซ็ง) บอกว่าทำไมบริษัทที่เมืองไทย เค้าไฮโซจัง แต่ละคนแต่งตัวดี พูดจาก็ดีเพราะ ไม่เหมือนเพื่อน ๆ เค้าที่อยู่กับคนไทยฝั่ง West Coast ก็อ้าว ฉันไปประชุม ไปทำงานนี่จ๊ะ รู้ได้เลยอะ ว่าสังคมโรบินฮู๊ด มันอีกแบบจริง ๆ
ความคิดเห็นที่ 2
เราว่างานน่าจะหายากกว่าสมัยก่อนแล้วแล้วการที่ว่าญี่ปุ่นหาเงินง่ายตอนนี้ไม่ใช่แล้วนะ
ถ้าสมัยก่อนอาจจะหนีง่ายกว่านะ
เมื่อปีที่แล้วมีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาญี่ปุ่นด้วยวีซ่าท่องเที่ยวตะเวนหางานอยู่1เดือนตั้งแต่แถวๆโยโกฮาม่า-โตเกียวแล้วมาแถวๆบ้านจะอยู่บ้านนอก
ก็ไม่มีใครรับทำงานทั้งๆที่2คนนี้มาญี่มีเพื่อนอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยยังหางานไม่ได้เลยเราเลยบอกว่ากลับไปหางานทำที่เมืองไทยดีกว่าอยุ่ที่นี่
ใช่ว่าจะสบายงานก็หายากขึ้นเงินก็หายากเพราะถ้าไม่มีวีซ่าไม่มีใครกล้ารับทำงานแล้วและบริษัทต่างๆสมัยก่อนยังรับเข้าทำงานแต่สมัยนีไม่แล้วค่ะ
ตอนนี้ที่เห็นๆมี3คนตกงานแต่ทั้ง3นี้อยู่มาเกิน20ปีแล้วนะแต่ไมม่ีวีซ่าและเป็นผุ้ชายทั้งหมด
คนที่1ไม่ได้ทำงานแต่ไม่อยากกลับเพราะว่าไม่มีเงินเก็บเลยเพราะช่วงที่อยู่ไม่คิดจะเก็บเงินตอนีน้อาศัยคนไทยด้วยกันถ้าใครจะเปิดร้านหรือมีงานจะให้ช่วยก็ไปทำงานแต่จ้างแค่เป็นวันๆเท่านั้นแต่เดือนหนึ่งจะได้แค่ไม่เท่าไหร่
ส่วนคนที่2เป็นกุ๊กอยู่ร้านอาหารเจ้าของร้านบอกว่าสิ้นเดือนนี้จะเลิกจ้างแล้วเพราะกลัวตำรวจมาจับแล้วจะเดือดร้อน
ส่วนคนที่3นี้ลำบากหน่อยตำตรวจตามจับอยุ่ตอนนี้ใช้ที่นอนไปนอนตามสวนแอปเปิ้ลย้ายไปเรื่อยๆเห็นพี่ที่รุ้จักบอกว่าหน้าร้อนนอนตามสวนได้แต่ว่าหน้าหนาวจะไปนอนที่ใหน
นี่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นที่รู้และเห็นยังมีอีกมาก
คิดให้ดีๆก่อนจะมาแล้วไม่กลับ
ถ้าสมัยก่อนอาจจะหนีง่ายกว่านะ
เมื่อปีที่แล้วมีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาญี่ปุ่นด้วยวีซ่าท่องเที่ยวตะเวนหางานอยู่1เดือนตั้งแต่แถวๆโยโกฮาม่า-โตเกียวแล้วมาแถวๆบ้านจะอยู่บ้านนอก
ก็ไม่มีใครรับทำงานทั้งๆที่2คนนี้มาญี่มีเพื่อนอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยยังหางานไม่ได้เลยเราเลยบอกว่ากลับไปหางานทำที่เมืองไทยดีกว่าอยุ่ที่นี่
ใช่ว่าจะสบายงานก็หายากขึ้นเงินก็หายากเพราะถ้าไม่มีวีซ่าไม่มีใครกล้ารับทำงานแล้วและบริษัทต่างๆสมัยก่อนยังรับเข้าทำงานแต่สมัยนีไม่แล้วค่ะ
ตอนนี้ที่เห็นๆมี3คนตกงานแต่ทั้ง3นี้อยู่มาเกิน20ปีแล้วนะแต่ไมม่ีวีซ่าและเป็นผุ้ชายทั้งหมด
คนที่1ไม่ได้ทำงานแต่ไม่อยากกลับเพราะว่าไม่มีเงินเก็บเลยเพราะช่วงที่อยู่ไม่คิดจะเก็บเงินตอนีน้อาศัยคนไทยด้วยกันถ้าใครจะเปิดร้านหรือมีงานจะให้ช่วยก็ไปทำงานแต่จ้างแค่เป็นวันๆเท่านั้นแต่เดือนหนึ่งจะได้แค่ไม่เท่าไหร่
ส่วนคนที่2เป็นกุ๊กอยู่ร้านอาหารเจ้าของร้านบอกว่าสิ้นเดือนนี้จะเลิกจ้างแล้วเพราะกลัวตำรวจมาจับแล้วจะเดือดร้อน
ส่วนคนที่3นี้ลำบากหน่อยตำตรวจตามจับอยุ่ตอนนี้ใช้ที่นอนไปนอนตามสวนแอปเปิ้ลย้ายไปเรื่อยๆเห็นพี่ที่รุ้จักบอกว่าหน้าร้อนนอนตามสวนได้แต่ว่าหน้าหนาวจะไปนอนที่ใหน
นี่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นที่รู้และเห็นยังมีอีกมาก
คิดให้ดีๆก่อนจะมาแล้วไม่กลับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
วีซ่า
คนไทยในญี่ปุ่น
ขอความร่วมมือ visa 15วันเข้าญี่ปุ่น
เเต่ไม่เป็นไร เพื่อประเทศไทย ยอมค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอเเสดงความยินดีกับวีซ่า15วันด้วยนะคะ
เเต่มีเรื่องขอร้องคือ ขอความร่วมมือกลับประเทศไทยด้วยนะคะ
คนไทยบางคนเเว่วๆว่าจะไปโดดเเล้วค่ะ เพราะเค้าพูดกันว่า จะไปโดดญี่ปุ่นกันดีกว่าไปโดดเกาหลี
เพราะญี่ปุ่นหาเงินง่ายกว่า ที่จขกท ได้ยินได้รับรู้เพราะสมาคมกับคนไทยเยอะมากๆค่ะ
เเละอาศัยอยู่ญี่ปุ่นมานานนับสิบๆปีเเล้วได้เห็นได้เจออะไรมาเยอะจริงๆ
ขนาดคนดังๆ ตม.ญี่ปุ่นยังปฏิเสธที่จะให้เข้าประเทศเลยนะคะ
ขอบอกว่าที่พูดมาไม่ได้มีเจตนาจะทําให้บางท่านขวัญเสียเลยค่ะ
เห็นเเก่ประเทศไทยเราเถอะนะคะ อนาคตคนรุ่นหลังๆจะได้ไม่หม่นหมองเพราะการกระทําของคนรุ่นนี้