๙๙ กลุ่มคน คุยหนัง ขอแนะนำหนังนอกกระแสน่าจับตามอง MUD

หนังในกระแสหลักคงไม่ค่อยแนะนำนะครับ เพราะหนีมันไม่พ้นอยู่แล้ว
แต่พวกหนังคุณภาพ ที่เน้นไปที่ตัวเรื่อง การเดินเรื่อง ตัวละครมีมิติ
ใช้ฝีมือ ผู้กำกับ , นักแสดง , ทีมงาน เต็มที่ งบสร้างไม่สูง(เปรียบเทียบกับค่าเงินเขา)

หนังพวกนี้มีความเป็นไปได้ ที่เราจะสร้างมันได้อย่างมีคุณภาพเหมือนกัน
ถ้าเราศึกษามันอย่างจริงจัง และ อดทนพยายามบ่มทีละนิดผสมทีละน้อย
เราก็อาจได้ หนังดีมีคุณภาพ ที่ตีตราว่าเป็นหนังไทย เช่นกัน

ตอนนี้กระแสเล็กๆของนักดูหนัง กำลังมุ่งไปที่ MUD
หนังเรื่องที่3 จากการ กำกับเขียนบท ของ เจฟ นิโคล ผู้กำกับอเมริกันอินดี้
จะไม่พูดถึงหนังมาก เพราะไม่ถนัด และให้หนังตัวอย่างทำหน้าที่นั้นดีกว่า
ถนัดและชอบศึกษาแบ๊คกราว ผู้กำกับ ว่าเขาเริ่มยังไง กว่าที่จะมายืนจุดนี้ได้มากกว่า
ถ้าชอบหรือสนใจ ก็เลื่อนลงมาอ่านกันเลยค้าบบบบ

เจฟ ประเมินตัวเองว่าพร้อมละ เลยตัดสินใจสร้างหนังเดบิ๊วตัวเองในปี 2550
เรื่อง shortgun stories เป็นเรื่องเกี่ยวกับความไม่ยุติธรรมในการตายของพ่อพระเอก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


เจฟ ตั้งใจทำไปฉายใน Sundance เทศกาลหนังอินดี้ ด่านแรกที่เขาต้องผ่านไปให้ได้

เกร็ดเล็กน้อย : บ้านเรายังไม่มีเทศกาลรองรับหนังอินดี้ยาวๆ แต่บ้านเรามีเทศกาลหนังสั้น
ของ มูลนิธิหนังไทย http://www.thaifilm.com ที่ขึ้นชื่อได้ว่า สร้างคนทำหนังไทย มารุ่นต่อรุ่น ในสมัยก่อนๆ
เทศกาลนี้ถือได้ว่ามีมาตรฐานและสร้างอะไรใหม่ๆให้ วงการหนังไทย โดยที่ไม่มีใครขออยู่เสมอ
แต่ปัจจุบันไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง ช่วงหลังๆไม่ได้ติดตาม


หนังเรื่องแรกของ เจฟ ได้มาตรฐานเข้าฉายที่ Sundance สมใจ แต่ไม่ดีพอที่จะแจ้งเกิด
เขาจึงจัดรอบ พรีเมียร์หนัง ที่เทศกาลทไรบีก้า ซึ่งก็ไม่เปรี้ยงอย่างที่คิด
เขาจึงนำหนังเรื่องแรกของเขา ขายแบบ limited ในรูปแบบ DVD แทน

เกร็ดเล็กน้อย : ในส่วนนี้มี ผู้กำกับไทย ทำเหมือนกัน นั่นก็คือ พี่โป๋ย ศักดิ์ชาย ดีนาน
ผู้กำกับ หนังชุดสบายดี และ เรื่องอื่นๆ ที่พอหนังลาโรง ก็จัดจำหน่าย DVD ด้วยตัวเอง
สนใจลองไปด้อมๆมองๆเผื่อสนใจสอบถามที่ https://www.facebook.com/sakchai.deenan


หนังเรื่องแรกผ่านไป ไม่ได้ดั่งหวังเท่าไร บางคนอาจถอดใจไม่เอาละ แต่ถ้าเป็นคนรักหนังจริงๆ
จะเข้าใจเลยว่า ลองได้ทำได้เฉี่ยวหรือได้ไปอะไรกับมันแล้ว ไม่มีทางเลิกคิดได้นะครับ
เฉพาะคนทำที่รักหนังจริงๆนะ พวกที่ทำเลี้ยงชีพจะเลิกไม่ได้ เพราะสาเหตุอีกแบบหนึ่ง

แต่อะไรที่ตั้งใจทำ ย่อมส่งผลดีในทางใดทางหนึ่งเสมอ จากหนังเรื่องแรกทำให้ เจฟ
ได้เจอตัวช่วยใหม่ ตัวช่วยที่ทำให้ด่านต่อไปของเขาง่ายขึ้น นั่นคือ นักแสดงนำชาย
ไมเคิ่ล แชนน่อน ที่ตอนนี้นักดูหนังส่วนมากรู้จัก ล่าสุดกับแสดงเป็นตัวร้ายใน Man of Steel

เจฟ เจอ แชนน่อน ที่งาน Sundance ตอนนั้นเขาไปแค่เวิคช๊อป เมื่อเขาเห็น แชนน่อน
เขาโพล่งเสียงดังว่า " แชนน่อน ต้องอยู่ในหนังทุกๆเรื่อง ที่เขาสร้าง " หลายๆคนหัวเราะเขา
แต่นั่นเป็นแรงผลักดันให้เขากลับมาเขียน shortgun stories เขา เขียนๆๆๆๆๆๆๆๆ
และเมื่อเขาคิดว่ามีของดีอยู่ในมือ เขาก็หาเบอร์และโทรไปหา แชนน่อน

"สวัสดี คุณไม่รู้จักผมหรอก แต่ผมเขียนบทนี้ให้คุณแสดงนำเลยนะ คุณอยากจะลองอ่านมั๊ย"
" แน่นอน ผมกำลังมองหาบทที่ได้ แสดงนำ บ้างอยู่แล้ว "
แต่ก็เหมือนพวกมีชื่อเสียงบ้างแล้วทั่วไปนั่นแหละ เขาไม่ได้อ่านมันเอง แต่ส่งไปให้เพื่อนอ่าน
แล้วให้บอกเขาว่าดีไหม เพื่อนของเขาชื่อ กาย เสวียริงเร่น ซึ่งมีบุญคุณกับผมมาก
เพราะเขาบอก แชนน่อน ว่า  " ยิ้มโคตรดีเลย "

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพ ทั้งคู่ร่วมงานกันในหนังเรื่องที่สอง
เรื่องที่ดังเป็นพายุใน Sundance ปีนั้น เรื่องที่ เจฟ ได้รับนิยามจาก
นักวิจารณ์หนัง และ นักดูหนังว่า เขาเป็น นักทำหนังตัวจริง
หนังเรื่องที่สองที่ว่า คือ Take Shelter

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


เจฟ เกาะกระแสวันสิ้นโลกได้ทัน และไม่ได้เอาเหตุที่ไม่มีทุนสร้างร้อยพันล้าน เป็นข้ออ้าง
เขาทำออกมาด้วยทุนเท่าที่เขามี และทดแทนมันด้วย เรื่อง การเดินเรื่อง และ ตัวละคร

เกร็ดเล็กน้อย : บ้านเราก็มีการที่ ผู้กำกับ นักแสดง ร่วมงานไม่หวังผลกำไร จากงานเล็กๆ
ล่าสุดเลย ก็ ผู้กำกับ บาส จาก Countdown กับ นักแสดงนำชาย เดวิด อัศวนนท์
จากหนังสั้นที่ บาส ทำ เดวิด มาเล่น สู่ หนังสตูดิโอชื่อดังของไทย GTH


หลังจากได้เกิดสมใจ เจฟ และ แชนนอน ก็เดินไปตามทางของตัวเอง แชนนอน เป็นนักแสดง
อาจง่ายหน่อยไปได้เร็วกว่า แต่ของจริงก็เป็นของจริง ในที่สุด เจฟ ก็ไปถึงด่านใหม่
ที่พูิสจน์ว่า เขาไม่ใช่แค่นักทำหนังระดับชาติ เขาเป็นได้ถึงนักทำหนังระดับโลก

มุมมองในหนังเรื่องที่ 3  MUD ของ เจฟ เขาเลือกมองในระดับที่เป็น สากล ขึ้น
ถึงจะเป็นเรื่องราวท้องถิ่นแดนใต้ที่เขาโตมา แต่ทุก วิธี คิด กำกับ ถ่าย ตัด
เขาเลือกใช้มุมมองที่สากลที่สุด เพื่อที่ไม่ว่าชาติไหน ก็สามารถเข้าใจมุมมองของเขา
ในเรื่องราวแบบท้องถิ่นแดนใต้แท้ๆได้

โดยหลังจากหนังทั้งสองเรื่องเขาค้นพบว่า คนทำหนังโดยทั่วไป มักจะสร้างตัวละคร
มารองรับ ตัวเรื่อง การเดินเรื่อง ในรูปแบบเดิมๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งแรกที่เขาคิดเวลาทำหนัง
สิ่งแรกที่เขาคิดถึง ทำยังไง ให้คนดูเข้าใจในมุมมองของเขามากที่สุด

และแน่นอนนี่หนังเรื่องที่ 3 แล้ว เขาทำงานจนอยู่มือ ไม่เหมือนเรื่องแรกที่ย่ำแย่
ตามแบบฉบับของ คนทำหนังเรืองแรกที่มีความคิดดีๆแต่ไม่มีประสปการณ์
จริงๆอยู่มือตั้งแต่เรื่องที่ 2 ละ เพราะหลังจากหนังเรื่องแรกฉาย ถึงมันจะไม่โครมคราม
แต่ทีมงานก็เห็นกันชัดๆว่า ไอ้นี่ มันทำหนังเป็นนินา ความคิดดีด้วย ไปช่วยมันกันเถอะ
ยิ่งเมื่อเรื่องที่ 2 งบเยอะขึ้น สิ่งต่างๆก็เป็นระบบขึ้น ไม่เหมือนเรื่องแรกที่แม้กระทั่ง
รถกอง ข้าวกอง ยังไม่มี เจฟ ต้องขับรถไปรับ แชนน่อน มากองเอง ส่วนข้าวปลา
ครอบครัวเขาและนักแสดงท้องถิ่นที่มาแสดง ช่วยๆกันจัดหา

ซึ่งไม่แปลกที่ เจฟ จะมีความคิดและมุมมองดีๆ เขาโตขึ้นมาในครอบครัวที่
ให้ อิสระในความคิด และ เสรีภาพในการแสดงออก ที่บ้านเขาสนับสนุนให้
เขาได้โตและเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่ต้องให้เกิดผลดีกับตัวเอง ในทางใดทางหนึ่ง
ธุรกิจหลักของบ้าน เจฟ เป็นร้านเฟอร์นิเจอร์ พัฒนามาจาก ร้านขายเปียโน ในรุ่นย่า

เจฟ มีลูกชายอายุ2ขวบ นั่นทำให้เขาโตขึ้นและตระหนักถึง ความมั่นคงในอาชีพ
นั่นอาจเป็นเหตุผลที่เขามี มุมมองที่สากลขึ้น ใน MUD
ก็ต้องไปดูหรือหามาดูนะครับว่า เขาเป็นนักทำหนังระดับโลก จริงไหม
ในภาพยนตร์เรื่องที่ 3 กับ MUD

ซึ่งเขาไม่เคยลืมในสิ่งที่เขาพูด แม้เรื่องนี้จะต้องใช้นักแสดงที่ดังขึ้น ขายได้มากขึ้นอย่าง
แมทธิว แมคคอนนาเฮย์ แต่ แชนน่อน ก็ยังมาแสดงบทอื่นในเรื่องนี้ เหมือนเคย

เข้าฉายในเมืองไทยแล้ว ตอนนี้ ผู้เขียนไปดูแน่นอน บิ๊วตัวเองซะขนาดนี้ อิอิ

เกร็ดส่งท้าย : ปัจจุบัน เจฟ อายุ 35 ปี

อ้างอิงจาก http://www.oxfordamerican.org/articles/2013/apr/23/interview-jeff-nichols/
มีบางส่วนที่ เจฟ ด่านักรีวิว ที่รีวิวว่า ตัวละครในหนังเรื่องแรกของเขา โง่ ด้วย
แต่ผู้เขียนไม่ได้แปล เพราะอ่านแต่เรื่องดีๆ กันเถอะนะ อิอิ


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


MUD
ได้ 2 โปรดิ๊วตาถึง ลีซ่า มาเรีย ฟัลค่อน(127hr) กับ แอร่อน ไรเดอร์ (momento)
ที่มองหานักทำหนังที่น่าสนใจ มาทำหนังในทุนย่อมเยาที่พวกเขาถนัดหา

และอีกครั้งที่ เจฟ ไม่ทิ้งคนที่เคยมีน้ำใจกับเขา
ยังใช้ ผู้กำกับภาพชื่อธรรมดา อดัม โสตน ที่ถ่ายกับเขาตั้งแต่ เรื่องแรก
และ เรื่องที่สอง จนมา เรื่องที่สาม

และเป็นธรรมดาที่ มือตัด จะเปลี่ยนไปตามคณะ โปรดิ๊ว
เรื่องนี้ได้มือเก๋า จูเลีย มอโร มาตัด (JFK,Platoon,Wallstreet)




สำหรับคนหาที่ คุยหนัง ลองจอย กลุ่มคน คุยหนัง https://www.facebook.com/groups/283245768487626/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่