เห็นกระทู้แนะนำห้องนี้ บอกว่าถ้ามีความฝันจงลงมือทำอย่ารอ
เราก็มีความฝัน คือเราเป็นคนชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะนิยาย อย่าถามว่าอ่านเรื่องไหนบ้าง ต้องถามว่าเรื่องไหนที่ยังไม่ได้อ่านจะดีกว่า แต่ไม่ใช่ประเภทนิยายลูกกวาด หวานแหว๋วแต๋วจ๋า ที่หน้าปกออกแนวญี่ปุ่น เกาหลีแบบนั้นนะคะ อันนั้นสารภาพว่าไม่เคยอ่านเลยซักเล่ม
แต่ถ้านักเขียนเก่าๆ อย่าง ว. แก้วเก้า โบตั๋น ก.สุรางค์นา ศรีฟ้า ศรีทอง ปิยะพร กิ่งฉัตร พงศกร วราภา ป้าทม บลา ๆๆๆ อ่านแล้วเกือบทุกเรื่อง ที่บ้านมีเกือบทุกเล่ม หนังสือมีเกือบพันเล่ม จนไม่มีที่จะเก็บ ไปงานหนังสือ เคยหมดเป็นหมื่น อ่านตั้งแต่ 10 ขวบ ที่บ้านเราสนับสนุนด้วย ดีใจ กลุ้มใจ เสียใจ เราก็อ่าน เวลามีความทุกข์ อ่านเรื่องขำขำ ก็คลายเครียด อ่านเรื่องที่ตัวละครทุกข์กว่าเราก็ได้ข้อคิด ว่ายังมีคนที่ลำบากกว่าเรา เพราะนิยายมันก็มาจากเรื่องจริงบางส่วน ดีกว่ากลุ้มแล้วไปกินเหล้า
เข้าเรื่อง คือ เคยถามตัวเองว่าถ้าไม่ทำงานกินเงินเดือน อยากเป็นเจ้าของกิจการ ทำงานที่ตัวเองรัก อยากจะทำอะไร เราชอบแต่งตัวแต่แต่งให้แต่ตัวเอง ไม่รู้จะไปแนะนำคนอื่นยังไง ขายเสื้อผ้าคงขายไปได้ เราไม่แต่งหน้า ขายเครื่องสำอางค์ เป็นช่างแต่งหน้าคงทำไม่ได้ ก็คิดๆๆๆ
แต่วันดีคืนดี ขณะที่นอนอ่านนิยายอยู่ก็คิดว่า ขนาดบ้านเราว่าหนังสือเยอะแล้ว เรายังว่าน้อยเลย มีอีกตั้งหลายเรื่องยังไม่ได้อ่าน อย่างเพชรพระอุมา เราก็ยังไม่เคยอ่านสักเล่ม เพราะมันเยอะกลัวอ่านแล้วติด แต่จะซื้อทั้งชุดก็แอบแพงอยู่ เลยว่าเอาไว้ก่อน แล้วคนที่อยากอ่านแต่ไม่มีกำลังหล่ะ ประเทศเราหนังสือแพงนะคะ อย่างต่ำๆก็สองร้อย นิยายขนาดสั้น ถ้าเล่มหนาๆ ก็สี่ห้าร้อย แล้วเด็กๆที่บ้านไม่ได้มีฐานะ จะทำไง อย่าว่าแต่ผู้ใหญ่เลย
แล้วเดียวนี้เวลาไปตามร้ายหนังสือใหญ่ อย่างศูนย์หนังสือจุฬา หนังสือนิยายส่วนใหญ่ห่อไว เล่มนึงสามสี่ร้อย เห็นแต่คำโปรยข้างหลัง มันก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะดี ถูกใจคนซื้อเปล่า เกิดซื้อมาอ่านแล้วไม่ถูกใจ ก็น่าเสียดาย อ่านได้ครั้งเดียว อย่างบ้านเราถึงจะไม่สนุก แต่บ้านเรามีนักอ่าน สาม คน เรา น้อง แม่ ก็ยังพอคุ้ม แต่อ่านได้ครั้งเดียวแล้วไม่สนุก เราถือว่าเล่มนั้นไม่คุ้มนะ เพราะหนังสือที่ดีมันควรจะหยิบมาอ่านได้ซ้ำๆอีก(แต่เราเข้าใจทางร้านนะ)
เข้าเรื่องต่อ ที่นี้เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือในบรรยากาศที่ดีๆ เย็นๆ เคยไปห้องสมุดกันไหมคะ หนังสือเยอะจริง แต่ก็มีกฎของเค้า เช่นห้ามนำอาหารมารับประทาน เก้าอี้นั่งไม่สบายเท่าไร แต่รู้ไหม ว่าการผ่อนคลายโดยการอ่านหนังสือไปกินขนมทานเล่นไปที่นั่งสบายๆมันเป็นความสุขที่สุดเลย(แต่เราเข้าใจกฎของห้องสมุด) เราเลยเกิดไอเดียว่าเราอยากเปิดร้านเช่าหนังสือ แต่เช่าอย่างเดียวคงอยู่ไม่ได้ เราก็เลยอยากขายเบอเกอรี่ อาหารว่าง เครื่องดื่ม ไปด้วย อ่านไปกินไป ร้านบรรยากาศดีๆ ที่นั่งนุ่มๆ อ่านแล้วเผลอหลับก็ไม่ว่า เพราะเราเป็นบ่อย

ใครอยากจะอ่านอย่างเดียวเราไม่ว่า เพราะเราคิดค่าเช่าหนังสืออยู่แล้ว เช่าแล้วอยู่อ่านทั้งวัน ไม่สั่งอาหารเราก็ไม่ว่า เพราะใจเราก็อยากสนับสนุนให้คนอ่านหนังสือกันเยอะๆ โดยเฉพาะเด็กๆ เพราะการอ่านเป็นรากฐานที่ดี หรือจะเข้ามากินไม่อ่านก็ได้
ลองหาข้อมูลแล้วร้านแบบนี้เห็นมีที่เชียงใหม่ แต่ร้านที่เชียงใหม่เป็นหนังสือท่องเที่ยว เพราะเจ้าของร้านชอบท่องเที่ยว ถ้าเป็นร้านเราก็คงเป็นหนังสือนิยาย เพราะเราชอบอ่าน
ประเด็นคือ เปิดร้านแบบนี้ในกรุงเทพมันจะอยู่รอดไหม ต้นทุนที่เราไม่มีคือทำเลเนี่ยแหละ ใจเราไม่อยากขายแพงเลย ค่าอาหารเครื่องดื่ม จานล่ะเป็นร้อย เครื่องดื่มแก้วล่ะ ห้าหกสิบ เป็นร้อย เห็นใจเยาวชนของชาติที่ยังไม่มีรายได้ อยากสนับสนุนให้คนอ่านหนังสือกันเยอะๆ เพราะต้นทุนที่เรามีโดยไม่ต้องลงทุนก็คือหนังสือเนี่ยแหละ เยอะมาก เห็นแล้วคอนิยายจะต้องร้องโอ้โห้ เรามั่นใจ

จะไปขายมือสองก็ทำไม่ลง บางเรื่องมันยังหยิบมาอ่านได้ซ้ำๆเลย
ร้านเรามันจะอยู่ได้ไหม ถูกจริตคนไทยรึเปล่า
อยากทำร้าน books cafe เมืองไทยมันจะพอทำได้ไหม แบบกินไปอ่านไปไรแบบเนี้ย
เราก็มีความฝัน คือเราเป็นคนชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะนิยาย อย่าถามว่าอ่านเรื่องไหนบ้าง ต้องถามว่าเรื่องไหนที่ยังไม่ได้อ่านจะดีกว่า แต่ไม่ใช่ประเภทนิยายลูกกวาด หวานแหว๋วแต๋วจ๋า ที่หน้าปกออกแนวญี่ปุ่น เกาหลีแบบนั้นนะคะ อันนั้นสารภาพว่าไม่เคยอ่านเลยซักเล่ม
แต่ถ้านักเขียนเก่าๆ อย่าง ว. แก้วเก้า โบตั๋น ก.สุรางค์นา ศรีฟ้า ศรีทอง ปิยะพร กิ่งฉัตร พงศกร วราภา ป้าทม บลา ๆๆๆ อ่านแล้วเกือบทุกเรื่อง ที่บ้านมีเกือบทุกเล่ม หนังสือมีเกือบพันเล่ม จนไม่มีที่จะเก็บ ไปงานหนังสือ เคยหมดเป็นหมื่น อ่านตั้งแต่ 10 ขวบ ที่บ้านเราสนับสนุนด้วย ดีใจ กลุ้มใจ เสียใจ เราก็อ่าน เวลามีความทุกข์ อ่านเรื่องขำขำ ก็คลายเครียด อ่านเรื่องที่ตัวละครทุกข์กว่าเราก็ได้ข้อคิด ว่ายังมีคนที่ลำบากกว่าเรา เพราะนิยายมันก็มาจากเรื่องจริงบางส่วน ดีกว่ากลุ้มแล้วไปกินเหล้า
เข้าเรื่อง คือ เคยถามตัวเองว่าถ้าไม่ทำงานกินเงินเดือน อยากเป็นเจ้าของกิจการ ทำงานที่ตัวเองรัก อยากจะทำอะไร เราชอบแต่งตัวแต่แต่งให้แต่ตัวเอง ไม่รู้จะไปแนะนำคนอื่นยังไง ขายเสื้อผ้าคงขายไปได้ เราไม่แต่งหน้า ขายเครื่องสำอางค์ เป็นช่างแต่งหน้าคงทำไม่ได้ ก็คิดๆๆๆ
แต่วันดีคืนดี ขณะที่นอนอ่านนิยายอยู่ก็คิดว่า ขนาดบ้านเราว่าหนังสือเยอะแล้ว เรายังว่าน้อยเลย มีอีกตั้งหลายเรื่องยังไม่ได้อ่าน อย่างเพชรพระอุมา เราก็ยังไม่เคยอ่านสักเล่ม เพราะมันเยอะกลัวอ่านแล้วติด แต่จะซื้อทั้งชุดก็แอบแพงอยู่ เลยว่าเอาไว้ก่อน แล้วคนที่อยากอ่านแต่ไม่มีกำลังหล่ะ ประเทศเราหนังสือแพงนะคะ อย่างต่ำๆก็สองร้อย นิยายขนาดสั้น ถ้าเล่มหนาๆ ก็สี่ห้าร้อย แล้วเด็กๆที่บ้านไม่ได้มีฐานะ จะทำไง อย่าว่าแต่ผู้ใหญ่เลย
แล้วเดียวนี้เวลาไปตามร้ายหนังสือใหญ่ อย่างศูนย์หนังสือจุฬา หนังสือนิยายส่วนใหญ่ห่อไว เล่มนึงสามสี่ร้อย เห็นแต่คำโปรยข้างหลัง มันก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะดี ถูกใจคนซื้อเปล่า เกิดซื้อมาอ่านแล้วไม่ถูกใจ ก็น่าเสียดาย อ่านได้ครั้งเดียว อย่างบ้านเราถึงจะไม่สนุก แต่บ้านเรามีนักอ่าน สาม คน เรา น้อง แม่ ก็ยังพอคุ้ม แต่อ่านได้ครั้งเดียวแล้วไม่สนุก เราถือว่าเล่มนั้นไม่คุ้มนะ เพราะหนังสือที่ดีมันควรจะหยิบมาอ่านได้ซ้ำๆอีก(แต่เราเข้าใจทางร้านนะ)
เข้าเรื่องต่อ ที่นี้เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือในบรรยากาศที่ดีๆ เย็นๆ เคยไปห้องสมุดกันไหมคะ หนังสือเยอะจริง แต่ก็มีกฎของเค้า เช่นห้ามนำอาหารมารับประทาน เก้าอี้นั่งไม่สบายเท่าไร แต่รู้ไหม ว่าการผ่อนคลายโดยการอ่านหนังสือไปกินขนมทานเล่นไปที่นั่งสบายๆมันเป็นความสุขที่สุดเลย(แต่เราเข้าใจกฎของห้องสมุด) เราเลยเกิดไอเดียว่าเราอยากเปิดร้านเช่าหนังสือ แต่เช่าอย่างเดียวคงอยู่ไม่ได้ เราก็เลยอยากขายเบอเกอรี่ อาหารว่าง เครื่องดื่ม ไปด้วย อ่านไปกินไป ร้านบรรยากาศดีๆ ที่นั่งนุ่มๆ อ่านแล้วเผลอหลับก็ไม่ว่า เพราะเราเป็นบ่อย
ลองหาข้อมูลแล้วร้านแบบนี้เห็นมีที่เชียงใหม่ แต่ร้านที่เชียงใหม่เป็นหนังสือท่องเที่ยว เพราะเจ้าของร้านชอบท่องเที่ยว ถ้าเป็นร้านเราก็คงเป็นหนังสือนิยาย เพราะเราชอบอ่าน
ประเด็นคือ เปิดร้านแบบนี้ในกรุงเทพมันจะอยู่รอดไหม ต้นทุนที่เราไม่มีคือทำเลเนี่ยแหละ ใจเราไม่อยากขายแพงเลย ค่าอาหารเครื่องดื่ม จานล่ะเป็นร้อย เครื่องดื่มแก้วล่ะ ห้าหกสิบ เป็นร้อย เห็นใจเยาวชนของชาติที่ยังไม่มีรายได้ อยากสนับสนุนให้คนอ่านหนังสือกันเยอะๆ เพราะต้นทุนที่เรามีโดยไม่ต้องลงทุนก็คือหนังสือเนี่ยแหละ เยอะมาก เห็นแล้วคอนิยายจะต้องร้องโอ้โห้ เรามั่นใจ
ร้านเรามันจะอยู่ได้ไหม ถูกจริตคนไทยรึเปล่า