เรื่องเล่า เที่ยวไหน...ไม่มีแผน (เที่ยวสุราษฎร์-ชุมพร)

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ ผมเป็นพนักงานออฟฟิสตัวเล็กๆที่ทำงานมาได้ร่วมปีแค่นั้นเอง แต่สิ่งที่ผมต้องการจะเล่าให้ทุกคนฟัง คือประสบการณ์การท่องเที่ยวของผม ตลอดระยะเวลา 24 ปีที่ผ่านมาครับ และเรื่องแรกที่ผมจะเล่าให้ฟัง เป็นการลงใต้ครั้งแรกของผมกับพี่ที่ออฟฟิสอีกคนนึงครับ



จุดเริ่มต้น
เมื่ออยู่ๆก็มีวันหยุดแบบไม่ทันตั้งตัว ตั้ง 10 วัน ผมพนักงานออฟฟิสตัวเล็กๆย่านเอกมัย ก็เริ่มตื่นตัวในทันที สิ่งแรกทีเราชาวทำงานต้องการก็คือการพักผ่อน ใช่ ผมก็เช่นกัน เราต้องการที่จะไปในสักที่ เพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ที่หาไม่ได้จากเมืองหลวงแห่งนี้ หลังจากที่หัวหน้าสั่งปิดสงกรานต์ยาว 13-21 เมษายน โอ้แม่เจ้า นี่มันปิดเทอมใหญ่ชัดๆ ว่าแล้ว ก็จัดการค้นหาข้อมูลในทันที พี่ปิงหนึ่งในสมาชิกสาขาเที่ยวของออฟฟิส ก็พูดขึ้นมาทันที "ไปไหนกัน" คำนี้เริ่มมาล่ะ ผมก็สองจิตสองใจ เอายังไงดี เอาไงก็เอากัน

เริ่มต้นกันที่แผนหนึ่ง
"ไม่รู้" คำแรกผมกล่าวตอบพี่ปิงไปในขณะนั้น เมื่อเรานั่งกินข้าวอยู่ที่ gate way เอกมัยยามค่ำคืน ผมได้แต่นึกคิดว่า เที่ยวแบบไหนจะสนุกนะ คิดไปคิดมาก็คิดไม่ออก พี่ปิงเสนอมา "ลงใต้กัน โอป่าว" อืมมมม... ใต้ก็ยังไม่เคยไป ไกลสุดก็หัวหินอ่ะนะ "พี่ปิงเคยลงใต้ยัง" พี่ปิงส่ายหัวหงิกๆ "ไกลสุดก็ปราณ" คิดอยู่แป้บนึง ผมก็ตอบไป "โอเคไปร้านหนังสือกัน" แล้วทำหน้าเครียด พี่ปิงทำหน้าค้อนแล้วพูดในใจแต่ได้ยิน มรืงยังคิดไม่ออกอีกใช่มั๊ย    
เรามาจอดที่ร้านหนังสือ เดินตรงไปสู่หนังสือท่องเที่ยว อสท. เด้งขึ้นมาที่ตา จับเปิดอ่าน ในหนังสือของเดือนนั้น มีภาพทะเลสวยงาม จากชุมพร หลากหลายที่ เริ่มเข้าแก๊ปล่ะ หาดสวยงามที่สุราฎ เริ่มมาล่ะ ดอกไม้ป่าสวยงาม นั่นไงล่ะ จัดไป ผมหยิบหนังสือขึ้นมา ผมยื่นให้พี่ปิงแล้วบอกว่า "เที่ยวตามหนังสือกัน" พี่ปิงหยักหน้ารับงุดๆ "เอางั้นเลยใช่มั๊ย" ผมตอบกลับไปว่า "แผนแรกคือห้ามมีแผนอะไรทั้งนั้น ไปตามภาพที่อยากไป และถูกที่สุด" พี่ปิงเริ่มไม่แน่ใจและคิดว่า นึ่มรืงเอางี้เลยใช่มั๊ย และผมก็ตอบออกไปว่า "ชัวร์"

แผนสองกำลังมา
ระหว่างที่ต่างคนต่างกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อพบครอบครัว ก่อนจะหนีเที่ยว เราก็นัดกันวันที่ 16 เจอกันตอนเย็นที่หัวลำโพง เวลา 5 โมงเย็นแบบชิวๆ ผมนั่งรถฉิวมากรุงเทพ จัดกระเป๋า 5 นาที สำหรับการอยู่ที่อื่น 5-6 วัน นั่งรถไฟใต้ดินสู่หัวลำโพง พี่ปิงกินข้าวรอที่ KFC ผมกินระหว่างทางมาแล้ว พี่ปิงยื่นตั๋วรถไฟให้ สำหรับ 2 ที่นั่ง โว้ว รอบ 18.30 กับที่นั่งสุดประทับใจ รถไฟชั้น 3 สู่สุราษฎร์ธานี ฮึ่ม รากงอกกันล่ะ ได้ข่าวว่าถึง 6 โมงเช้า ประทับใจสุดๆ กินข้าวเสร็จเดินหาขบวนรถไฟ ก็ได้เวลาพอดี โชคดีได้นั่งข้างหน้าต่างด้วย ผมยิ้มไปนิดนึง หันหลังกลับไป อืมมม หลังห้องน้ำสินะ ดีนะมีผนังกันกลิ่นอยู่ ถือว่าได้เรื่องอยู่ นั่งลงปุ๊บ ต่างคนต่างภาวนา อย่าเจอเด็ก และคนชรานะ เอ้าสู้ตาย ผมเก็บกระเป๋าขึ้นหิ้ง ส่วนพี่ปิงนอนกอดไว้อย่างอบอุ่น สิบนาทีต่อมา หญิงชราอุ้มหลานชายและนั่งลงที่ตรงข้ามเรา  โดนสตั้นไปสามวิ แล้วมองหน้ากัน พี่ปิงบอกผมว่า "ที่หลังมรืงอย่าไปทักสิ โดนเลย" ผมตอบ "โอเคจะเงียบล่ะ" และยิ้มกลับไปแหย๋ๆ ""เจอกันที่สุราษฎร์นะครับ นอนล่ะ" แล้วต่างคนก็ต่างหลับไป ตื่นอีกที ด้วยเสียงสาวสวย เดินถือถาด "หม้อแกงจ้า เอาหม้อแกงมั๊ยจ๊ะ" ดีที่เด็กไม่ทำให้เราตื่น เด็กนอนและเงียบมาก ส่วนคุณยายปูเสื่อที่หว่างขาเราทั้งสองคนและเหยียดตัวนอนยาว อ่ะนะ ผมบ่นปวดคอ พี่ปิงบอกปวดหลัง และมองไปที่เด็ก "กรูอยากกลับไปเป็นเด็ก กรูจะนอนยาวแบบมัน" อยากจะร้องไห้ นี่หรือคือการพักผ่อน เอาว่ะ ใครจะเคยทำแบบนี้บ้าง ต่างคนก็ต่างปลอบใจกันและกัน เอ้า... อีกตื่นนึงก็ถึงล่ะ แล้วเราก้ตื่นมาประมาณ 10 ครั้งด้วยอาการปวดทั่วร่างกาย แต่จะกี่ตื่น หม้อแกงก็ยังมาไม่ขาดสาย เลยเพชรบุรี ประจวบ ชุมพร ล่ะ ยังจะมาได้อีกนะ 05.35 เกือบล่ะ แอบดูแผนที่นิดหน่อย เห้ยยยยลง ไชยา ดีมะ ตามหาไข่เค็ม หันมองหน้าพี่ปิง รถไฟจะจอดล่ะ  1 2 3 เอ้า หยิบกระเป๋าแล้วเดินลงอย่างสง่างาม เหยียบพื้นปุ๊บ "เราจะไปไหน" "เออนั่นดิ" เอาแล้วไงแผนเริ่มมาล่ะ แต่อย่าเรียกว่ามีแผนเลยดีกว่านะ "อย่างแรกคือเราต้องหาข้าวกิน หรือ ล้างหน้าแปรงฟันสักนิดมั๊ย" ผมออกความคิดเห็น "ตามนั้น" พี่ปิงบอก และเดินออกไปจากชายชาลา ปรากฎว่า ไม่มีห้องน้ำ แป่ว อมขี้ฟันตัวเองไปก่อนล่ะกันนะครับ เราพูดกันน้อยลง เกรงจะเป็นลมกันไปเสียก่อน มองไปที่หมู่บ้านเก่าแก่ มีร้านค้าเปิดอยู่นะ ตั้งร้านนึง เราก็เดินไปถามหาตลาดก่อนล่ะกัน คุณน้าบอกเดินไปประมาณ 500 เมตรนะจ๊ะเด็กๆ ผ่าน 7-11 ไปนิดนึง โอเคขอบคุณครับ เราเดินกันไปตามทางที่เค้าบอก บรรยากาศสลัวๆตอนก่อนหกโมงที่เต็มไปด้วยฟ้าครึ้ม อย่างกับอยู่ในหนังเขย่าขวัญ สั่นประสาท "เราต้องไปไหว้พระธาตุไชยากันก่อนใช่มั๊ยพี่ปิง" "เออ กินข้าวก่อนล่ะกัน" แล้วเราก็มาถึงตลาดชุมชน เดินหาของกินมากมายสุดท้ายจบที่ของขึ้นชื่อของไชยา โจ๊กใส่ไข่เค็ม แหม่ ทำไปได้ ได้คำขวัญสุราษฎร์มานิดนึงล่ะ เดินออกมาจากตลาดได้นิดนึง ก็เกิด mv วันฝนพรำ วิ่งสิครับ นี่เรามาพักผ่อนจริงๆหรือ เริ่มย้ำคิดย้ำทำกันล่ะครับงานนี้ เราวิ่งกันอุตลุตไปที่ 7-11 และซื้อเสื้อกันฝนคนละตัว เอาไงดี ผมบุ๊ยปากไปที่พี่ปิง "ไปไหว้พระธาตุ" เราถามทางจากพนักงานขายว่าเดินตรงไปตามถนนเรื่อยๆนะ ประมาน 2 กิโล แหม่ ใช้ได้เลยทีเดียว ใส่เสื้อกันฝนปุ๊บ เดินตากฝนเล่นสนุกสนานกันจริงๆ ไปตามถนนเส้นใหญ่ หวังคนใจดีอาสารับไปส่ง แต่ก็ไม่มี พี่ๆที่ขับรถอยู่คงคิดว่า สองคนนี้มันมาเดินเล่นตากฝนกันสินะ ป่าวนะครับ ผมไม่ได้อยากเล่นน้ำฝน ไปส่งผมที ผมคิดในใจ เราเดินมาได้ 15 นาที ก็เจอป้ายพระธาตุไชยา เย้ รู้สึกได้ท่องเที่ยวมานิดนึงล่ะ พากันเดินเข้าไปในวัดด้วยใจชุ่มฉ่า รวมถึงตัวด้วย เราเข้าไปกราบพระธาตุ พี่ปิงชักภาพไปหลายรูป แต่อากาศไม่เป็นใจ ผมขออณุญาติพี่ปิงเข้าส้วมปล่อยของก่อน พี่ปิงพยักหน้ารับ ผมเข้าห้องทำธุระเสร็จ รู้สึกง่วงเหมือนคนไม่ได้นอน ซึ่งก็ถือว่าถูกเลยทีเดียว ฝนยังคงกระหน่ำ ผมเดินมานั่งป๊อกอยู่ที่ศาลารอพี่ปิงออกมา ชันเข่าหัวพิงเสา จะหลับล่ะนะครับ คนภายนนอกมองอาจนึกว่าขอทานได้ พี่ปิงเดินกลับมาพร้อมกับบอกว่า ถ่ายไม่สวยเลย ฟ้ามืด นั่นสินะ มาเที่ยวใต้ช่วงมรสุมพอดีเด๊ะ ที่ดูข่าวเมื่อวาน แต่จะทำไงได้ ก็มันหยุดวันนี้ นี่ความฝันวัยเด็กกำลังจะถูกทำลสยหรือ ไม่ๆ ผมส่ายหัวหงิกๆ บอกพี่ปิงว่าห้ามนอน เรามาเที่ยวนะ เดี๋ยวไม่คุ้ม ฮึๆ พูดปลอบใจตัวเองไปวันๆ "ใช่" พี่ปิงตอบกลับ เอาหัวพิงเสาและหลับไปแบบคนไม่ได้นอนเช่นกัน เราหลับกันไปคนละ 15 นาที ตอนนี้ 06.30 ล่ะ ได้เวลาไปสู่จุดหมายล่ะ อะไรคือจุดหมายของเราทั้งสอง หันมามองหน้ากัน "ไปไหนอีกดี" มาอีกล่ะ คำนี้มาอีกล่ะ โอเคแผนต่อไปกำลังจะมา

เดี๋ยวแผนต่อไปกำลังมานะครับ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่