''บังยี'' วรวีร์ มะกูดี ชี้แจงถึงความสำคัญในการเลือกตั้งภายใต้ธรรมนูญฟีฟ่าฉบับใหม่ในรายการ ''เจาะข่าวเด่น'' ว่าเป็นสิ่งที่ฟีฟ่ากำหนดมาต้องปฏิบัติตามจะเลี่ยงไม่ได้ พร้อมยืนยันยังมีอำนาจในการบริหารงาน ย้ำโมเดลใหม่ฟีฟ่าเป็นผู้เข้ามาศึกษาและวางโครงสร้างที่เหมาะสมให้ บอกถ้าเป็นคนจัดทำรูปแบบเองจะให้สิทธิ์กับทีมในลีกภูมิภาคทั้งหมด เพราะถือว่ามีการลงทุนและพัฒนาทีมขึ้นมา พร้อมเสนอ นายเรวัตร ฉ่ำเฉลิม อดีตอัยการสูงสุดเข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการเลือกตั้งตามธรรมนูญใหม่
ภายหลังจากที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ได้มีคำสั่งให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จัดการให้สโมสรพัทยา เอฟซี ดำเนินการถอนฟ้องต่อศาลมีนบุรี ไม่เช่นนั้นจะมีบทลงโทษที่รุนแรงกับวงการฟุตบอลไทย และทางสโมสรพัทยา เอฟซี ก็ได้ทำการถอนฟ้องไปแล้ว
พร้อมกับที่ นายวิรัช ชาญพานิชย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ได้ออกมาแถลงข่าวว่าสภากรรมการชุดปัจจุบันที่นำโดย "บังยี" วรวีร์ มะกูดี หมดวาระไม่มีอำนาจการบริหารงานอีกต่อไปตามข้อบังคับสมาคมฟุตบอลฯ จึงจะมีการยื่นเรื่องถึงการกีฬาแห่งประเทศไทยเพื่อให้เข้ามาดำเนินการจัดการเลือกตั้ง
"บังยี" ออกช่อง 3 ชี้แจงทำหน้าที่ต่อ
จม.ประกอบจากที่ พินิจ เขียนถึงฟีฟ่า และฟีฟ่าตอบกลับมา
โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ทางด้าน "บังยี" วรวีร์ มะกูดี พร้อม นายวีระ คำมี ฝ่ายกฎหมาย และ นายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้เดินทางไปออกรายการ "เจาะข่าวเด่น" กับพิธีกรชื่อดัง นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เพื่อชี้แจงประเด็นข้อเท็จจริงต่างๆ หลังจากที่ นายวิรัช ชาญพานิชย์ ได้มาออกอากาศไปแล้วเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา
ซึ่งพิธีกรฝีปากกล้าได้เจาะไปที่ประเด็นของการหมดวาระตามที่ถูกกล่าวอ้างว่าจริงหรือไม่ ทางนายวรวีร์ มะกูดี ชี้แจงว่า คุณวิรัชไม่ได้หยิบยกข้อบังคับมาพูดให้ชัดเจน ในข้อ 17.3 ที่ว่าเมื่อสภากรรมการจะพ้นตำแหน่งให้จัดประชุมใหญ่เพื่อดำเนินการเลือกตั้งภายใน 30 วัน
และให้สภากรรมการชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าสภากรรมการชุดใหม่จะเข้ามารับมอบหน้าที่แล้ว แถมยังสอดคล้องกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ให้กรรมการชุดเดิมทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้กรรมการชุดใหม่ ต้องเรียนว่าเราไม่ได้รักษาการด้วยซ้ำไป กฎหมายระบุให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้กรรมการชุดใหม่ ฉะนั้นแล้วที่บอกว่าสมาคมฟุตบอลฯ เป็นสุญญากาศไม่จริงเลย สภากรรมการยังทำหน้าที่ต่อไป
เชิญ "เรวัตร" เป็นประธานเลือกตั้ง
ส่วนที่ว่ามีการเสนอว่าควรจะจัดการเลือกตั้งก่อนแล้วค่อยไปปรับตามธรรมนูญฟีฟ่า ทาง "บังยี" กล่าวว่าฟีฟ่ามีเจตนาชัดเจน เราไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้ จะต้องเลือกตั้งภายใต้ธรรมนูญใหม่เท่านั้น นายสรยุทธถามต่อว่าถ้าจะพบกันคนละครึ่งทางเอาคนกลางมาจัดการเลือกตั้งและไปปรับใช้ธรรมนูญใหม่ก่อน 30 ก.ย.
ทาง "บังยี" ก็ชี้ว่า มันมีความพยายามที่จะเลี่ยงไปเลี่ยงมา ซึ่งฟีฟ่าเขาไม่ยอมรับ ทุกอย่างจะต้องรับธรรมนูญใหม่และเลือกตั้งภายใต้ธรรมนูญใหม่เท่านั้น ทำอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งทางตัวแทนฟีฟ่าเขาก็เดินทางมาอธิบายถึงผลดี ผลเสียทุกอย่าง และให้เรายอมรับ
เพียงแต่จะบอกว่าถ้ามีการเลือกตั้ง เราไม่ได้เลือกตั้งกันเอง จะมีคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือจะเรียกว่า กกต.ก็ได้ ซึ่งจะมีประธาน 1 ท่าน รองประธาน 1 ท่าน และ กรรมการ 3 ท่านทำหน้าที่ โดยประธานใหญ่จะต้องเสนอชื่อบุคคลที่สังคมให้การยอมรับ ทั้งนี้เราก็ได้เสนอ ท่านเรวัตร ฉ่ำเฉลิม อดีตอัยการสูงสุดเข้ามาทำหน้าที่เป็นประธาน
ย้ำต้องปฏิบัติตามกฎฟีฟ่า
ในประเด็นที่ว่าต้องการเลือกตั้งแบบใหม่ที่กำหนด 72 เสียง เพราะไม่อยากที่จะไปใช้แบบเก่าที่มี 184 เสียง เนื่องจากกลัวจะแพ้ ทางด้านนายกลูกหนังไทยตอบว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้วใช้การเลือกตั้งตามกฎเก่าตนเองก็ชนะมาได้ แต่ว่าครั้งนี้ทางฟีฟ่าเขาเป็นผู้กำหนดเราเปลี่ยนแปลงเขาไม่ได้ เราเป็นชาติสมาชิกที่จะต้องปฏิบัติตามกฎที่ฟีฟ่าหรือเอเอฟซีกำหนดมา ซึ่งเรื่องกฎใหม่เราดำเนินการมาตลอดตั้งแต่ปี 2552 ในการประชุมใหญ่และแจ้งต่อสภากรรมการมาเป็นระยะๆ อยู่แล้ว
"ไพฑูร" ชี้ควรให้ทีมใหญ่กำหนดอนาคต
นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ย้ำว่าทางคุณวิรัชอ้างไม่เคยขอความเห็นเสียงสมาชิกตรงนี้เขารับไม่ได้ ซึ่งทาง นายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้เสริมว่า สมาคมฟุตบอลฯ มีการประชุมใหญ่ถึงเรื่องนี้วันที่ 31 มี.ค. 2552 จากนั้นก็ประชุมคืบหน้ามาตลอดประมาณ 8 ครั้งเห็นจะได้ สภากรรมการก็รับรู้ คิดว่า ณ เวลานี้ผู้แข่งขันต่อสู้กันด้วยข้อกฎหมายกันมากกว่า
"สิ่งที่อยากจะกล่าวก็คือทุกคนที่มาสมัครมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลทั้งสิ้น ที่ผ่านมาเราก็จัดการเลือกตั้งแบบไทยๆ มันก็ถูกต้อง แต่วันนี้โลกมันเปลี่ยนฟีฟ่ามีการบังคับให้ใช้ธรรมนูญเหมือนกัน และอยากให้ทีมที่มีส่วนได้ -เสีย กับวงการจริงๆ มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งผมเห็นด้วย
ถ้าเลือกตามโมเดลเก่าหลายทีมใหญ่ๆ จะไม่มีสิทธิ์ ทั้งที่จ่ายเงินทำทีมกันเป็นร้อยล้าน กลับปล่อยให้ทีมเล็กๆ ที่เราไม่เคยรู้จัก แข่งปีหนึ่ง 2 ครั้งกลับมีสิทธิ์ตรงนี้ไม่เห็นด้วย เรากำลังเลือกผู้นำที่จะกำหนดทิศทางและพัฒนาฟุตบอลไทยจึงควรให้ทีมที่มีส่วนได้-เสียจริงๆ เป็นผู้กำหนดเอง ซึ่งคุณวรวีร์อาจจะไม่ได้รับเลือกก็ได้ เพราะสโมสรใหญ่ๆ ระดับประธานที่มีอำนาจเขาก็มีความคิดเป็นของเขาเอง ก็ให้เขาเลือกเองว่าอยากจะไปทิศทางไหน"
"บังยี" เผยอยากให้สิทธิ์ทีม ด.2 ทั้งหมด
ต่อข้อถามที่ว่าโมเดลรูปแบบใหม่ที่ให้สิทธิ์ 72 เสียงเป็นทางคุณวรวีร์ที่แอบส่งไปให้ฟีฟ่า เรื่องนี้ "บังยี" ชี้แจงว่าไม่จริง ผู้แทนฟีฟ่าเดินทางมาประชุมกับเราตลอด และเราก็ให้ข้อมูลถึงโครงสร้างของฟุตบอลบ้านเราว่าลีกเป็นอย่างไร ทีมสมัครเล่นแบบไหน เขาศึกษาข้อมูลเหล่านั้น
ก่อนที่จะนำโครงสร้างของธรรมนูญใหม่ที่ฟีฟ่าคิดว่าดีที่สุดเหมาะสมกับไทยมากที่สุดว่าจะต้องเป็นแบบนี้ และเขาก็มาชี้แจงเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. โดยฟีฟ่าก็ตอบชัดเจนว่าเป็นผู้เสนอเอง ซึ่งถ้าผมเป็นคนเสนอร่างๆ บอกตามตรงว่าอยากจะให้สิทธิ์กับทีมที่แข่งในลีกภูมิภาคทั้งหมด เพราะปัจจุบันก็มีการลงทุนในการสร้างทีมกันมากมาย เพียงแต่ฟีฟ่าเขาไม่เอาแบบนั้น และต้องการแบบที่เสนอมา
นายวรวีร์ยังกล่าวต่อว่า ส่วนทีมในฟุตบอลถ้วยเราไม่ได้ตัดสิทธิ์เสียเลย ยังให้ตัวแทนแชมป์รองแชมป์แต่ละถ้วยเข้ามา ส่วนทีมอื่นๆ ก็ยังมีสถานะเป็นสโมสรสมาชิกที่ยังร่วมกิจกรรมกับสมาคมได้ตามปกติ
เมื่อถามว่าเหตุใดตัวแทนภูมิภาคจึงต้องทำการคัดเลือกเข้ามา ตรงนี้ "บังยี" ชี้ว่าในแต่ละโซนจำนวนทีมไม่เท่ากัน และทุกวันนี้แต่ละทีมก็มีการพัฒนา มีการลงทุนที่สูงจึงมีสิทธิ์เหมือนกัน จึงให้แต่ละโซนทำหน้าที่เลือกตัวแทนกันมาเองจะดีกว่า ซึ่งฟีฟ่าเขาพิจารณาแล้วและมองว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด
หลังจากที่ "บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ได้กล่าวอ้างความชอบธรรมว่า "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ได้หมดวาระการบริหารงานแล้วตามข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลฯ และเตรียมรวบรวมเสียงสมาชิกจำนวน 1 ใน 3 ที่นำโดยกลุ่มชลบุรีเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
เพื่อให้เข้ามาดำเนินการจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ แทน แต่ทว่าก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่ากำลังอยู่ในระหว่างจัดการและรวบรวมเสียงจากสมาชิก และคาดว่าจะมีการยื่นอีกครั้งในเร็ววันนี้
โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามไปยัง นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ถึงเรื่องที่จะมีการส่งหนังสือให้ กกท.จัดการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงประเด็นนี้แต่อย่างใด
กกท.ยัน "บังยี" รักษาการ 30 วัน
ส่วนประเด็นที่ทางผู้ท้าชิงประมุขลูกหนังตีความว่า "บังยี" ได้หมดวาระลงตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.แล้ว และไม่มีอำนาจที่จะบริหารงานในทุกด้านอีกต่อไป ซึ่งในเรื่องนี้ นายมนตรี ไชยพันธุ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยฯ (กกท.) ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬาออกมาย้ำอีกครั้งในกฎระเบียบที่ถูกต้อง
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ว่า นายวรวีร์ มะกูดี ยังมีสิทธิ์รักษาการตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยต่อไปจนถึงวันที่ 17 ก.ค. แม้นาย วิรัช ชาญพานิชย์ จะออกมาคัดค้านเพราะมองว่าทำผิดข้อบังคับ
โดยรองผู้ว่าการ กกท. ให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า กกท.จะต้องทำตามกฎหมายและอำนาจที่สามารถทำได้ ซึ่งตามข้อบังคับของ พ.ร.บ.การกีฬา ประกอบกับพิจารณาจากกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้วนั้น นายวรวีร์ มะกูดี สามารถรักษาการต่อไปได้เพื่อดำเนินการจัดการเลือกตั้งภายใน 30 วันนับตั้งแต่หมดวาระลง
ค่ำโผล่ตอบโจทย์เผยพัทยาหมกเม็ดศาล
ขณะเดียวกันในช่วงค่ำเวลา 20.00 น. ณ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ทางด้าน วรวีร์ มะกูดี ได้เดินทางไปออกรายการ "ตอบโจทย์" ซึ่งต้องเผชิญหน้าพร้อมกับโต้ตอบข้อสักถามกับ อรรณพ สิงห์โตทองรองประธานชลบุรี เอฟซี ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำคนสำคัญของ "บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ
โดยประเด็นเด็ดที่ วรวีร์ มะกูดี เผยกลางรายการคือการเผยข้อมูลหมกเม็ดของบริษัท สโมสรพัทยา เอฟซี จำกัด ที่ก่อนหน้าจะไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดมีนบุรีในวันที่ 14 มิ.ย. 56 ทางพัทยาได้เคยไปยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งและพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 56แต่ครั้งนั้นศาลแพ่งฯไม่รับฟ้องพร้อมกับให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องภายใน ส่วนการยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดมีนบุรีสโมสรพัทยาก็ไม่ได้แจ้งให้ศาลได้รับทราบว่าเคยนำเรื่องไปแจ้งที่ศาลแพ่งฯแล้วครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังไม่ได้บอกด้วยว่าศาลแพ่งฯ ไม่รับฟ้องเนื่องจากเหตุผลใด การกระทำดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ผิด ความจริงจะต้องแจกแจงให้ศาลรับทราบด้วยก่อนยื่นฟ้อง
ให้ทีมละ 20 ล้านลุยไทยลีก
นอกจากนี้ "บังยี" ยังได้กล่าวในรายการด้วยว่า ถ้าตนเองได้นั่งเป็นนายกสมาคมฟุตบอลอีกครั้งนอกจากเรื่องของการปฎิรูปงานสมาคมใหม่ทั้งหมด ก็จะให้ความสำคัญกับลีกอาชีพมากขึ้นกว่าเดิมด้วย ทั้งนี้ในส่วนของโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงก็สัญญาว่าจะเพิ่มงบสนับสนุนทีมให้มากขึ้นเป็นทีมละ 20 ล้านบาทต่อปี
บังยีออกรายการเจาะข่าวเด่นย้ำต้องปฏิบัติตามกฎฟีฟ่า
ภายหลังจากที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ได้มีคำสั่งให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จัดการให้สโมสรพัทยา เอฟซี ดำเนินการถอนฟ้องต่อศาลมีนบุรี ไม่เช่นนั้นจะมีบทลงโทษที่รุนแรงกับวงการฟุตบอลไทย และทางสโมสรพัทยา เอฟซี ก็ได้ทำการถอนฟ้องไปแล้ว
พร้อมกับที่ นายวิรัช ชาญพานิชย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ได้ออกมาแถลงข่าวว่าสภากรรมการชุดปัจจุบันที่นำโดย "บังยี" วรวีร์ มะกูดี หมดวาระไม่มีอำนาจการบริหารงานอีกต่อไปตามข้อบังคับสมาคมฟุตบอลฯ จึงจะมีการยื่นเรื่องถึงการกีฬาแห่งประเทศไทยเพื่อให้เข้ามาดำเนินการจัดการเลือกตั้ง
"บังยี" ออกช่อง 3 ชี้แจงทำหน้าที่ต่อ
จม.ประกอบจากที่ พินิจ เขียนถึงฟีฟ่า และฟีฟ่าตอบกลับมา
โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ทางด้าน "บังยี" วรวีร์ มะกูดี พร้อม นายวีระ คำมี ฝ่ายกฎหมาย และ นายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้เดินทางไปออกรายการ "เจาะข่าวเด่น" กับพิธีกรชื่อดัง นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เพื่อชี้แจงประเด็นข้อเท็จจริงต่างๆ หลังจากที่ นายวิรัช ชาญพานิชย์ ได้มาออกอากาศไปแล้วเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา
ซึ่งพิธีกรฝีปากกล้าได้เจาะไปที่ประเด็นของการหมดวาระตามที่ถูกกล่าวอ้างว่าจริงหรือไม่ ทางนายวรวีร์ มะกูดี ชี้แจงว่า คุณวิรัชไม่ได้หยิบยกข้อบังคับมาพูดให้ชัดเจน ในข้อ 17.3 ที่ว่าเมื่อสภากรรมการจะพ้นตำแหน่งให้จัดประชุมใหญ่เพื่อดำเนินการเลือกตั้งภายใน 30 วัน
และให้สภากรรมการชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าสภากรรมการชุดใหม่จะเข้ามารับมอบหน้าที่แล้ว แถมยังสอดคล้องกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ให้กรรมการชุดเดิมทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้กรรมการชุดใหม่ ต้องเรียนว่าเราไม่ได้รักษาการด้วยซ้ำไป กฎหมายระบุให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้กรรมการชุดใหม่ ฉะนั้นแล้วที่บอกว่าสมาคมฟุตบอลฯ เป็นสุญญากาศไม่จริงเลย สภากรรมการยังทำหน้าที่ต่อไป
เชิญ "เรวัตร" เป็นประธานเลือกตั้ง
ส่วนที่ว่ามีการเสนอว่าควรจะจัดการเลือกตั้งก่อนแล้วค่อยไปปรับตามธรรมนูญฟีฟ่า ทาง "บังยี" กล่าวว่าฟีฟ่ามีเจตนาชัดเจน เราไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้ จะต้องเลือกตั้งภายใต้ธรรมนูญใหม่เท่านั้น นายสรยุทธถามต่อว่าถ้าจะพบกันคนละครึ่งทางเอาคนกลางมาจัดการเลือกตั้งและไปปรับใช้ธรรมนูญใหม่ก่อน 30 ก.ย.
ทาง "บังยี" ก็ชี้ว่า มันมีความพยายามที่จะเลี่ยงไปเลี่ยงมา ซึ่งฟีฟ่าเขาไม่ยอมรับ ทุกอย่างจะต้องรับธรรมนูญใหม่และเลือกตั้งภายใต้ธรรมนูญใหม่เท่านั้น ทำอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งทางตัวแทนฟีฟ่าเขาก็เดินทางมาอธิบายถึงผลดี ผลเสียทุกอย่าง และให้เรายอมรับ
เพียงแต่จะบอกว่าถ้ามีการเลือกตั้ง เราไม่ได้เลือกตั้งกันเอง จะมีคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือจะเรียกว่า กกต.ก็ได้ ซึ่งจะมีประธาน 1 ท่าน รองประธาน 1 ท่าน และ กรรมการ 3 ท่านทำหน้าที่ โดยประธานใหญ่จะต้องเสนอชื่อบุคคลที่สังคมให้การยอมรับ ทั้งนี้เราก็ได้เสนอ ท่านเรวัตร ฉ่ำเฉลิม อดีตอัยการสูงสุดเข้ามาทำหน้าที่เป็นประธาน
ย้ำต้องปฏิบัติตามกฎฟีฟ่า
ในประเด็นที่ว่าต้องการเลือกตั้งแบบใหม่ที่กำหนด 72 เสียง เพราะไม่อยากที่จะไปใช้แบบเก่าที่มี 184 เสียง เนื่องจากกลัวจะแพ้ ทางด้านนายกลูกหนังไทยตอบว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้วใช้การเลือกตั้งตามกฎเก่าตนเองก็ชนะมาได้ แต่ว่าครั้งนี้ทางฟีฟ่าเขาเป็นผู้กำหนดเราเปลี่ยนแปลงเขาไม่ได้ เราเป็นชาติสมาชิกที่จะต้องปฏิบัติตามกฎที่ฟีฟ่าหรือเอเอฟซีกำหนดมา ซึ่งเรื่องกฎใหม่เราดำเนินการมาตลอดตั้งแต่ปี 2552 ในการประชุมใหญ่และแจ้งต่อสภากรรมการมาเป็นระยะๆ อยู่แล้ว
"ไพฑูร" ชี้ควรให้ทีมใหญ่กำหนดอนาคต
นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ย้ำว่าทางคุณวิรัชอ้างไม่เคยขอความเห็นเสียงสมาชิกตรงนี้เขารับไม่ได้ ซึ่งทาง นายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้เสริมว่า สมาคมฟุตบอลฯ มีการประชุมใหญ่ถึงเรื่องนี้วันที่ 31 มี.ค. 2552 จากนั้นก็ประชุมคืบหน้ามาตลอดประมาณ 8 ครั้งเห็นจะได้ สภากรรมการก็รับรู้ คิดว่า ณ เวลานี้ผู้แข่งขันต่อสู้กันด้วยข้อกฎหมายกันมากกว่า
"สิ่งที่อยากจะกล่าวก็คือทุกคนที่มาสมัครมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลทั้งสิ้น ที่ผ่านมาเราก็จัดการเลือกตั้งแบบไทยๆ มันก็ถูกต้อง แต่วันนี้โลกมันเปลี่ยนฟีฟ่ามีการบังคับให้ใช้ธรรมนูญเหมือนกัน และอยากให้ทีมที่มีส่วนได้ -เสีย กับวงการจริงๆ มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งผมเห็นด้วย
ถ้าเลือกตามโมเดลเก่าหลายทีมใหญ่ๆ จะไม่มีสิทธิ์ ทั้งที่จ่ายเงินทำทีมกันเป็นร้อยล้าน กลับปล่อยให้ทีมเล็กๆ ที่เราไม่เคยรู้จัก แข่งปีหนึ่ง 2 ครั้งกลับมีสิทธิ์ตรงนี้ไม่เห็นด้วย เรากำลังเลือกผู้นำที่จะกำหนดทิศทางและพัฒนาฟุตบอลไทยจึงควรให้ทีมที่มีส่วนได้-เสียจริงๆ เป็นผู้กำหนดเอง ซึ่งคุณวรวีร์อาจจะไม่ได้รับเลือกก็ได้ เพราะสโมสรใหญ่ๆ ระดับประธานที่มีอำนาจเขาก็มีความคิดเป็นของเขาเอง ก็ให้เขาเลือกเองว่าอยากจะไปทิศทางไหน"
"บังยี" เผยอยากให้สิทธิ์ทีม ด.2 ทั้งหมด
ต่อข้อถามที่ว่าโมเดลรูปแบบใหม่ที่ให้สิทธิ์ 72 เสียงเป็นทางคุณวรวีร์ที่แอบส่งไปให้ฟีฟ่า เรื่องนี้ "บังยี" ชี้แจงว่าไม่จริง ผู้แทนฟีฟ่าเดินทางมาประชุมกับเราตลอด และเราก็ให้ข้อมูลถึงโครงสร้างของฟุตบอลบ้านเราว่าลีกเป็นอย่างไร ทีมสมัครเล่นแบบไหน เขาศึกษาข้อมูลเหล่านั้น
ก่อนที่จะนำโครงสร้างของธรรมนูญใหม่ที่ฟีฟ่าคิดว่าดีที่สุดเหมาะสมกับไทยมากที่สุดว่าจะต้องเป็นแบบนี้ และเขาก็มาชี้แจงเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. โดยฟีฟ่าก็ตอบชัดเจนว่าเป็นผู้เสนอเอง ซึ่งถ้าผมเป็นคนเสนอร่างๆ บอกตามตรงว่าอยากจะให้สิทธิ์กับทีมที่แข่งในลีกภูมิภาคทั้งหมด เพราะปัจจุบันก็มีการลงทุนในการสร้างทีมกันมากมาย เพียงแต่ฟีฟ่าเขาไม่เอาแบบนั้น และต้องการแบบที่เสนอมา
นายวรวีร์ยังกล่าวต่อว่า ส่วนทีมในฟุตบอลถ้วยเราไม่ได้ตัดสิทธิ์เสียเลย ยังให้ตัวแทนแชมป์รองแชมป์แต่ละถ้วยเข้ามา ส่วนทีมอื่นๆ ก็ยังมีสถานะเป็นสโมสรสมาชิกที่ยังร่วมกิจกรรมกับสมาคมได้ตามปกติ
เมื่อถามว่าเหตุใดตัวแทนภูมิภาคจึงต้องทำการคัดเลือกเข้ามา ตรงนี้ "บังยี" ชี้ว่าในแต่ละโซนจำนวนทีมไม่เท่ากัน และทุกวันนี้แต่ละทีมก็มีการพัฒนา มีการลงทุนที่สูงจึงมีสิทธิ์เหมือนกัน จึงให้แต่ละโซนทำหน้าที่เลือกตัวแทนกันมาเองจะดีกว่า ซึ่งฟีฟ่าเขาพิจารณาแล้วและมองว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด
หลังจากที่ "บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ได้กล่าวอ้างความชอบธรรมว่า "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ได้หมดวาระการบริหารงานแล้วตามข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลฯ และเตรียมรวบรวมเสียงสมาชิกจำนวน 1 ใน 3 ที่นำโดยกลุ่มชลบุรีเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
เพื่อให้เข้ามาดำเนินการจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ แทน แต่ทว่าก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่ากำลังอยู่ในระหว่างจัดการและรวบรวมเสียงจากสมาชิก และคาดว่าจะมีการยื่นอีกครั้งในเร็ววันนี้
โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามไปยัง นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ถึงเรื่องที่จะมีการส่งหนังสือให้ กกท.จัดการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงประเด็นนี้แต่อย่างใด
กกท.ยัน "บังยี" รักษาการ 30 วัน
ส่วนประเด็นที่ทางผู้ท้าชิงประมุขลูกหนังตีความว่า "บังยี" ได้หมดวาระลงตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.แล้ว และไม่มีอำนาจที่จะบริหารงานในทุกด้านอีกต่อไป ซึ่งในเรื่องนี้ นายมนตรี ไชยพันธุ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยฯ (กกท.) ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬาออกมาย้ำอีกครั้งในกฎระเบียบที่ถูกต้อง
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ว่า นายวรวีร์ มะกูดี ยังมีสิทธิ์รักษาการตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยต่อไปจนถึงวันที่ 17 ก.ค. แม้นาย วิรัช ชาญพานิชย์ จะออกมาคัดค้านเพราะมองว่าทำผิดข้อบังคับ
โดยรองผู้ว่าการ กกท. ให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า กกท.จะต้องทำตามกฎหมายและอำนาจที่สามารถทำได้ ซึ่งตามข้อบังคับของ พ.ร.บ.การกีฬา ประกอบกับพิจารณาจากกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้วนั้น นายวรวีร์ มะกูดี สามารถรักษาการต่อไปได้เพื่อดำเนินการจัดการเลือกตั้งภายใน 30 วันนับตั้งแต่หมดวาระลง
ค่ำโผล่ตอบโจทย์เผยพัทยาหมกเม็ดศาล
ขณะเดียวกันในช่วงค่ำเวลา 20.00 น. ณ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ทางด้าน วรวีร์ มะกูดี ได้เดินทางไปออกรายการ "ตอบโจทย์" ซึ่งต้องเผชิญหน้าพร้อมกับโต้ตอบข้อสักถามกับ อรรณพ สิงห์โตทองรองประธานชลบุรี เอฟซี ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำคนสำคัญของ "บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ
โดยประเด็นเด็ดที่ วรวีร์ มะกูดี เผยกลางรายการคือการเผยข้อมูลหมกเม็ดของบริษัท สโมสรพัทยา เอฟซี จำกัด ที่ก่อนหน้าจะไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดมีนบุรีในวันที่ 14 มิ.ย. 56 ทางพัทยาได้เคยไปยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งและพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 56แต่ครั้งนั้นศาลแพ่งฯไม่รับฟ้องพร้อมกับให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องภายใน ส่วนการยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดมีนบุรีสโมสรพัทยาก็ไม่ได้แจ้งให้ศาลได้รับทราบว่าเคยนำเรื่องไปแจ้งที่ศาลแพ่งฯแล้วครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังไม่ได้บอกด้วยว่าศาลแพ่งฯ ไม่รับฟ้องเนื่องจากเหตุผลใด การกระทำดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ผิด ความจริงจะต้องแจกแจงให้ศาลรับทราบด้วยก่อนยื่นฟ้อง
ให้ทีมละ 20 ล้านลุยไทยลีก
นอกจากนี้ "บังยี" ยังได้กล่าวในรายการด้วยว่า ถ้าตนเองได้นั่งเป็นนายกสมาคมฟุตบอลอีกครั้งนอกจากเรื่องของการปฎิรูปงานสมาคมใหม่ทั้งหมด ก็จะให้ความสำคัญกับลีกอาชีพมากขึ้นกว่าเดิมด้วย ทั้งนี้ในส่วนของโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงก็สัญญาว่าจะเพิ่มงบสนับสนุนทีมให้มากขึ้นเป็นทีมละ 20 ล้านบาทต่อปี