.......กรรม...ตามทวง...........

กระทู้สนทนา





บนถนนสายบ้านเพ-แกลง  ในเวลาเกือบตีสี่ ช่วงที่ฝนพรำหนาเม็ดเช่นนี้ สองข้างทางที่ครึ้มไปด้วยต้นยางพาราสูงใหญ่ อายุประมาณสิบกว่าปีขึ้นไป ปลูกอยู่เกือบชิดขอบทาง ยิ่งทำให้ถนนยิ่งมืดทมึนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

รถเก๋งสีแดงวิ่งฝ่าสายฝน บนถนนสายเปลี่ยว ขณะฟ้าคะนองเช่นนี้ แสงสว่างวาบจากประกายฟ้า ทาบลงมาต้องต้นยางใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านรกครึ้ม พร้อมลมที่กรรโชก โยกไหวก้านใบ ให้สะบัดกวัดแกว่ง

ทำให้เงาของต้นยาง วูบไหว ราวกับปีศาจร่างสูงใหญ่ ที่กวักมือเรียกอยู่เป็นระยะ ๆ ตลอดทาง

แต่ผู้ขับขี่ซึ่งเป็นหนุ่มวัยรุ่น อายุประมาณ 20 ปี ผิวขาว หน้าตี๋ แต่งตัวไสตล์เกาหลี เขาไม่ได้รู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวของบรรยากาศแวดล้อมเหล่านั้น

ยังคงหยอกล้อ กับสาววัยรุ่น แต่งตัวเปรี้ยวปรี๊ด ด้วยชุดกางเกงลายเสือดาวขาสั้นเสมอหูเสื้อสายเดี่ยวสีแสด ตัดกับผิวบนร่องอกที่ตูมเต่ง อวดความขาวนวล ด้วยเลือดฝาดวัยสาว ให้แลดูผุดผ่องยิ่งขึ้นท่ามกลางแสงสลัวๆ จากไฟหน้าปัทม์ในรถยนต์

เสียงเพลงจากเครื่องเสียงชั้นดี กระหึ่มด้วยเพลง ของ จัสติน บีเบอร์ทำให้สองหนุ่มสาว ไม่ได้รับรู้ถึงความเงียบ วังเวง ของเส้นทางที่รถวิ่งผ่านอยู่ขณะนี้

กลิ่นแอลกอฮอล์ระเหยคลุ้งออกจากปากของทั้งสองหนุ่มสาว พร้อมเสียงหัวร่อ ต่อกระซิก ดังมาเป็นระยะ ๆ

"อี๊ยยย! อย่าเล่นน่า บอม  ไม่เอา ไม่เอา พอแล้ว บี๋จั๊กจี๋ นะ" สาวน้อยยกมือปัดป้อง เมื่อมือข้างหนึ่งของบอม ละจากพวง มาลัย มาลูบไล้ ขาขาวที่พ้นขากางเกงอันแสนสั้นนั้น

หนุ่มผู้ขับรถ หันมาทำตาเจ้าชู้ใส่ และยิ้มอย่างมีเลศนัย

"เดี๋ยวถึงที่พักก่อน บอมจะทำให้ บี๋ ปัดมือบอมไม่ทันเลยละ"

หญิงสาว ได้ยิน เธอกลับยื่นหน้าไปใกล้เขา  ส่งสายตายั่วยวน พร้อมแลบลิ้น ล้อเลียนชายหนุ่ม

" อ๊ะ จริงดิ ไล่จับเค้าทันรึเปล่า เมาจนวิ่งไม่ไหว ไม่ว่า"

เธอท้าทาย แฟนหนุ่ม เพราะเห็นว่า เขาดื่มหนักร่วมกับเพื่อนๆอีก ห้าถึงหกคน ตอนอยู่ในผับเมืองระยอง ก่อนจะเดินทางกลับที่พัก ที่แหลมแม่พิมพ์

เขาทั้งสองมาถึงที่พักตั้งแต่ตอนเย็น แล้วชวนกันไปเที่ยวสถานบันเทิงในตัวจังหวัด จนผับปิด แล้วแวะส่งเพื่อนที่มีบ้านอยู่ในตัวจังหวัดก่อน


ไม่มีรถขับสวนทางมาเลย ทางข้างหน้ามีเพียงแสงไฟจากรถส่องให้เห็นทาง ในระยะไม่ไกลนัก เพราะสายฝนที่ตกหนาเม็ดขึ้น ที่ปัดน้ำฝนทำงานในระดับความเร็วขั้นแรก ต้องเปลี่ยนเป็นระดับความเร็วมากขึ้น

ป้ายสีเหลืองข้างทาง บอกให้ผู้ใช้ถนนทราบว่า ข้างหน้าเป็นทางโค้งหักศอกทางด้านขวาอีกประมาณห้าสิบเมตร

บอม อยู่ในอารมณ์คึกคนองด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่ม และสนุกครึ้มใจจากคำยั่วเย้าของสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ

เขาโน้มตัวยื่นหน้าไปทำท่าจะจูบ บี๋ ที่ยื่นหน้ามาหา สายตาละจากทางข้างหน้า หันมาทางหญิงสาว

หางตาเขาทันได้แว๊บเห็น อะไรบางอย่างสีดำไหวๆช่วงสุดท้ายก่อนที่ไฟหน้าจะผ่านไป พร้อมเสียงดัง

กรืบ!!!! รถสะเทือนเล็กน้อย บอมรีบหันกลับ สองมือยึดพวงมาลัยไว้แน่น

"เสียงอะไรน่ะ บอม "บี๋ถามขึ้นอย่างตื่นเต้น สองมือคว้าจับคอนโซลหน้ารถไว้แน่นตามสัญชาติญาณ

รถเสียหลักกินทางไปด้านขวา  เขาประคองกลับเข้าทางปกติได้ ในเวลาไม่นาน

"จอดรถดูก่อนมั้ย" เธอมาถามเขาต่อเมื่อพอตั้งสติได้ แววตายังตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด มือข้างขวาเย็นชืด ยื่นมาจับแขนชายหนุ่ม

"ได้ ๆ ดูก็ได้" ชายหนุ่มตอบอย่างไม่อยากขัดใจเธอ เขาจอดรถชิดขอบทาง ห่างจากจุดทางโค้งที่ได้ยินเสียงมา ไกลเกือบร้อยเมตร

เขาจะเปิดประตูรถ ฝนที่กำลังตกทำให้เขาเปลี่ยนใจ

"ฝนตก ลงไปก็เปียก มองไม่เห็นอะไร ไปต่อดีกว่า อาจเหยียบถุงขยะข้างทาง ตอนทางโค้งนั่นก็ได้นะ"

เขาตัดบทเพราะทั้งมืดและฝนกำลังตก ทำให้เขาไม่อยากลงไป แต่พูดตามคาดคะเน ให้หญิงสาว สบายใจ

ทั้งสองหยุดหยอกล้อกันไปโดยปริยาย เพราะเสียง เหมือนรถกระทบกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น

"บอม ขับรถระวังหน่อย เมื่อกี้โชคดี ที่ไม่มีอะไรนะ หากชนคน เกิดเรื่องใหญ่แน่เลย คิดแล้วสยอง"

เธอเตือนเขา เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง

"บี๋ กลัวอะไร ...หือ? ชนคนตาย กลัววิญญาณติดอยู่ในรถเหรอ?"
บอมเริ่มพูดเล่น อย่างติดตลกทั้งยังทำหน้าล้อเลียนเธอ

"บ้า พูดทำไม เรื่องผี ทางทั้งมืดทั้งเปลี่ยวแบบนี้ " เธอบ่น พร้อมฟาดฝ่ามือไปบนแขนข้างซ้ายของเขา จนเสียงดัง "เพี๊ยะ"

ส่งสายตาค้อนเขา หน้างอหงิก เพราะจริงๆแล้ว เธอเป็นคนกลัวผีจนขึ้นสมอง

บอมเห็นเธองอน แต่เขายังเล่นไม่เลิก ด้วยนึกสนุกกับการหลอกแฟนสาว

"มีคนชอบเล่านะ ว่า ขับรถไปกลางคืนดึกๆ บนทางเปลี่ยว มีคนมาโบกรถอยู่ข้างทาง หันกลับไป ก็ไม่มีใคร

บางที เห็นชัดว่าขับรถชนคน แต่พอลงจะช่วยกลับไม่มีใคร มองมาอีกทีเห็นคนนั่งอยู่ในรถแล้ว  บี๋ เคยฟังมาบ้างหรือเปล่า? "

"นี่เมื่อไรจะเลิกพูดเสียที บี๋ไม่พูดด้วยแล้วนะ"

เธองอนมากขึ้น สะบัดหน้าหนี จากหน้ารถ มองข้างทางผ่านกระจกรถด้านซ้ายมือของตัวเอง จังหวะนั้น เธอเงยหน้าขึ้นสายตาเลยไปถึงขอบกระจกด้านบนของประตูรถ

พลัน ต้องยกมือทาบอก สะดุ้งสุดตัว เมื่อสายตามองที่ขอบกระจกประตูรถด้านบน เห็นนิ้วมืออันขาวซีด โผล่มาให้เห็น แว๊บเดียว แล้วก็หายไป

เธอ จ้องเขม็งมองอีกครั้ง ทั้งที่ใจยังเต้นระทึก

....โอย ตาฝาด เห็นไปเองนะเรา...

เธอปลอบใจตัวเอง ทั้งที่ ใจเต้นระทึกขึ้นมาเอง อย่างอัตโนมัต คิดในใจว่า หากเล่าสิ่งที่เห็นไป เขาจะหัวเราะเยาะ และล้อเลียนเธออีก

เธอนั่งเงียบ ตัวแข็งหน้าเชิด มองทางข้างหน้า ไม่กล้ามองข้างทางอีก
ด้วยอารมณ์หงุดหงิดเพื่อนชาย และกลัว ภาพที่เห็นเมื่อสักครู่ ระคนกันอยู่

บอม เห็นเธองอน เขาอยากง้อ

" บี๋ ขอโทษนะ นะ บอมไม่หลอกแล้วก็ได้ น่า.. หันหน้ามายิ้มให้ หน่อยนะ "

เขาง้ออย่างอารมณ์ดี เรื่องที่รถชนบางอย่างจนรถเสียหลักตรงทางโค้งนั้นไม่อยู่ในความสนใจของเขาแล้ว

บี๋ หันหน้ามามองบอม ตามคำที่เขาขอทั้งที่ยังรู้สึกงอนอยู่บ้างเล็กน้อย ตาของเธอมองเลยไปถึงขอบกระจกประตูรถด้านที่บอมนั่ง

นิ้วมือขาวซีด เปลี่ยนไปปรากฏขึ้นที่ด้านขวาของรถข้างบอมนั่ง ให้เห็นอีกครั้ง

ครั้งนี้ เธอหยุดความตระหนกไว้ไม่ได้ กรีดร้องด้วยความขวัญหนีดีฝ่อ

"อ๊ายยยยย" ยกสองมือปิดตา ก้มหน้าลง ตัวสั่นเทาเหมือนลูกนกเปียกน้ำ

บอมเห็นเธอมีอากัปกริยาแบบนั้น เขาคิดว่า เธอโกรธเขามากขึ้น จึงรีบถามอย่างใส่ใจ

"บี๋ ทำไมต้องโกรธ บอมมากอย่างนี้ล่ะ บอมล้อเล่นนิดเดียวเอง"

พร้อมเอื้อมมือข้างหนึ่งไปโยกหัวเธอเล่น

"ไม่ใช่ ไม่ใช่ " เธอร้องด้วยเสียงสั่นเครือ ยกสองมือขึ้นปิดตาไว้

"มีนิ้วมือโผล่มา อยู่ตรงขอบประตูกระจกด้านบนข้างบอม บี๋กลัว ฮือ ๆ ๆ ๆ" เธอร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว ลืมอายแฟนหนุ่ม

บอมรู้ทันทีว่า ไม่ใช่อย่างที่เขาคิดแล้ว เขาหันมองตามคำที่ บี๋บอก แต่เขาไม่เห็นอะไร นอกจากหน้าต่างกระจกติดฟิล์มกรองแสงสีค่อนข้างทึบ ที่เพิ่มความมืดทำให้สองข้างทางดูยิ่งมืดมากขึ้น

มือขวาเขาจับพวงมาลัยข้างหนึ่ง ชลอความเร็วลง มือซ้ายเอื้อมไปโอบบ่าบี๋ให้เอนตัวมาหา ด้วยความรู้สึกผิด อยากปลอบเธอที่ทำให้ตกใจกลัว จนเกิดภาพหลอน

เธอยังปิดตาแน่น ตัวสั่นอยู่อย่างนั้น

"บี๋ ไม่มีอะไรหรอกนะ บอมขอโทษ ที่เล่าเรื่องผี ทำให้บี๋กลัวแบบนี้ ดูซิ ไม่มีอะไรจริงๆ "

เขายืนยัน เพราะเมื่อหันไปมองตามตำแหน่งที่เธอบอก เขาเห็นแค่ความมืด ไม่เห็นสิ่งที่แฟนสาวบอกมา

"เมื่อกี้ บี๋เห็นมันอยู่ข้างนี้ " เธอพูดทั้งที่ยังปิดหน้าอยู่ แต่ชี้นิ้วส่งสัญญาณไปทางหน้าต่างด้านซ้ายของเธอ

"บี๋ ไม่กล้าบอกทีหนึ่งแล้ว คิดว่าตาฝาด กลัวบอมจะหัวเราะเยาะ แต่พอหันไปทางบอมก็เห็นอีก ไม่ใช่ตาฝาดแล้วละ บี๋ กลัวจริงๆ"

เธออธิบายละล่ำละลักเพื่อให้แฟนหนุ่มเชื่อในสิ่งที่เธอเห็น

รถยังคงวิ่งไป สายฝนเริ่มซาเม็ดลง แต่ยังสาดสายให้เห็นชัดจากแสงไฟหน้ารถ

บอมโอบเธอไว้อย่างนั้น

"ปิดตาไว้อย่างนั้นก็ได้นะ ใกล้ถึงที่พักแล้วละ"

เขาปลอบเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น เขาคิดว่าเมื่อถึงที่พัก ลงจากรถ ก็จะได้รู้ว่า มันไม่มีอะไรอย่างที่เธอเห็น เป็นเพียงอุปาทานเท่านั้น

เขาปรับระดับที่ปัดน้ำฝนให้ลดสปีดลงมา สายตาจ้องไปตามเส้นทางข้างหน้า

สีของน้ำฝนที่ไหลลงมาที่กระจกหน้ารถ มีสีที่แปลกไป มีน้ำข้นเหนียวซึ่งเขายังไม่แน่ใจว่าสีอะไร ไหลเป็นทางปะปนลงมา

บอมแปลกใจ ตามองเขม็ง เขาชักมือกลับจากการโอบบ่าแฟนสาว มาจับพวงมาลัยรถแน่น

เมื่อที่ปัดน้ำฝน ปัดถูกน้ำสีแดงที่เขาเห็นชัดขึ้น เหนียวเป็นเมือก กระจายไปตามแนวที่ใบปัด ปัดไปถึง

มันยังไหลมาเรื่อยๆ สายฝนที่ซาเม็ด ไม่อาจชำระล้าง สีแดงเมือกนั้นให้หมดไปได้ทัน

...อะไรนั่น...

ใจของบอม เต้นโครมคราม ระทึกขวัญ ตาเบิกโพลงเมื่อเห็น เส้นสีดำยาว ทาบลงมาจากหลังคารถปรากฏขึ้นบนกระจก

ขณะที่เขากำลังรวบรวมสติกลับมา อาการมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดูเหมือนจะหายไปหมดสิ้น เขาพยายามมองให้ชัด พอดีกับเสียง

ตึง! ตึง! ดังถี่ๆ หลายครั้ง ขึ้นบนหลังคา ด้านเบาะหลัง เขาเหลียวเงยขั้นมองตามที่มาของเสียง แต่ ไม่เห็นอะไร ภายในตัวรถด้านเบาะหลังยังเป็นปกติ ไม่มีเงาของใคร หรืออะไร ปรากฏอยู่

ใจของเขาเต้นระส่ำ รีบหันกลับ ตาจ้องไปข้างหน้าเขม็ง เมือกเลือดนั้น ทำให้กระจกหน้ารถพร่ามัว มือที่กุมพวงมาลัยเย็นชื้น ขาเหยียบคันเร่งเร็วขึ้นโดยอัตโนมัติ

"เสียงอะไร บอม"

บี๋ ถาม เสียงเธอ บอกอาการขวัญเสียอีกครั้ง หลังจากที่เธอปิดหน้า และ บอมโอบกอดปลอบใจ ใจเธอเริ่มคลายความหวาดกลัวได้บ้าง คิดว่าจะเปิดหน้า และทำใจให้เป็นปกติ อยู่พอดี

"บี๋นั่งอยู่อย่างนั้นไปก่อนนะ อย่าเปิดหน้ามาดู บอมจะขับไปให้ถึงโรงแรมเร็วที่สุด"

เขาตอบบี๋ อย่างยังพอมีสติที่จะห่วงเธอ พยายามข่มความกลัว ปรับน้ำเสียงให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มันก็ยังทำให้บี๋จับความรู้สึกได้

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ บี๋ ทั้งที่กลัว แต่เธอห้ามความอยากรู้ว่า อะไรเกิดขึ้นบ้างไม่ได้

เธอเอามือทั้งสองข้างที่ปิดตาไว้ ออก ภาพที่เห็น คือ เมือกสีเลือดเปรอะเต็มหน้ากระจกด้านหน้า ทำให้เห็นทางข้างหน้าไม่ชัดเจน

เธอไม่ทันได้เห็น เส้นผมดำยาวที่ทาบลงมาที่กระจกเมื่อสักครู่นั้น ซึ่งตอนนี้มันหายไปแล้ว

แต่เท่านี้ ก็ทำให้เธอตกใจแทบสิ้นสติ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีสันของเครื่องสำอางค์ ไม่พอกลบความซีดเผือด จากใบหน้าเธอได้

ปากสีแดง กลายเป็นม่วงคล้ำ คอแห้งผาก จนเสียงแหบพร่า

"มะ มะ มัน  อะ อะไร น่ะ บอม" เสียงเธอถามตะกุกตะกักอย่างยากลำบากกว่าจะหลุดมาเป็นประโยคนี้ออกมาได้

"ไม่รู้ บี๋ บอม ไม่รู้" เสียงที่เขาตอบมา สั่น จนบอกให้รู้ถึงความหวาดหวั่นอย่างไม่อาจปกปิดได้อีกต่อไป

บี๋ร้องไห้ เสียงดัง ตัวสั่นระริก เธอยกทั้งสองขาขึ้นมาชันเข่าบนเบาะนั่ง สองแขนโอบเข่า ซบหน้ากดหัวตัวเองไว้แน่น เหมือนพยายามทำตัวให้ลีบเล็กมากที่สุด

รถทะยานด้วยความเร็วสูงสุด ใจบอมสั่นระริก
โน่น...เขาเห็นแสงไฟจากที่พักอยู่ข้างหน้า ไม่ไกล

.....อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว...เขาคิด ความหวาดกลัวทำให้เส้นขนทุกส่วนของเขาลุกชัน แอร์ในรถเหมือนเพิ่มความเย็นขึ้นได้เอง เย็นจนจับขั้วหัวใจ

เขาไม่มีสติพอที่จะปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้นแต่อย่างใด

บอมพยายามตั้งสติ แต่เสียงร้องไห้ของบี๋ก็คอยสั่นประสาทเขาไม่น้อย
ทั้งเลือดที่ไหลลงมาหน้ากระจกยังไหลอยู่อย่างต่อเนื่อง

เขาเบรครถ อย่างแรง จนเกิดเสียงยาง เสียดสีกับ ถนน ริมทางหน้าประตูโรงแรม ซึ่งตั้งด้านซ้ายของตัวรถ ห่างจากถนนไปหลายสิบเมตรทีเดียว

เอี๊ยดดดดด!!!!!!!!


แค่ถึงริมถนนทางเข้าโรงแรม ใจเขาอยากลงจากรถคันนี้ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่