ปั่นจักรยานเที่ยวไปในวันหยุด

วันนี้ตื่น5.30น.  อาบน้ำแต่งตัว คว้าจักรยาน ปั่นจากบ้าน อ.เมืองสิงห์บุรี  ผ่านวัดพระนอนจักรสีห์   วัดสาธุการาม  วัดสิงห์สุทธาวาส ข้ามสะพานแม่น้ำน้อย  เลี้ยวขวาไปทาง รง.น้ำตาล   เลี้ยวซ้ายออกกลางทุ่งมุ่งไป รร.เรืองเดช  ระหว่างทางผ่านทุ่งนาและไร่อ้อย  ทุ่งนาต้นข้าวเริ่มแตกกอ  ชูยอด เขียวขจี  มองไปเหมือนผืนพรมขนาดยักษ์ที่ปูลาดบนพื้นดินอันอุดม  ส่วนไร่อ้อยก็กำลังโตสูงประมาณ 1 เมตรเห็นจะได้  มีบ้างเหมือนกันที่ ถูกตัดไปใหม่ๆ  เจ้าของคงตัดขายพันธุ์ไปแล้ว   ขี่ตามถนนลาดยาง สภาพทางก็พอทน  มีขรุขระบ้างเป็นระยะๆ  ผ่านผืนนาบางแปลงที่อยู่ระหว่างตีดิน เตรียมแปลง  กลิ่นฟางหญ้าเน่าโชยมาแตะจมูก   หวนคิดถึงสมัยเด็ก  ตอนชาวนาย่ำนา  เราเด็กๆจะพากันออกมาตีปลา  ที่เมาน้ำ  สมัยก่อนปลาเยอะแยะ  ตีกันได้มากมาย  บางทีเพลิน  กว่าจะกลับบ้านตกไปบ่ายโมง  ปลาที่ตีมาแต่เช้าอยู่ข้างล่างตะข้อง  จะเน่าเสีย  ใช้ได้แต่พวกอยู่ข้างบน  เนื้อตัวเลอะเทอะสกปรกมอมแมม  เสื้อผ้าไม่รู้ว่าสีเดิมเป็นสีอะไร  กลิ่นโคลน ฟางเน่า หญ้าเน่า ผสมปนรวมกับกลิ่นเหงื่อไคล  แยกไม่ออกว่า กลิ่นอะไรเป็นอะไร  แต่พวกเราก็แข็งแรงมีภูมิต้านทาน  เจ็บไข้ได้ป่วย นับว่าเรื่องเล็ก กินยาเขียวบ้าง เอ เอ็น ที บ้าง  หนักหน่อยก็บูรา  เสร็จแล้วนอนห่มผ้าให้เหงื่อออก  ตอนเย็นก็ไปเตะบอลได้แล้ว   นานๆๆๆๆสักทีที่ต้องพึ่งหมอ  ส่วนมากก็หมอเสนารักษ์ ปลดทหารมาตั้งตัวเป็นหมอ รับฉีดยา เย็บแผลในหมู่บ้าน หายบ้าง เป็นโปลิโอไปบ้างตามเรื่องตามราวเพราะฉีดไปโดนเส้นหรือเข็มไม่สะอาดพอ  ไม่มีฟ้องร้อง ร้องเรียนใคร ก้มหน้าก้มตารับกรรมไป ตามประสา

     ขี่เลย รร.เรืองเดชมาหน่อย เจอเด็กน้อย 4 คน ประมาณ 7-8 ขวบ เดินมาเป็นกลุ่ม ถามว่าไปไหนกัน เด็กบอกไปยิงนกครับ  หน้าที่หาอาหารการกิน เป็นหน้าที่ของสมาชิกทุกคนในครอบครัว  ตอนผมเจอเด็กกลุ่มนี้เป็นเวลา 6.30 น.  เขาออกหาอาหารกันแล้ว  ขณะที่เด็กในเมือง ยังไม่ตื่นเลย ในกลุ่มนี้ มี 2 คนไม่ใส่รองเท้า 1คนไว้ผมเปีย บ่งบอกสภาพทางครอบครัวได้เป็นอย่างดี  แต่สังเกตุจากคำพูดที่มีหางเสียง สำเนียงที่นอบน้อม แสดงว่่าเด็กได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี  ตอนสมัยผมยังเด็ก  การหาอาหารก็ตกมาถึงผมโดยไม่มีการมอบหมาย เก็บเห็ด  ผัก  จับปลา  แต่ไม่ยิงนก  ผมสงสารมัน จับปลานี่ของชอบเลย  ปักเบ็ด  ตกปลา วิดคูน้ำ  วางข่าย แม้กระทั่ง ล้วงรูปูเพื่อจับปลาที่มุดรูหนี  ทำมาสารพัด นับหมื่นแสนชีวิตที่ผมสังหารไป  แต่ก็เพื่อต่อลมหายใจของตัวเองและครอบครัว คงไม่บาปเท่าไหร่มั้ง   เลยมาหน่อยถึงทางแยก เลี้ยวซ้ายมาทางหนองโขลง  ผ่านวัดหนองโขลง  เมื่อก่อนมี รร. ตอนนี้ไม่เห็นมี  น่ากลัวโดนยุบไปแล้ว วัดเล็กๆ แต่สะอาด ร่มรื่น   ขี่ผ่านมาตามทางเลียบคลอง  ชาวบ้านปลูกกล้วยบ้าง  มะละกอบ้าง ข้าวโพดก็มี เป็นทิวแถวริมคลอง  ไม่ปล่อยที่ให้ว่างร้างเปล่า    อีกฝั่งเป็นที่รกร้าง เต็มไปด้วยพุทราป่า  ที่ขึ้นเองเป็นดงไปหมด  แต่ไม่ยักเห็นฝรั่งขี้นกเลย  ตอนเด็กๆ อาหารว่างของพวกเราเด็กบ้านนอก  ก็หนีไม่พ้นผลไม้พวกนี้ ตะขบอีกอย่าง  ตอนนั้นผมคิดว่าตะขบเป็นผลไม้ที่อร่อยที่สุดในโลก  มันหวานหอมเหลือเกิน ยิ่งลูกแดงใหญ่ๆ  ยิ่งสุดยอด

              ผมยังคงขี่มาเรื่อยๆจนผ่านอนุสาวรีย์ค่ายบางระจัน   นึกตั้งจิตอธิษฐาน  ขอให้ดวงวิญญาณวีระชน ชาวบ้านบางระจัน  ช่วยปกปักรักษา รัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์  ให้รอดปลอดภัยจากอุปสรรคและขวากหนามทั้งปวงด้วยเถิด  ความจริงแล้ว 2 จุดตายของรัฐบาลมาถึงแล้ว  เมื่อตัดสินใจลดราคาข้าวลงมา  และอีกอย่างก็คือยาบ้าที่ระบาดอยู่  มิได้ลดน้อยลงเลย  ยังคงแพร่ระบาดอย่างมากในสังคม  เข้าทำลายฐานรากของประเทศอย่างรุนแรง   แม้ว่าจะจับได้มหาศาล  แต่ว่าที่รอดหลุดมาก็มากกว่านับสิบเท่า  ทางเดียวที่จะหยุดมันได้ก็แค่  ขออีก2500 ศพเท่านั้นเอง  ไม่งั้นไม่มีทาง ขนาดอยู่ในคุกมันยังค้า  ฉะนั้น นรกเท่านั้นเป็นหนทางหยุดพวกมัน

          ขี่ผ่านมาถึงตลาดท่าข้าม ตลาดแห่งนี้ผมชอบมาตอนเย็นๆ  ชอบมาซื้อปลาปล่อย  ไถ่บาปที่ทำสมัยเด็ก  ผมปล่อยปลามาสิบกว่าปีแล้ว ผมไม่ฆ่าสัตว์มานานเท่าๆกัน  ไม่รู้ว่าบาปกรรมจะลดลงบ้างไหม  ตลาดนี้ชาวบ้านจะหาของมาขาย  ผักผลไม้  ปลา อาหาร อร่อย ราคาถูก  หากมีโอกาสผ่านมา เวลาประมาณบ่ายสามเป็นต้นไป ข้าวของเยอะมากโดยเฉพาะปลา  ชาวบ้านจะไปตีอวน วิดบ่อ จับมาขายสดๆ เป็นๆ ผมจะหาเวลามาซื้อไปปล่อยเสมอ

          ผ่านตลาดท่าข้ามขี่เรื่อยมา ถึงวัดพระนอน วันนี้ไม่เหนื่อยเลย ไม่มีแดด ฝนตกปรอยๆ  ไม่กินน้ำเลยสักหยด  สปอนเซอร์ไม่ได้กินเลย ไม่มีเหงื่อ  ขี่แบบผมไม่สนใจ AV  Maxspeed ระยะทาง เวลา แคลอรี่  สนใจแต่สภาพข้างทาง  เสียงนกร้อง สายลม แสงแดด และเหล่าหมาๆที่มักวิ่งไล่กัด  เวลาขี่ผ่านไป  จนมาถึงบ้านเวลาแปดโมง รวมระยะทาง 40 กม.พอดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่