คงได้ ''สะใจ'' กันสุดๆ ละมัง ?

วิกฤติลูกหนังของไทยจะถึงบทจบอย่างไร สะใจพระเดชพระคุณท่านแค่ไหนปานใด ไม่นานรู้แน่ครับ

        เพราะดูเหมือนว่า การแย่งกันชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ สมัยหน้านั้น เป็นภาวะ "สงคราม" ที่ไม่มีใครฟังใครด้วยเหตุด้วยผลอีกแล้ว ยิ่งมีการ "ตั้งธง" ใช้กติกาเลือกตั้งแบบเดิม 184 เสียง ตาม พ.ร.บ.กีฬา คุณวิรัช ชาญพานิชย์ มาแน่นอน เพราะ "กว้าน" เอาเสียงกว่าครึ่งค่อนไว้ในมือแล้ว แต่ถ้าเลือกตั้งตามกติกาใหม่ที่ฟีฟ่ารับรองคือ 72 เสียงวงการฟุตบอลอาชีพร้อยเปอร์เซ็นต์ (ปลาซิวปลาสร้อยไม่เอา) คุณวรวีร์จะมา

        ทั้งที่ระบบ 72 เสียงก็ใช่ว่า ฟ้าจะประทานให้คุณวรวีร์ชนะได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นมาแล้วในการเลือกตั้งประธานเอเอฟซี ที่คุณวรวีร์ก็เค้เก้หมดสภาพเป็นเหมือนกัน หรือกฎฟีฟ่าให้เลือกบอร์ดบริหารด้วยคุณวรวีร์ก็ยังไม่ประกาศตัวบอร์ดบริหารฝั่งตน ทั้งที่อีกฝ่ายเปิดตัวแล้ว ก็เป็นจุดอ่อนที่ 72 เสียงสมาชิกมีสิทธิ์เอาไปคิดได้

        แต่เพราะฝั่งคุณวิรัชไปยึดมั่นถือมั่นกับอุปาทานนั้น ต้องการชนะชัวร์แบบแบเบอร์ จึงวางหมากดิสเครดิต ถล่มความน่าเชื่อถือคุณวรวีร์อย่างเป็นระบบเป็นระลอก ไม่ว่ากระแสสังคมออนไลน์ การเข้าหาผู้ใหญ่ในกกท. ขอให้ร่วมวงไม่เอาวรวีร์ด้วย

        ทุกคำพูดของคุณวรวีร์ถูกตีความว่า เอาฟีฟ่ามาหลอกคนไทย เพื่อสร้างประโยชน์ใส่ตน เอะอะอะไรก็...ฟีฟ่า...ฟีฟ่า หมด ระบบ 72 เสียงก็เป็นการหลอกอ้างฟีฟ่าสั่ง ล่อกันกระทั่งฟีฟ่าปลอมทั้งคนทั้งหนังสือไม่ว่าคุณวรวีร์ทำอะไรก็เป็น "ปาหี่" ไปทั้งนั้นดิสเครดิตให้หมด (พูดก็พูดเถอะครับ ที่ผ่านมาคุณวรวีร์เองก็ไม่ได้แก้ไขสถานการณ์ การถูกล่อเป็น "เป้านิ่ง" ตรงนี้เลย เหมือนไม่สนใจว่าจะโดนถล่มอย่างไร ไม่แก้ตัว ไม่ตอบโต้ ปล่อยเอื่อยอย่างไรก็อย่างนั้น แทนที่จะแสดงอะไรที่มั่นใจๆ ตอบโต้ เรียกกระแสสังคมกลับมาบ้าง เช่นว่า...สิ่งที่ชี้แจงแจ้งไป คือปัญหาวิกฤติโดยรวม ถ้าตนเอาเรื่องฟีฟ่ามาโกหกพกลม อ้างเพื่อผลประโยชน์ตัวเองจริง ที่สุดตัวเองจะรอดหรือ ฟีฟ่าคงปลดออกจากตำแหน่ง และตัวเองจะสู้หน้าอยู่ในวงการฟุตบอลทั้งนอกและในประเทศได้อย่างไร)

        ผมว่า ประเด็น "ตั้งธงทำสงคราม 184 เสียง VS 72 เสียง" และวางกลยุทธ์บี้คุณวรวีร์ให้หมดความน่าเชื่อถือ มาสู่การขมวดปมใช้ "หมากเด็ด" สโมสรเล็กฟ้องศาลปกครอง ให้เกิดภาวะ "ฟรีซ" แช่แช็งคุณวรวีร์สวนควันปืนฟีฟ่าที่มาถึงเมืองไทย

        ไม่สนกระทั่งว่า นั่นเป็นการทำผิดกฎกติกาองค์กรสากล (กฎข้อห้ามบุคคลที่สามเข้ามายุ่งเกี่ยว พูดง่ายๆ ว่า การใดๆ ในการบริหารสมาคมฯ ไม่อาจฟ้องศาลใดๆ ที่ถือเป็นบุคคลที่ 3 - การที่ต้องมีกฎเหล็กนี้ก็เพื่อรักษาสถานภาพอำนาจบริหารองค์กร มิให้ไม่เกิดสภาพอีนุงตุงนังง่ายๆ ดังที่เห็นเป็นตัวอย่าง)

        เอกสารที่ฟีฟ่าแจ้งมาคือ "ขั้นตอนมาตรฐาน" ทำนองว่า เมื่อก้าวข้ามพลาด ก็ back off ถอยหลังกลับไปใหม่ ไม่งั้นโดนแน่

        เห็นไหมครับว่า มันไม่ได้เกี่ยวกับประเด็น 184 เสียงหรือ 72 เสียง มันไม่ได้เกี่ยวกับสถานภาพคุณวรวีร์ เพียงแต่คุณวรวีร์มีหน้าที่ที่ต้องแจ้งว่า ฟีฟ่าจะทำอะไร ตามหนังสือแจ้งมานั้น

        แต่พอคุณวรวีร์อ้าปาก ก็ถูกสร้างกระแสให้หมดความเชื่อถือ จนเหมือนไม่มีน้ำหนักอะไร

        ความที่ดิสเครดิตคุณวรวีร์จนชิน ไปตั้งธงว่า ฟีฟ่าอวยประโยชน์ให้คุณวรวีร์ ก็พลอยไม่ให้เครดิตฟีฟ่าไปด้วย..ตีประเด็นเป็นฟีฟ่าของปลอม ให้คุณวรวีร์ตีกินเหมือนเดิม

        มีกระแสของอีกฝ่ายกระทั่ง ไม่ต้องสนใจฟีฟ่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

        สัญญาณตรงนี้ ดูง่ายๆ ครับ คือในวันจันทร์ที่ 24 มิ.ย.นี้ สโมสรฟุตบอลพัทยาจะถอนฟ้องศาลปกครองคุ้มครองสิทธิ์หรือไม่?

        ถ้าถอน ก็คือการเข้าใจว่า ฟีฟ่าเอาจริง ไม่ควรเอาสถานภาพวงการฟุตบอลไทยเข้าไปเสี่ยง ผ่อนคลายปมวิกฤติออกไปได้บ้าง

        หรืออีกมุมหนึ่ง ถ้าถอน ก็กลัวคุณวรวีร์ซิและเป็นการท้าทายอำนาจฟีฟ่าว่า...จะแน่แค่ไหนขู่ฟ่อๆ อยู่ได้

        ผมเชื่อว่า ถ้าสโมสรฟุตบอลพัทยาไม่ถอนฟ้องฟีฟ่าคงไม่ยอมให้วงการฟุตบอลประเทศเล็กๆ มาท้าทายอำนาจแน่ เราคงได้เห็นมาตรการบางอย่างจากฟีฟ่า และอาจจะเร็วเกินกว่าคำสั่งข้อที่ 2 ที่ให้มีการเลือกตั้งภายในวันที่ 30 ก.ย. ด้วย

        เพราะคำสั่งข้อที่ 2 นั้น ต้องมาหลังจากข้อแรกได้รับการปฏิบัติแล้ว ถ้าหากข้อแรกไม่กระทำ ก็ไม่จำเป็นต้องรอเวลาของข้อ 2

        อันนี้ต้องตระหนักให้ดีนะครับ ไม่ใช่คิดกันเอาเองว่า ยังมีเวลาในข้อที่ 2 อีกตั้งสามเดือน

        ฟีฟ่าระบุว่า หากสมาคมฟุตบอลฯ ไม่ปฏิบัติ 2 ข้อปฏิบัติ จะเพิกถอนสิทธิ์สมาชิกสภาพ (หรือที่เรียกว่าban) ไม่มีกำหนด

        คำว่าไม่มีกำหนดนั้น จากตัวอย่างของประเทศที่เคย "ดื้อแพ่ง"

        คำสั่งฟีฟ่า โดนไป 2 ปี

        2 ปีที่ไม่อาจร่วมสังฆกรรมฟุตบอลสากลใดๆในทุกประการ ประเทศใดๆ ก็ "แบน" เราไปด้วย

        เอาใกล้ๆ ง่ายๆ พม่าเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ รีบตัดทีมฟุตบอลไทยออกจากการแข่งขันแน่นอน วงการฟุตบอลอาชีพที่กำลังบูมก็ "ย่อส่วน" เล่นกันแค่ในประเทศนักเตะต่างชาติที่เป็นสีสันในบ้านเรา ก็คงเผ่นกันหมดเพราะสโมสรนอกประเทศตัดบัญชี สูญหายในเมืองไทยฟุตบอลทีมชาติทุกชุดทุกประเภทไม่ต้องบินออกนอกประเทศเพื่อแข่งขันกับใคร

        ถ้าตีความเสียหายที่เกิดขึ้นทุกๆ มุมทุกๆเม็ดโดยรวมคิดเป็นตัวเงิน คงเป็นหลายพันล้านหรือเหยียบหมื่นล้านนะครับ ในเวลาสักสองปีที่ ฟุตบอลไทยโดน "ฟรีซ" จากฟีฟ่าทุกอย่างที่กระทำ เพียงเพื่อบดบี้ขยี้คนคนเดียว คือ คุณวรวีร์ มะกูดี

        มันยิ่งกว่าจุดไฟเผาป่า เพื่อล่าเหยื่อเพียงหนึ่งคน แล้วก็ให้ไฟนั้นกลับมาครอกเผาทุกอย่างกระทั่งตัวเองด้วยหรือครับ?

        ถึงตรงนี้ คนที่เกลียดพวกอยู่ข้างวรวีร์ก็ด่าผม ดังที่เคยด่า...ฟีฟ่าไม่ใช่พ่อ มันก็พวกหัวคะแนนบังยี !...ไอ้ขี้ข้าแขก...ก็เชิญเถอะครับ

        ผมไม่ได้เขียนเพื่อคุณวรวีร์ หรือเชื่อตีกินว่าคุณวรวีร์จะชนะกับระบบการเลือกตั้งแบบ 72 เสียง ด้วยไม่ว่าใครก็มีจุดอ่อน การต่อสู้ในกติกายังต้องมีต่อไปแต่เขียนให้เห็นในมุมกว้างว่า จุดบดบี้ตัวบุคคลที่กระทำต่อคุณวรวีร์นั้น มันห่างไกลจากจุดเดิมไปมากมายแล้ว มันมาสู่การพากันจุดไฟครอกตัวเองไปทั้งวงการฟุตบอลต่างหาก

        อยากทำอะไร เชิญเลยครับ สะใจแค่ไหนก็อย่าคิดว่า คนอื่นเขาเพียงเสียใจ ไม่สะใจด้วยยืนบนกองเถ้าถ่านแห่งความย่อยยับด้วยกันยังไงก็ต้องสบตาด้วยความสะใจอยู่แล้ว

        ความสะใจอาจเท่ากัน แต่ความสมเพช...นั่นแหละทำลายฟุตบอลไทย...มันต่างกัน

        ยอดทอง

http://www.siamsport.co.th/Column/130624_109.html