คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
1. ทำใจ อดทนจนถึงที่สุด แนวทางของเราคือเจรจาเท่านั้น
ต้องไม่หลุดคำหยาบหรือกล่าวทำนองผูกใจเจ็บใดๆทั้งสิ้น เป้าหมายคือได้เงินคืน
แต่ถ้าไม่ได้เราถือว่าเราพยายามเท่าที่จะทำได้แล้ว ก็ไม่ต้องเสียใจอะไร
คือ ทำไปตามสถานการณ์และความเหมาะสม แค่ทำเหตุแต่ไม่ต้องหวังผล
2. แจ้งขอความช่วยเหลือโดยวาจาไปก่อน ยังไม่ต้องทำให้เป็นลายลักษณ์อักษร
เพราะเราไม่มีพยานหลักฐาน ถ้าพลาดเขาจะใช้เอกสารฟ้องกลับเอาได้
3. พูดให้ดีอย่าก้าวร้าว ชาร์จเแบตให้เต็มแล้วกดปุ่มบันทึกเสียงด้วยโทรศัพท์ใว้ก่อนไปพบกัน
เผื่อมีการเล่นแรงๆ คือป้องกันตัวใว้ก่อน
4. ตอนที่โทรนัดอะไรงี้ ถ้ามีการรับสายคุยสองต่อสองให้บันทึกเสียงใว้ตลอด อาจได้หลักฐานดีๆ
ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่รับรู้เรื่องการบันทึกเสียงโทรศัพท์ เอาแค่ช่วยนัดมาคุยเป็นพอ เพราะใว้ใจใครไม่ได้หรอก
ขอให้ผู้ใหญ่ไกล่เกลี่ย หาจังหวะดีๆ เรียกมาสอบถามพูดคุยกัน ให้อ่อนข้อใว้ก่อนอย่าออกแนวคุกคาม
อย่าให้เขารู้ว่าเราทำอะไรเพื่ออะไร ถ้าฝ่ายตรงข้ามเขาวางใจว่าเราไม่มีหลักฐานและได้ใจอาจหลุดปากออกมาเอง
เสียงที่บันทึกใว้ในโทรศัพท์คือสิ่งเราต้องการ
5. ถ้ามีหลักฐานแล้วก็ไม่ต้องร้อนรนเอามาใช้ ทำใจเย็นๆและตรวจสอบให้แน่ชัด
เอาไปปรึกษาผู้รู้ในแง่กฏหมายก่อน ทำสำเนาเสียงไฟล์ให้คนฝ่ายเราใว้ก่อนสักสามสี่ชุด แล้วค่อยว่ากันทีหลัง
ถ้ายังไม่มีก็นัดกันใหม่ บันทึกเสียงใหม่ อดทนทำไปแต่ไม่ต้องหวังผลมาก
6. การหาหลักฐาน การขอความช่วยเหลือต่างๆอาจทำคนเดียวได้ แต่การใช้หลักฐานแจ้งความหรืออื่นๆ
อย่าไปคนเดียว ควรมีคนที่อยู่ข้างเราประกบไปด้วย
7. การเอาเรื่องเอาราว... คุ้มกับความปลอดภัยส่วนตัวหรือไม่
8. ถ้าไม่คุ้มก็ต้องเลิกใส่ใจไป...แต่ไม่จำเป็นต้องลืมเรื่องนี้หรอก มันลืมยาก...
แค่หันไปทำอย่างอื่นก่อน เรื่องนี้เอาใว้ทีหลัง
9. ใช้เวลาที่ต้องเดือดร้อนใจนี้ พลิกกลับเป็นตั้งหน้าหารายได้... อาจดีกว่าไปเสียเวลากับคนแบบนั้นตั้งเยอะ
ต้องไม่หลุดคำหยาบหรือกล่าวทำนองผูกใจเจ็บใดๆทั้งสิ้น เป้าหมายคือได้เงินคืน
แต่ถ้าไม่ได้เราถือว่าเราพยายามเท่าที่จะทำได้แล้ว ก็ไม่ต้องเสียใจอะไร
คือ ทำไปตามสถานการณ์และความเหมาะสม แค่ทำเหตุแต่ไม่ต้องหวังผล
2. แจ้งขอความช่วยเหลือโดยวาจาไปก่อน ยังไม่ต้องทำให้เป็นลายลักษณ์อักษร
เพราะเราไม่มีพยานหลักฐาน ถ้าพลาดเขาจะใช้เอกสารฟ้องกลับเอาได้
3. พูดให้ดีอย่าก้าวร้าว ชาร์จเแบตให้เต็มแล้วกดปุ่มบันทึกเสียงด้วยโทรศัพท์ใว้ก่อนไปพบกัน
เผื่อมีการเล่นแรงๆ คือป้องกันตัวใว้ก่อน
4. ตอนที่โทรนัดอะไรงี้ ถ้ามีการรับสายคุยสองต่อสองให้บันทึกเสียงใว้ตลอด อาจได้หลักฐานดีๆ
ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่รับรู้เรื่องการบันทึกเสียงโทรศัพท์ เอาแค่ช่วยนัดมาคุยเป็นพอ เพราะใว้ใจใครไม่ได้หรอก
ขอให้ผู้ใหญ่ไกล่เกลี่ย หาจังหวะดีๆ เรียกมาสอบถามพูดคุยกัน ให้อ่อนข้อใว้ก่อนอย่าออกแนวคุกคาม
อย่าให้เขารู้ว่าเราทำอะไรเพื่ออะไร ถ้าฝ่ายตรงข้ามเขาวางใจว่าเราไม่มีหลักฐานและได้ใจอาจหลุดปากออกมาเอง
เสียงที่บันทึกใว้ในโทรศัพท์คือสิ่งเราต้องการ
5. ถ้ามีหลักฐานแล้วก็ไม่ต้องร้อนรนเอามาใช้ ทำใจเย็นๆและตรวจสอบให้แน่ชัด
เอาไปปรึกษาผู้รู้ในแง่กฏหมายก่อน ทำสำเนาเสียงไฟล์ให้คนฝ่ายเราใว้ก่อนสักสามสี่ชุด แล้วค่อยว่ากันทีหลัง
ถ้ายังไม่มีก็นัดกันใหม่ บันทึกเสียงใหม่ อดทนทำไปแต่ไม่ต้องหวังผลมาก
6. การหาหลักฐาน การขอความช่วยเหลือต่างๆอาจทำคนเดียวได้ แต่การใช้หลักฐานแจ้งความหรืออื่นๆ
อย่าไปคนเดียว ควรมีคนที่อยู่ข้างเราประกบไปด้วย
7. การเอาเรื่องเอาราว... คุ้มกับความปลอดภัยส่วนตัวหรือไม่
8. ถ้าไม่คุ้มก็ต้องเลิกใส่ใจไป...แต่ไม่จำเป็นต้องลืมเรื่องนี้หรอก มันลืมยาก...
แค่หันไปทำอย่างอื่นก่อน เรื่องนี้เอาใว้ทีหลัง
9. ใช้เวลาที่ต้องเดือดร้อนใจนี้ พลิกกลับเป็นตั้งหน้าหารายได้... อาจดีกว่าไปเสียเวลากับคนแบบนั้นตั้งเยอะ
แสดงความคิดเห็น
ต้องทำอย่างไรเมื่อรู้ตัวว่าถูกโกง
ด้วยดิฉันได้รับความเดือดร้อนจากการถูกหลอกให้เสียทรัพย์สินค่ะ ควรทำอย่างไรดีค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันมีเพื่อนชายคนหนึ่งเขาเป็นมุสลิมทำงานเป็นพนักงานส่วนตำบลที่ อบต.แห่งหนึ่ง เรารู้จักกันเพราะเรื่องงานในช่วงแรกที่รู้จักเขาเคยให้ความช่วยเหลือเรื่องเล็กๆน้อยๆ และดีกับดิฉันมากจนเราค่อนข้างที่สนิทสนมกัน จนตอนหลังเขาเคยขอหยิบยืมเงินดิฉันไปหลายครั้ง คืนบ้างไม่คืนบ้าง จนในเวลาต่อมาเขาอ้างว่าเดือดร้อนขอยืมเงินก้อน ดิฉันไม่มีเงินก้อนเลยให้ของแต่งตัวซึ่งเป็นทองคำรวม 2 บาท ให้เขาไป เขาสัญญาว่าจะหามาคืน เวลาผ่านไปปีกว่า ในระหว่างนี้เรายังติดต่อกันตลอดเขาก็ยังรับปากว่าจะคืนให้จนเมื่อไม่นานมานี้ ดิฉันรู้สึกได้ว่าเขากำลังจะเบี้ยว เริ่มติดต่อไม่ได้ ไปหาก็ไม่เจอ ถึงวันนัดจะคืนของก็ไม่มา จนดิฉันกับน้องชายไปหาเขาที่บ้านพ่อแม่ของเขาขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ของเเขา แต่เขาปฏิเสธว่าไม่เคยรับเงินหรือทองจากดิฉันเลยท้าให้ไปหาหลักฐานมา ดิฉันไม่มีหลักฐานหรือพยานอะไรเลยที่จะแสดงว่าเขาได้รับเงินทองของดิฉันไปมีแต่เขาและดิฉันเท่านั้นที่รู้กัน ดิฉันรบกวนเรียนถามดังนี้ค่ะ
1. ควรทำอย่างไรดีค่ะ ร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาหรือศูนย์ดำรงธรรมได้หรือไม่ค่ะ
2. ถ้าร้องเรียนตามข้อ 1 เป็นเรื่องส่วนตัวเกินไปหรือไม่คะ
3. ดิฉันตั้งใจว่าจะทำหนังสือเป็นจดหมายส่วนตัวถึงผู้บังคับบัญชาเขาซึ่งเป็นญาติเขาด้วยจะได้หรือไม่คะ
4. ขอความช่วยเหลือจากสำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดได้หรือไม่คะเนื่องจากเขาเป็นมุสลิมแต่ดิฉันเป็นชาวพุทธ
รบกวนชี้ทางสว่างด้วยเถิดนะคะท่านทั้งหลาย...