"เสี่ยอู๊ด" เปิดใจ ผ่านทางรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" ลั่นตนเองไม่ใช่นักโทษ เป็นแค่ผู้ต้องขัง ตัดพ้อไม่เชื่อเรื่องบาปและบุญกุศลแล้ว เพราะไม่เช่นนั้นตนคงจะไม่ต้องเข้าคุก เจ้าตัวปฏิเสธทุกๆข่าวลือ ทั้งเป็นแฟน "พาวเวอร์แพท", มีแฟนเป็นผู้คุม, นอนอยู่ที่ตึกช้าง ฯ รับเคยจิตตก คิดฆ่าตัวตาย และ กินยาฆ่าตัวตายมาแล้ว เผยทั้งดารา-นักร้อง ค่ายแถวลาดพร้าว ไปเยี่ยมตนในคุกหลายคน แต่สุดเสียใจ ที่ "คู่กรณี" คนดัง ไม่เคยเหลียวแลเลย ก่อนย้ำไม่คิดจะอำลาวงการพระเครื่องแต่อย่างใด
พ้นโทษออกมาจากเรือนจำ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมาล่าสุดทางฟากของ นาย "สิทธิกร บุญฉิม" หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันดีในชื่อของ "เสี่ยอู๊ด" ก็ได้ไปเปิดใจผ่านรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" เทปที่จะออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนนี้ ถึงความรู้สึกหลังต้องเข้าไปชดใช้ความผิด ในคดีข้อกล่าวหาหลอกลวงประชาชน ให้เช่า "พระสมเด็จเหนือหัว" เป็นเวลานานกว่า 5 ปีด้วยกัน
ทั้งนี้ในช่วงที่บันทึกเทปรายการนั้น มีรายงานว่าทางฟากของอดีตเสี่ยคนดังมีอาการกัดลิ้น ดมยาดม และหลับตาก่อนที่จะตอบของผู้ดำเนินรายการ "วู้ดดี้ วุฒิธร" อยู่ตลอดเวลา โดยเจ้าตัวได้เผยถึงตั้งแต่วินาทีที่โดนจับว่า ... “วินาทีที่โดนคุมตัวที่สนามบิน ตอนนั้นกำลังพาลูกน้องไปญี่ปุ่นเที่ยวประจำปี เช็คอินแล้วกำลังนั่งทานอาหารอยู่ มีเจ้าหน้าที่จาก DSI มาแสดงหมายศาลแล้วจับตัวไป ตอนแรกผมตกใจที่มากันเยอะมาก แต่ไม่ได้เครียด อยากพาไปตรงไหนผมก็ไปผมไม่คิดหนี ตอนผมเข้าคุกผมก็เดินเข้าไปเลย ไม่ได้ใช้สูตรเข้าคุกโดยเดินหันหลังเข้าตามที่เขาพูดกัน”
ลั่นตนเองไม่ใช่นักโทษเป็นแค่ผู้ต้องขัง ก่อนบอกทุกโครงการที่ตัวเองทำเกิดเรื่องขึ้นทุกครั้ง มีทั้งที่เป็นคดีความและไม่เป็นคดีความ แต่กับเรื่องนี้ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหนุมานที่ต้องแบกกรุงลงกาไว้คนเดียว ... "ผมมีความรับผิดชอบ รับทุกอย่างรับทุกการตัดสินของศาล ศาลท่านใช้ดุลพินิจตัดสินตามตัวบทกฎหมาย คดีความมาจากกระบวนการยุติธรรมเป็นขั้นตอนตัดสินตามคำขอของโจทก์ จะผิดจะถูกไม่ได้มอง ผมทำสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ให้นำผลกระทบไปกับผู้อื่นที่ผมเคารพรัก"
"และในวันที่กำลังเดินเพื่อเข้าเรือนจำ ผมได้เขียนจดหมายตัดพ้อ ขณะฝนตกถึงผู้ที่ผมเคารพรักว่า ผมไม่เชื่อว่าบุญกุศลมีจริง ถ้าบุญมีจริงวันนี้ผมคงต้องไม่เข้าคุก แล้วเหตุใดวันที่ผมต้องเข้าสถานที่แห่งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงกันข้าม ไม่ได้คิดแย่เรื่องการเข้าเรือนจำ แต่น้อยใจผลที่ได้รับ ทำไมสวนทางกับอดีตที่ทำมาทั้งหมด ไม่เคยนับว่าทำบุญมาเท่าไหร่ แต่รวมแล้ว พันกว่าล้านบาท"
เผยบรรยากาศในเรือนจำ เป็นเหมือนโรงเรียนกินนอน โรงเรียนประจำ ผู้คุมเหมือนกับ ครู หมอ ยาม ญาติ และที่ปรึกษา สภาพไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่เห็นในหนัง พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังได้ปฏิเสธถึงข่าวลือต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องที่ตนเองไปเป็นแฟนกับอดีตนักร้อง "พาวเวอร์แพท" โดยยืนยันไม่เคยรู้จักกัน และ อยู่คนละเรือนจำกัน , เรื่องที่ตนเองมีแฟนเป็นผู้คุม รวมถึงเรื่องที่ว่ากันว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในเรือนจำ หากแต่อาศัยอยู่ที่ตึกช้างแทน ว่าทุกอย่างไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้เจ้าตัวก็ยอมรับว่ารู้สึกจิตตก คิดทุกวันทุกคืนก่อนนอนว่าทำไมตนต้องมาอยู่ที่นี่ คิดถึงคุณความดีที่ทำไว้ เวลานอนไม่หลับก็เขียนหนังสือ นอนห้องขังรวมพักฟื้นแบบคนป่วย ซึ่งตนตั้งชื่อห้องเล่นๆ ว่าโรงแรมเพราะยอดไม่แน่นอนในแต่ละวัน
เมื่อถูกพิธีกรถามว่าเคยคิดฆ่าตัวตายไหม เจ้าตัวตอบเสียงดังฟังชัดว่าเคย เพราะรู้สึกอิ่มกับความเป็นมนุษย์ พร้อมเล่าว่าเมื่อปลายปี 53 หลังจากที่ผู้ใหญ่ที่ตนเคารพรัก ได้เลื่อนยศสูงสุด ตนจัดการทำพิธีส่งมอบ ทำบุญบริจาคทั้งหมด รู้สึกว่าไม่อยากจะอยู่ต่อไปแล้ว เพราะรู้สึกว่าการที่มาอยู่ที่นี่เหมือนกับตนเองเป็นคนชั่ว ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่อยากอยู่เพราะไม่อยากเป็นคนที่ไม่ดี น้อยใจผู้ที่ตนเคารพรัก ไม่ได้น้อยใจศาล ตอนนั้นจึงตัดสินใจกินยานอนหลับที่ร้ายแรงที่สุดเม็ดสีม่วง ได้รับมา 50 เม็ดแต่หายไปครึ่งหนึ่ง เหลือ 20 กว่าเม็ด ก่อนจะกินก็ได้แจกของแจกเสื้อให้ทุกคน แต่งตัวเรียบร้อย แล้วกินยา เลือกช่วงเวลาหัวค่ำเพราะใช้เวลานานก่อนผู้คุมจะมา
และเมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าไม่รู้สึกเป็นบาปหรือที่คิดจะฆ่าตัวตาย เสี่ยอู๊ดตอบเสียงว่าบาปเป็นอย่างไร ตนไม่เชื่อเรื่องของบาปบุญแล้ว เป็นเรื่องอุปโลกน์ที่สมมุติขึ้น ไม่เชื่อว่าบาปบุญนรกสวรรค์มีจริง มีสองสิ่งที่เชื่อ คือสุขกับทุกข์ ที่ฆ่าตัวตายเพราะไม่ต้องการผจญความทุกข์แล้ว กลับไปที่ๆ เคยมา พร้อมกับบอกว่าตอนนี้ตนได้ขายของทุกอย่างหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบ้านรถตึก เอาเงินแจกไปหมดแล้ว ไม่มีเงินในบัญชี ไม่มีสมุดบัญชี ส่วนค่าใช้จ่ายในตอนนี้ก็ได้มาจากคนที่เคารพรักตนเองส่งเงินมาให้ใช้ในคุก 3 ล้านบาท กับคนแถวๆ นี้ โอนเงินมาให้ 2 ล้าน ตอนนี้ต้องการทำให้ตัวเองเป็นศูนย์ และไม่ได้เป็นเสี่ยแล้ว
ซึ่งเมื่อถูกพิธีกรถามว่าคนที่รักมากที่สุดได้ไปเยี่ยมบ้างไหมตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา เจ้าตัวตอบว่า ไม่เคยมาเลย และเมื่อถูกพิธีกรถามว่าแล้วทำไมถึงยังรักคนๆ นี้อยู่ อดีตเสี่ยคนดังตอบว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นคนดี ไม่คิดที่จะเอาอะไรจากตนเลย รถสปอร์ต 3 คันเอาคืนตนหมด จะคืนแม้กระทั่งพระ แต่ตนขอว่าให้เอาพระเก็บไว้ ซึ่งช่วงใกล้ครบกำหนดออกจากเรือยนจำตนให้ลูกน้องโทรไปหาคนนี้อีกที เพื่อที่จะให้เขามาทำหน้าที่คนดีที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ในที่สุดนาทีสุดท้ายอีกฝ่ายก็ไม่มา
หลังจากนั้นเมื่อผู้ดำเนินรายการคนดังถามว่าสำหรับคนๆ ถึงตอนนี้ยังรักที่สุดในชีวิตอยู่หรือไม่ เจ้าตัวตอบเสียงดังยืนยันว่ายังเป็นนัมเบอร์วัน ยังรักอยู่ก่อนเผยว่าช่วงที่อยู่ในเรือนจำมีดารานักร้องค่ายแถวๆลาดพร้าวไปเยี่ยมตนในคุกเยอะ แต่ตนไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ส่วนคนที่เป็น "คู่กรณี" คนดัง นั้น เจ้าตัวเผยว่าไม่เคยมาเลย
"... และสิ่งที่ผมเสียใจที่สุดคือคนสนิทของผมโทรหาเขาเพื่อขอให้มาช่วยงาน พอเขารู้ว่าเป็นงานที่มีชื่อผม เขาพูดว่าอย่าเอ่ยชื่อคนนี้ให้ได้ยินอีก ทำให้ผมผิดหวังในตัวเขามาก" เจ้าตัวเผย ก่อนจะย้ำว่าตนเองไม่เคยออกจากวงการพระเครื่อง เพราะถ้าตนไม่ทำรายการจะให้ตนทำรายการ "อู๊ดเกิดมาคุย" เหรอ
สำหรับ "เสี่ยอู๊ด" นั้น ในอดีตเจ้าตัวเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ในแวดวงของการจัดสร้างพระเครื่อง แต่ที่ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักขึ้นมาก็คือการตกเป็นข่าวกับกับดารา-นักร้องชายหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์ม รัฐภูมิ, ออย ธนา, นิว วงศกร, โบกี้ จักรินทร์ , แทค ภรัณยู , ไผ่ พาทิศ , บิ๊ก ภุชิสสะ ฯ
โดยที่ฮือฮามากที่สุดก็คือในรายของหนุ่มฟิล์ม รัฐภูมิ ที่เจ้าตัวพาไปเที่ยวและทำบุญถึงต่างประเทศ รวมถึงให้เงินทองไว้ใช้ มอบของขวัญให้เป็นตึกแถวและรถยนต์มินิคูเปอร์ ซึ่งในตอนแรกนั้นนักร้องหนุ่มชื่อดังจากค่ายอาร์เอสฯ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ก่อนจะออกมายอมรับในเวลาต่อมาภายหลังจากที่อีกฝ่ายได้นำเอาหลักฐานต่างๆ มาแฉต่อหน้าสื่อมากมาย
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000077276
"เสี่ยอู๊ด" โผล่อัดรายการวู้ดดี้ ย้ำไม่ใช่นักโทษ ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ สุดเสียใจคู่กรณีคนดังไม่เหลียวแล
พ้นโทษออกมาจากเรือนจำ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมาล่าสุดทางฟากของ นาย "สิทธิกร บุญฉิม" หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันดีในชื่อของ "เสี่ยอู๊ด" ก็ได้ไปเปิดใจผ่านรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" เทปที่จะออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนนี้ ถึงความรู้สึกหลังต้องเข้าไปชดใช้ความผิด ในคดีข้อกล่าวหาหลอกลวงประชาชน ให้เช่า "พระสมเด็จเหนือหัว" เป็นเวลานานกว่า 5 ปีด้วยกัน
ทั้งนี้ในช่วงที่บันทึกเทปรายการนั้น มีรายงานว่าทางฟากของอดีตเสี่ยคนดังมีอาการกัดลิ้น ดมยาดม และหลับตาก่อนที่จะตอบของผู้ดำเนินรายการ "วู้ดดี้ วุฒิธร" อยู่ตลอดเวลา โดยเจ้าตัวได้เผยถึงตั้งแต่วินาทีที่โดนจับว่า ... “วินาทีที่โดนคุมตัวที่สนามบิน ตอนนั้นกำลังพาลูกน้องไปญี่ปุ่นเที่ยวประจำปี เช็คอินแล้วกำลังนั่งทานอาหารอยู่ มีเจ้าหน้าที่จาก DSI มาแสดงหมายศาลแล้วจับตัวไป ตอนแรกผมตกใจที่มากันเยอะมาก แต่ไม่ได้เครียด อยากพาไปตรงไหนผมก็ไปผมไม่คิดหนี ตอนผมเข้าคุกผมก็เดินเข้าไปเลย ไม่ได้ใช้สูตรเข้าคุกโดยเดินหันหลังเข้าตามที่เขาพูดกัน”
ลั่นตนเองไม่ใช่นักโทษเป็นแค่ผู้ต้องขัง ก่อนบอกทุกโครงการที่ตัวเองทำเกิดเรื่องขึ้นทุกครั้ง มีทั้งที่เป็นคดีความและไม่เป็นคดีความ แต่กับเรื่องนี้ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหนุมานที่ต้องแบกกรุงลงกาไว้คนเดียว ... "ผมมีความรับผิดชอบ รับทุกอย่างรับทุกการตัดสินของศาล ศาลท่านใช้ดุลพินิจตัดสินตามตัวบทกฎหมาย คดีความมาจากกระบวนการยุติธรรมเป็นขั้นตอนตัดสินตามคำขอของโจทก์ จะผิดจะถูกไม่ได้มอง ผมทำสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ให้นำผลกระทบไปกับผู้อื่นที่ผมเคารพรัก"
"และในวันที่กำลังเดินเพื่อเข้าเรือนจำ ผมได้เขียนจดหมายตัดพ้อ ขณะฝนตกถึงผู้ที่ผมเคารพรักว่า ผมไม่เชื่อว่าบุญกุศลมีจริง ถ้าบุญมีจริงวันนี้ผมคงต้องไม่เข้าคุก แล้วเหตุใดวันที่ผมต้องเข้าสถานที่แห่งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงกันข้าม ไม่ได้คิดแย่เรื่องการเข้าเรือนจำ แต่น้อยใจผลที่ได้รับ ทำไมสวนทางกับอดีตที่ทำมาทั้งหมด ไม่เคยนับว่าทำบุญมาเท่าไหร่ แต่รวมแล้ว พันกว่าล้านบาท"
เผยบรรยากาศในเรือนจำ เป็นเหมือนโรงเรียนกินนอน โรงเรียนประจำ ผู้คุมเหมือนกับ ครู หมอ ยาม ญาติ และที่ปรึกษา สภาพไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่เห็นในหนัง พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังได้ปฏิเสธถึงข่าวลือต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องที่ตนเองไปเป็นแฟนกับอดีตนักร้อง "พาวเวอร์แพท" โดยยืนยันไม่เคยรู้จักกัน และ อยู่คนละเรือนจำกัน , เรื่องที่ตนเองมีแฟนเป็นผู้คุม รวมถึงเรื่องที่ว่ากันว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในเรือนจำ หากแต่อาศัยอยู่ที่ตึกช้างแทน ว่าทุกอย่างไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้เจ้าตัวก็ยอมรับว่ารู้สึกจิตตก คิดทุกวันทุกคืนก่อนนอนว่าทำไมตนต้องมาอยู่ที่นี่ คิดถึงคุณความดีที่ทำไว้ เวลานอนไม่หลับก็เขียนหนังสือ นอนห้องขังรวมพักฟื้นแบบคนป่วย ซึ่งตนตั้งชื่อห้องเล่นๆ ว่าโรงแรมเพราะยอดไม่แน่นอนในแต่ละวัน
เมื่อถูกพิธีกรถามว่าเคยคิดฆ่าตัวตายไหม เจ้าตัวตอบเสียงดังฟังชัดว่าเคย เพราะรู้สึกอิ่มกับความเป็นมนุษย์ พร้อมเล่าว่าเมื่อปลายปี 53 หลังจากที่ผู้ใหญ่ที่ตนเคารพรัก ได้เลื่อนยศสูงสุด ตนจัดการทำพิธีส่งมอบ ทำบุญบริจาคทั้งหมด รู้สึกว่าไม่อยากจะอยู่ต่อไปแล้ว เพราะรู้สึกว่าการที่มาอยู่ที่นี่เหมือนกับตนเองเป็นคนชั่ว ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่อยากอยู่เพราะไม่อยากเป็นคนที่ไม่ดี น้อยใจผู้ที่ตนเคารพรัก ไม่ได้น้อยใจศาล ตอนนั้นจึงตัดสินใจกินยานอนหลับที่ร้ายแรงที่สุดเม็ดสีม่วง ได้รับมา 50 เม็ดแต่หายไปครึ่งหนึ่ง เหลือ 20 กว่าเม็ด ก่อนจะกินก็ได้แจกของแจกเสื้อให้ทุกคน แต่งตัวเรียบร้อย แล้วกินยา เลือกช่วงเวลาหัวค่ำเพราะใช้เวลานานก่อนผู้คุมจะมา
และเมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าไม่รู้สึกเป็นบาปหรือที่คิดจะฆ่าตัวตาย เสี่ยอู๊ดตอบเสียงว่าบาปเป็นอย่างไร ตนไม่เชื่อเรื่องของบาปบุญแล้ว เป็นเรื่องอุปโลกน์ที่สมมุติขึ้น ไม่เชื่อว่าบาปบุญนรกสวรรค์มีจริง มีสองสิ่งที่เชื่อ คือสุขกับทุกข์ ที่ฆ่าตัวตายเพราะไม่ต้องการผจญความทุกข์แล้ว กลับไปที่ๆ เคยมา พร้อมกับบอกว่าตอนนี้ตนได้ขายของทุกอย่างหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบ้านรถตึก เอาเงินแจกไปหมดแล้ว ไม่มีเงินในบัญชี ไม่มีสมุดบัญชี ส่วนค่าใช้จ่ายในตอนนี้ก็ได้มาจากคนที่เคารพรักตนเองส่งเงินมาให้ใช้ในคุก 3 ล้านบาท กับคนแถวๆ นี้ โอนเงินมาให้ 2 ล้าน ตอนนี้ต้องการทำให้ตัวเองเป็นศูนย์ และไม่ได้เป็นเสี่ยแล้ว
ซึ่งเมื่อถูกพิธีกรถามว่าคนที่รักมากที่สุดได้ไปเยี่ยมบ้างไหมตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา เจ้าตัวตอบว่า ไม่เคยมาเลย และเมื่อถูกพิธีกรถามว่าแล้วทำไมถึงยังรักคนๆ นี้อยู่ อดีตเสี่ยคนดังตอบว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นคนดี ไม่คิดที่จะเอาอะไรจากตนเลย รถสปอร์ต 3 คันเอาคืนตนหมด จะคืนแม้กระทั่งพระ แต่ตนขอว่าให้เอาพระเก็บไว้ ซึ่งช่วงใกล้ครบกำหนดออกจากเรือยนจำตนให้ลูกน้องโทรไปหาคนนี้อีกที เพื่อที่จะให้เขามาทำหน้าที่คนดีที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ในที่สุดนาทีสุดท้ายอีกฝ่ายก็ไม่มา
หลังจากนั้นเมื่อผู้ดำเนินรายการคนดังถามว่าสำหรับคนๆ ถึงตอนนี้ยังรักที่สุดในชีวิตอยู่หรือไม่ เจ้าตัวตอบเสียงดังยืนยันว่ายังเป็นนัมเบอร์วัน ยังรักอยู่ก่อนเผยว่าช่วงที่อยู่ในเรือนจำมีดารานักร้องค่ายแถวๆลาดพร้าวไปเยี่ยมตนในคุกเยอะ แต่ตนไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ส่วนคนที่เป็น "คู่กรณี" คนดัง นั้น เจ้าตัวเผยว่าไม่เคยมาเลย
"... และสิ่งที่ผมเสียใจที่สุดคือคนสนิทของผมโทรหาเขาเพื่อขอให้มาช่วยงาน พอเขารู้ว่าเป็นงานที่มีชื่อผม เขาพูดว่าอย่าเอ่ยชื่อคนนี้ให้ได้ยินอีก ทำให้ผมผิดหวังในตัวเขามาก" เจ้าตัวเผย ก่อนจะย้ำว่าตนเองไม่เคยออกจากวงการพระเครื่อง เพราะถ้าตนไม่ทำรายการจะให้ตนทำรายการ "อู๊ดเกิดมาคุย" เหรอ
สำหรับ "เสี่ยอู๊ด" นั้น ในอดีตเจ้าตัวเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ในแวดวงของการจัดสร้างพระเครื่อง แต่ที่ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักขึ้นมาก็คือการตกเป็นข่าวกับกับดารา-นักร้องชายหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์ม รัฐภูมิ, ออย ธนา, นิว วงศกร, โบกี้ จักรินทร์ , แทค ภรัณยู , ไผ่ พาทิศ , บิ๊ก ภุชิสสะ ฯ
โดยที่ฮือฮามากที่สุดก็คือในรายของหนุ่มฟิล์ม รัฐภูมิ ที่เจ้าตัวพาไปเที่ยวและทำบุญถึงต่างประเทศ รวมถึงให้เงินทองไว้ใช้ มอบของขวัญให้เป็นตึกแถวและรถยนต์มินิคูเปอร์ ซึ่งในตอนแรกนั้นนักร้องหนุ่มชื่อดังจากค่ายอาร์เอสฯ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ก่อนจะออกมายอมรับในเวลาต่อมาภายหลังจากที่อีกฝ่ายได้นำเอาหลักฐานต่างๆ มาแฉต่อหน้าสื่อมากมาย
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000077276