ในชีวิต ใครเจอพระที่กราบได้อย่างสนิทใจบ้างส่วนตัวผม เจอเพียง สององค์ แต่ไม่ขอบอกวัด หรือที่อยู่นะครับ ขอเล่าปฎิปทา ของท่านก็พอ ใครเจอพระปฏิบัติดีปฎิบัติชอบเอามาเผยแพร่กันครับ
รูปแรก ย้อนกลับไป ราวๆ น่าจะร่วมสิบปีแล้ว ตอนนั้น วิถีชิวิต ต้องให้กลับไปอยู่บ้าน เมืองสุพรรณฯ ก็ไปยึดอาชีพขายน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋กับแฟน ตอนเช้าๆก็ไปขายตีสี่ หกโมงเจ็ดโมงก็กลับ หมดบ้างไม่หมดบ้าง เพราะตลาดมันวาย จนมีอยู่วันหนึ่ง ขับรถกลับบ้าน เห็นพระบิณฑบาตร เดินเข้าไปในทุ่งนานู่น ซึ่งก็ไม่มีวัด เพราะแถวนั้นเป็นป่า รกชัด เป็นทุ่งนา
จนมีโอกาสอีกหลายวัน สอบถาม ร้านค้าแถวนั้น เขาว่าเป็นพระธุดงค์มา ส่วนตัวเป็นคนชอบทำบุญ อีกสองสามวันก็เลยเอาน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ และของจิปาถะไปถวาย แวบแรกที่เห็น เป็นพระหนุ่ม น่าจะราวๆ สามสิบห้า รูปร่างผอม ขออนุญาติเปรียบเทียบ(เพียงรูปร่างนะครับ) เหมือนเจ้าคุณนรรัตน์ หน้าตายิ้มแย้ม พูดจาเพราะมากก็เอาของถวายท่าน ที่ท่านอยู่ ปลูกเป็นกระท่อมยาวและใหญ่ น่าจะประมาณ สองห้อง และก็มีกระต๊อบหน้าติดถนนอีกกระต๊อบ มีท่านอยู่องค์เดียว และก็พระประธานองค์หนึ่ง และ หนังสือเยอะมาก แนวๆสาย หลวงปู่ดู่ ประมาณนั้น แต่ตอนนั้น ก็แค่ พุทธบริษัทความรู้น้อย ทำบุญก็หวังร่ำรวย ก็ขอของดีท่าน ท่านให้ศีลให้พรมาเพียบ(เรานึกว่าจะได้ พระสักองค์สององค์) แต่ก็มีโอกาสจะไปทำบุญเรื่อยๆ

จนเริ่มมีคนมาเยอะ ส่วนมากมาจาก กทม.. รู้ได้ไงไม่รู้ เริ่มมีการสร้างนั่นสร้างนี่เยอะแยะ หลังๆท่านก็ว่า วุ่นวายอยากกลับไปอยู่ที่เก่า ผมก็เลยถามว่าที่ใหน ท่านว่า ปกติท่านอยู่ ที่ป่าช้าเมืองกาญ เงียบสงบ ไม่ค่อยวุ่นวาย แต่ก็อยากธุดงค์ จนท่านมาเจอที่นี่ สงบดี มีแต่ต้นไม้ แต่ไม่รก สกปรก ป่าโล่ง เหมาะแก่การนั่งสมาธิวิปัสสนาแต่เพราะปากต่อปาก บางคนมาหา มาไหว้ท่าน แล้วไปได้โชค ได้ลาภ ก็ปากต่อปาก จนท่านกลายเป็นผู้วิเศษ แล้วหลังๆ เห็นมีการก่อสร้างให้ท่านอย่างใหญ่โต เห็นว่ามี คนจากกทม.มาสร้าง ศาลาให้ (ตอนที่ผมอยู่เมืองไทย สร้างใกล้เสร็จแล้ว แต่หลักๆท่านอยู่กระท่อมหลังเก่า) มีพระพุทธรูปเยอะมาก และที่สำคัญ มีสาธุชนสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เห็นว่า งบ สี่ล้าน มีการสร้างพระเครื่อง (เห็นว่าเป็นรุ่นเดียวของท่าน) เพื่อเอามาสร้าง พระพุทธรูป
จนหลังๆ เข้าหาท่านยากไม่เหมือนตอนที่ผมเจอท่านใหม่ๆ ไม่มีคนไปเลย เงียบมาก จนท่านเปรยๆว่า ท่านอยากกลับไปเมืองกาญแล้ว วุ่นวาย ผมก็แย้งท่านว่า วัดสร้างใหญ่โตแล้ว ท่านจะทิ้งไปได้อย่างไร และผมก็ขอลาท่าน ว่า เดือนหน้าผมจะไปเมืองจีนแล้ว อยากขอพระท่านไปเป็นที่สักการะบูชา ท่านว่าตอนนี้ท่านไม่มีหรอก อีกสักสองอาทิตย์มานะเดี๋ยวทำไว้ให้ ผมก็เลยขอให้พี่สาวด้วย (ขอสอง)
จนเวลาผ่านไปก่อนไป ผมก็ไปกราบลาท่าน ท่านให้พระสิวลี (ท่านหล่อเอง งานแฮนเมด องค์เดียวในโลก ผมภูมิใจมาก) ท่านก็เอามาให้ผมเป็นที่ระลึก มาจนถึงทุกวันนี้ และให้พระประจำวันเกิดพี่สาว องค์ประมาณคืบหนึ่ง แต่ตอนนั้นผมไม่มีตังค์ ผมเลยใส่ซองไปสองร้อยเอง(พระผง ราคานี้ยังไม่ได้) ท่านก็ไม่สนใจ ยินดียินร้าย ให้ศีลให้พรเยอะมาก และท่านก็เหมือนพูดว่า กลับมาท่านอาจไม่อยู่ที่นี่แล้วนะ ผมก็รับฟัง จนผ่านไป ผมมาอยู่เมืองจีน โทรไปหาแม่ให้เอาของไปถวายท่านหน่อย แม่บอกว่า ท่านไปธุดงค์แล้ว ไม่รู้ว่าไปใหน ปล่อยวัดไว้ (เห็นว่ามีพระแถวนั้นไปจับจองอยู่แล้ว แต่คนก็ไม่ขึ้น ตอนนั้นท่านอยู่คนเดียว) จนมีคนว่า ท่านกลับไปอยู่ในป่าช้าเหมืิอนเก่าแล้ว ทำให้ผมคิดว่า ท่านไม่ห่วง ไม่ยึดติดวัดวาอารามเลย เป็นผมถ้ามีคนขึ้นขนาดนี้ สร้างวัดได้ใหญ่โต(สำนักสงฆ์) ลาภสักการะ คงบังเกิดแน่ๆ แต่ท่านกลับทิ้งไป อย่างไม่ใยดี เห็นว่า ท่านก็หิ้วไปแต่เพียงย่ามกับของท่านที่เคยมาแค่นั้น..ยังไม่มีโอกาสได้ไปกราบท่านอีกสักครั้ง ท่านไม่ใช้มือถือด้วย เสียดาย
ส่วนอีกรูป วันหลังจะเอามาลงนะครับ (เป็นความศรัทธาเฉพาะบุคคล เอามาแบ่งปันประสบการณ์ครับ)
พระที่ดี ปัจจุบันมีอยู่จริง ช่วยกันแชร์ที่พอรู้จักกันดีกว่าครับ
รูปแรก ย้อนกลับไป ราวๆ น่าจะร่วมสิบปีแล้ว ตอนนั้น วิถีชิวิต ต้องให้กลับไปอยู่บ้าน เมืองสุพรรณฯ ก็ไปยึดอาชีพขายน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋กับแฟน ตอนเช้าๆก็ไปขายตีสี่ หกโมงเจ็ดโมงก็กลับ หมดบ้างไม่หมดบ้าง เพราะตลาดมันวาย จนมีอยู่วันหนึ่ง ขับรถกลับบ้าน เห็นพระบิณฑบาตร เดินเข้าไปในทุ่งนานู่น ซึ่งก็ไม่มีวัด เพราะแถวนั้นเป็นป่า รกชัด เป็นทุ่งนา
จนมีโอกาสอีกหลายวัน สอบถาม ร้านค้าแถวนั้น เขาว่าเป็นพระธุดงค์มา ส่วนตัวเป็นคนชอบทำบุญ อีกสองสามวันก็เลยเอาน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ และของจิปาถะไปถวาย แวบแรกที่เห็น เป็นพระหนุ่ม น่าจะราวๆ สามสิบห้า รูปร่างผอม ขออนุญาติเปรียบเทียบ(เพียงรูปร่างนะครับ) เหมือนเจ้าคุณนรรัตน์ หน้าตายิ้มแย้ม พูดจาเพราะมากก็เอาของถวายท่าน ที่ท่านอยู่ ปลูกเป็นกระท่อมยาวและใหญ่ น่าจะประมาณ สองห้อง และก็มีกระต๊อบหน้าติดถนนอีกกระต๊อบ มีท่านอยู่องค์เดียว และก็พระประธานองค์หนึ่ง และ หนังสือเยอะมาก แนวๆสาย หลวงปู่ดู่ ประมาณนั้น แต่ตอนนั้น ก็แค่ พุทธบริษัทความรู้น้อย ทำบุญก็หวังร่ำรวย ก็ขอของดีท่าน ท่านให้ศีลให้พรมาเพียบ(เรานึกว่าจะได้ พระสักองค์สององค์) แต่ก็มีโอกาสจะไปทำบุญเรื่อยๆ
จนเริ่มมีคนมาเยอะ ส่วนมากมาจาก กทม.. รู้ได้ไงไม่รู้ เริ่มมีการสร้างนั่นสร้างนี่เยอะแยะ หลังๆท่านก็ว่า วุ่นวายอยากกลับไปอยู่ที่เก่า ผมก็เลยถามว่าที่ใหน ท่านว่า ปกติท่านอยู่ ที่ป่าช้าเมืองกาญ เงียบสงบ ไม่ค่อยวุ่นวาย แต่ก็อยากธุดงค์ จนท่านมาเจอที่นี่ สงบดี มีแต่ต้นไม้ แต่ไม่รก สกปรก ป่าโล่ง เหมาะแก่การนั่งสมาธิวิปัสสนาแต่เพราะปากต่อปาก บางคนมาหา มาไหว้ท่าน แล้วไปได้โชค ได้ลาภ ก็ปากต่อปาก จนท่านกลายเป็นผู้วิเศษ แล้วหลังๆ เห็นมีการก่อสร้างให้ท่านอย่างใหญ่โต เห็นว่ามี คนจากกทม.มาสร้าง ศาลาให้ (ตอนที่ผมอยู่เมืองไทย สร้างใกล้เสร็จแล้ว แต่หลักๆท่านอยู่กระท่อมหลังเก่า) มีพระพุทธรูปเยอะมาก และที่สำคัญ มีสาธุชนสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เห็นว่า งบ สี่ล้าน มีการสร้างพระเครื่อง (เห็นว่าเป็นรุ่นเดียวของท่าน) เพื่อเอามาสร้าง พระพุทธรูป
จนหลังๆ เข้าหาท่านยากไม่เหมือนตอนที่ผมเจอท่านใหม่ๆ ไม่มีคนไปเลย เงียบมาก จนท่านเปรยๆว่า ท่านอยากกลับไปเมืองกาญแล้ว วุ่นวาย ผมก็แย้งท่านว่า วัดสร้างใหญ่โตแล้ว ท่านจะทิ้งไปได้อย่างไร และผมก็ขอลาท่าน ว่า เดือนหน้าผมจะไปเมืองจีนแล้ว อยากขอพระท่านไปเป็นที่สักการะบูชา ท่านว่าตอนนี้ท่านไม่มีหรอก อีกสักสองอาทิตย์มานะเดี๋ยวทำไว้ให้ ผมก็เลยขอให้พี่สาวด้วย (ขอสอง)
จนเวลาผ่านไปก่อนไป ผมก็ไปกราบลาท่าน ท่านให้พระสิวลี (ท่านหล่อเอง งานแฮนเมด องค์เดียวในโลก ผมภูมิใจมาก) ท่านก็เอามาให้ผมเป็นที่ระลึก มาจนถึงทุกวันนี้ และให้พระประจำวันเกิดพี่สาว องค์ประมาณคืบหนึ่ง แต่ตอนนั้นผมไม่มีตังค์ ผมเลยใส่ซองไปสองร้อยเอง(พระผง ราคานี้ยังไม่ได้) ท่านก็ไม่สนใจ ยินดียินร้าย ให้ศีลให้พรเยอะมาก และท่านก็เหมือนพูดว่า กลับมาท่านอาจไม่อยู่ที่นี่แล้วนะ ผมก็รับฟัง จนผ่านไป ผมมาอยู่เมืองจีน โทรไปหาแม่ให้เอาของไปถวายท่านหน่อย แม่บอกว่า ท่านไปธุดงค์แล้ว ไม่รู้ว่าไปใหน ปล่อยวัดไว้ (เห็นว่ามีพระแถวนั้นไปจับจองอยู่แล้ว แต่คนก็ไม่ขึ้น ตอนนั้นท่านอยู่คนเดียว) จนมีคนว่า ท่านกลับไปอยู่ในป่าช้าเหมืิอนเก่าแล้ว ทำให้ผมคิดว่า ท่านไม่ห่วง ไม่ยึดติดวัดวาอารามเลย เป็นผมถ้ามีคนขึ้นขนาดนี้ สร้างวัดได้ใหญ่โต(สำนักสงฆ์) ลาภสักการะ คงบังเกิดแน่ๆ แต่ท่านกลับทิ้งไป อย่างไม่ใยดี เห็นว่า ท่านก็หิ้วไปแต่เพียงย่ามกับของท่านที่เคยมาแค่นั้น..ยังไม่มีโอกาสได้ไปกราบท่านอีกสักครั้ง ท่านไม่ใช้มือถือด้วย เสียดาย
ส่วนอีกรูป วันหลังจะเอามาลงนะครับ (เป็นความศรัทธาเฉพาะบุคคล เอามาแบ่งปันประสบการณ์ครับ)