วันนี้จะมาเล่ารายละเอียดคร่าวๆเกี่ยวกับโครงการเมกะโปรเจคของทาง JR ญี่ปุ่นเลยทีเดียว นั่นก็คือ "Hokkaido Shinkansen" ชิงคันเซ็นจะได้วิ่งในฮอกไกโดแล้ว และจะเชื่อมกับเกาะหลักๆด้วย ไม่ต้องวิ่งเฉพาะในฮอกไกโด ทีนี้แหละนั่งชิงเก็นเซ็นอย่างเดียวกันตั้งแต่ Kagoshima ยัน Sapporo กันเลยเอ้า (ค่าโดยสารโดนแล้วร้องไห้แน่ๆ)

ที่จริงโปรเจค Hokkaido Shinkansen นี้ มีมานานมากแล้วครับ เมื่อประมาณเกือบ 40ปีที่แล้ว มีแผนจะสร้างชิงกันเซ็นเส้นทาง Sapporo - Asahikawa และเส้นทาง Oshamambe - Muroran – Sapporo โดยโปรเจคที่คิดกันจะวิ่งเฉพาะในเกาะฮอกไกโด แต่ในที่สุดโครงการจะโดนยุบและเงียบหายไปเลย

แต่โปรเจคที่คิดขึ้นใหม่นี้เป็นโปรเจครถไฟความเร็วสูงชิงกันเซ็นของทาง JR ญี่ปุ่นเค้า โดยเค้าได้มองประมาณว่าฮอกไกโดคนเที่ยวเยอะ ต้องการความสะดวกสบาย รวดเร็ว และหลากหลายในการเดินทาง และยังไม่มีชิงเก็นเซ็นเชื่อมไปที่ฮอกไกโด (มีแต่รถไฟสาย Kaikyo Line ซึ่งวิ่งผ่านอุโมงค์ใต้น้ำ Seikan Tunnel) ทาง JR เลยเริ่มสร้างโปรเจค Hokkaido Shinkansen เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2548 และจะเสร็จล๊อตแรกวิ่งถึง Hakodate ในปี พ.ศ.2559 และจะค่อยๆสร้างถึง Sapporo ในปี พ.ศ.2578 (นานเหมือนกันนะ แต่เส้นทางมันก็ยาวจริงๆ) บริหารงานโดย JR Hokkaido


(แผนเส้นทางโครงการ Hokkaido Shinkansen)

เส้นทางล๊อตแรกนั้นเริ่มต้นสายจากสถานี Shin-Aomori ในเมือง Aomori วิ่งไปยังสถานี Shin-Hokkaido ในเมือง Hokuto
แต่น่าเอ๊ะใจตรงสถานี Shin-Hakodate นี่แหละครับ เพราะ..... มันไม่มีสถานีนี้ตั้งแต่แรกครับ

สถานี Shin-Hakodate ที่ทาง JR พูดถึงนั่นก็คือสถานี Oshima-Ono ซึ่งเป็นสถานีรถไฟเล็กๆ อยู่ที่เมือง Hokuto ห่างจากตัวเมือง Hakodate ไปทางเหนือ โดยรถยนต์ประมาณ 18กิโลเมตร โดยปกติมีรถไฟสาย Hakodate Main Line วิ่งผ่านอยู่แล้ว ทาง JR คิดที่จะให้ที่นี่แหละคือสถานีหลักของ Hokkaido Shinkansen (อีกสถานีหลักสำคัญคือ Sapporo Station) โดยจะขยายสถานีให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชิงคันเซ็นและผู้โดยสารที่จะมากขึ้น


(สถานี Oshima-Ono เมื่อปี พ.ศ.2554)

โครงการนี้ถือว่าเป็นงานหินไม่เบา โดยจะต้องปรับโครงสร้างรางในอุโมงค์ใหม่ให้เป็นรางแบบ Dual Gauge เพราะสาย Kaikyo Line เดิมนั้น เป็นรางแบบ 1,067mm แต่ชิงกันเซ็นจะใช้ราง 1,435m โดยต้องทำให้รางนั้นรับรถไฟได้ทั้งสองแบบ แถมจะต้องวิ่งผ่านอุโมงค์ Seikan Tunnel ซึ่งมีความยาว 53.85กิโลเมตร (อยู่ใต้น้ำ 23.3กิโลเมตร) สร้างมานานกว่า 30ปี รางที่วิ่งเดิม เป็นรถไฟรางคู่ซะด้วย


(แผนแนวของอุโมงค์ Seikan Tunnel)


(รถไฟ Super Hakucho เป็น Limited Express ของสาย Kaikyo Line โดยเฉพาะ เริ่มใช้งานตั้งแต่ พ.ศ.2503 โดยปัจจุบันก็ยังใช้งานอยู่)

สาย Shin-Aomori - Shin-Hakodate นั้น รถไฟจะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่ 320km/h (Kaikyo Lineเดิม เป็นรถไฟสายด่วน วิ่งเร็วสุดที่ 140km/h) ในปี พ.ศ.2563 จะขยับเพดานความเร็วสูงสุดไปเป็น 360km/h โดยตอนนี้ยังไม่มีการเล็งไว้ว่าจะใช้รถไฟรุ่นไหนมาวิ่งในสายนี้ (ตัวผมคาดว่าน่าจะเอา Shinkansen E6 มาวิ่งด้วย เพราะ E6 วิ่งบนสาย Tohoku ซึ่งสุดสายที่ Shin-Aomori จะได้วิ่งตรงจาก Tokyo ยาวขึ้นมาได้เลย)


(Shinkansen E6 "Super Komachi "รุ่นใหม่ล่าสุด เพิ่งเปิดตัวเมื่อ 16 มีนาคมนี่เอง ผลิตโดย Hitachi และ Kawasaki วิ่งเร็วสุดที่ 320km/h ปัจจุบันวิ่งสาย Tohoku และ Akita Shinkansen)

รถไฟในโครงการ Hokkaido Shinkansen ที่จะวิ่งในสายนี้ ตอนจะผ่านอุโมงค์ Seikan รถไฟจะลดความเร็วเหลือ 260km/h และถ้ามีรถไฟจะวิ่งขนานกันก็จะลดความเร็วอัตโนมัติให้เหลือ 200km/h แล้วพอรถไฟผ่านไปไม่มีขนานกันก็จะกลับตามลิมิตความเร็วเดิมโดยอัตโนมัติ พอออกจากอุโมงค์จะวิ่งเต็มความเร็วเหมือนเดิม

ส่วนทางสายล๊อตสองคือ Shin-Hakodate - Sapporo นั้น จะต้องสร้างเส้นทางใหม่ค่อนข้างยาว ไม่ได้ไปคู่กับสาย Hakodate Main Line เดิมทั้งสาย และต้องสร้างอุโมงค์ใหม่ด้วย ซึ่งอุโมงค์ที่จะต้องสร้างกันใหม่นั่นก็คืออุโมงค์ Murayama Tunnel ซึ่งห่างจากสถานี Shin-Hakodate แค่กิโลเมตรเดียว โดยอุโมงค์จะยาว 5.265กิโลเมตร จะเริ่มเจาะอุโมงค์เดือนมีนาคม พ.ศ.2558 และเสร็จสมบูรณ์ เดือนมีนาคม พ.ศ.2564


*** ถ้าสร้างสำเร็จในล๊อตแรก การนั่งชิงกันเซ็นจาก Tokyo ไปที่ Hakodate จะใช้เวลา 3ชั่วโมง45นาที โดยถ้าเสร็จทั้งโครงการ ความเร็วสูงสุดปรับขึ้นไปอยู่ที่ 360km/h จะใช้เวลานั่งรถไฟชิงกันเซ็นจาก Tokyo ไปที่ Sapporo โดยใช้เวลา 5ชั่วโมง 1นาที ***


***** ขอบคุณที่สละเวลามาชมครับ เนื้อหาแน่นจริงๆ *****