ในขณะที่อาร์เซนอลมีแนวโน้มว่าจะได้ กอนซาโล่ อิกวาอิน ที่ราคาตกราวๆ
22 ล้านปอนด์..ในความหมายที่จะบอกว่า ถ้าหากว่าพวกเค้าได้สตาร์มาดริดที่ราคานี้จริงนั่นหมายถึงระดับโลกของแท้จะมาที่นี่ด้วยราคาที่เหมาะสมอย่างที่สุด..วัดตอนท๊อปฟอร์ม นักเตะที่จบสกอร์ได้คมระดับ 1 ใน 5 ของโลกกำลังจะมาที่นี่ หมอนี่อายุยังน้อยแต่ระดับนั้นไม่หนีสตาร์อย่าง เอลกุน หรือคู่แข่งอย่าง เบนเซม่าเลย เด็กหนุ่มที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้วที่เรอัลมาดริด ทั้งเทคนิค การวิ่งหาช่อง และ สัญชาติญาณการจบสกอร์..22 ล้านปอนด์ หาไหนไม่ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะที่อังกฤษ..ซึ่งอาจจะรวมไปถึง
เฆซุส นาบาส แฟร์นานดิญโญ่ หรือ
มาร์ฮิตาร์ยาน และถ้าหาก
"สมมุติ" ว่าวันใดที่วันเดอร์คิดอย่าง
อัลคันตาร่า โยกตูดมาที่ยูไนเต็ดจริงที่ราคา 15.6 ล้านปอนด์จริง..นั่นจะหมายถึงจุดสิ้นสุดกลายๆของตลาดนักเตะอังกฤษทันที มันจะเหมือนกับการฉีกหน้ากาก จากการเปรียบเทียบราคากับนักเตะเลือดผู้ดี รวมไปถึง อุดปากนักวิจารณ์ที่นี่ไปอีกระดับอย่างเลี่ยงไม่ได้..
สิ่งที่เรากำลังจะพูดคือ Balance ระหว่างคุณภาพและราคาสำหรับที่นี่..คุณลองนึกถึง ฟิลโจนส์ นักเตะที่โดน เอลกุน ล๊อกหลบหลักแทบหัก คือเด็กหนุ่มที่มีราคาถึง 16 ล้านปอนด์ ตามฉายาที่สื่ออังกฤษกล้าที่จะเรียกหมอนี่ว่า
"นิวบาเรซี่ "...ประเทศที่เรียกระดับเทคนิคจากคลิปที่
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เดาะบอลอัดกับกำแพงว่า
"Amazing skill" เทคนิคระดับพื้นฐานที่เด็กบราซิลจากชายหาดโคปาคาบาน่าทุกคนจะทำมันได้ ที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือพวกเค้าคิดว่ามันปรกติที่จะยอมจ่ายค่าเทคนิคในระดับนี้ที่ 16 ล้าน?..เฮนเดอร์สัน นักเตะที่อาจจะแพงกว่า อัลคันตาร่า.. เบรนเดนส์ ร๊อดเจอรส์ อาจจะไมเกรนขึ้นทุกครั้งเมื่อคิดถึงภาพที่ เคนนี่ ดัลกลิช นั่งไทม์แมชชีนจาก 20 ปีก่อนมาที่ปัจจุบัน และเร่งรีบที่จะคว้าตัวศุนย์หน้าสไตล์โบราณในอุดมคติอย่าง
แอนดี้ แคร์โรล ด้วยเงินของสโมสรที่ 35 ล้านปอนด์,
จูเลี่ยน เลสค๊อต และ
เจมส์ มิลเนอร์ คือตัวสำรองอดทนของซิตี้ที่ราคา 25 ล้าน,
สจ๊วร์ด ดาวนิ่ง อาจถูกกว่าอิกวาอินแค่ 2 ล้าน และ
คริส สมอลลิ่ง ย้ายจากทีมสำรองของฟูแล่มมายูไนเต็ดด้วยค่าตัว 12 ล้าน คำถามคือค่าตัวหมอนี่ควรจะแพงกว่า ว่าที่สตาร์ระดับโลกของ เรอัลมาดริด อย่าง
ราฟาเอล วาราน งั้นหรือ....?
ราคานักเตะอังกฤษโอเวอร์เรทมหาศาลมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อสื่อต่างเชิดชูกันเกินหน้ารวมไปถึงราคาจากสัญชาตินั้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่ว่าสองอาจเป็นสามเท่า.. เห็นได้ชัดว่ากฎโฮมโกรนนั้นบีบให้ เฟอร์กูสัน ต้องยอมจ่ายถึง 12 ล้านปอนด์เพื่อวัดดวงกับดาวรุ่งโนเนมอย่าง
ซาฮา ทั้งๆที่อยู่ในแชมเปี้ยนส์ชิพ เีพียงแค่เพราะว่าหมอนี่แค่
"ดูดี" กว่าคนอื่นๆ และนั่นก็เพราะว่านักเตะอังกฤษที่
"ดูดี" นั้นหายากขึ้นเรื่อยๆ ..
ผมไม่รู้หรอกนะว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า แต่พัฒนาการของพรีเมียร์ลีกจากท๊อปเจ็ดจะเกิดขึ้นโดยไม่มีผู้จัดการทีมชาวอังกฤษเหลืออยู่เลย พวกเค้ามี สองผู้จัดการทีมชั้นนำชาวโปรตุเกส โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ, มานูเอล หลุยส์ เปเยกรินี่, อาร์แซน เวนเกอร์ ชาวฝรั่งเศสที่เก็บรักษา
แจ็ค วิลเชียร์ อัจฉริยะคนสุดท้ายของอังกฤษเอาไว้ และไกล้เคียงที่สุดคือเกรทบริเทนอย่่าง ร๊อดเจอร์สที่ถือสัญชาติ เวลส์ และ เลือดตาร์ตันแท้ๆอย่าง เดวิด มอยส์ ... แน่นอนว่าผลที่ตามมาคือ หากว่าใครมีเงินซัก 15 หรือว่า 20 ล้านปอนด์ในตอนนี้ พวกเค้าจะซื้อตั๋วและบินไปที่ สเปน ฝรั่งเศส หรือ โปรตุเกส เพื่อมองหาจุดค้มทุนที่โอเค แทนที่จะไปมองหาเด็กหนุ่มชาวอังกฤษเหมือนเมื่อก่อน..
ทั้งๆที่มันไม่ใช่ความผิดของเด็กๆจากที่นี่..มันคือผลกระทบจากระบบพัฒนาเยาวชนของที่นี่ เราเห็นว่าอีโก้พวกเค้าสุดโต่งแค่ไหน เอฟเออังกฤษเข้าใจมาตลอดว่าพวกเค้าคือเต้ยมาแต่ไหนแต่ไร และสื่อที่นี่ต่างก็โอ้อวด พร้อมกับกรอกหูแฟนบอลของพวกเค้าเองว่าเราเจ๋งที่สุด คุณจะทำอะไรได้?..ในเมื่อ 10-20 ปีก่อนพวกเค้ามองหาแต่เด็กๆที่ร่างกายแข็งแกร่ง หรือไม่ก็ วิ่งเร็วเป็นจรวด มากกว่าจะวัดกันที่ระดับของเทคนิค ต่อมาในขณะที่โค๊ชอังกฤษที่ปลูกฝังแนวคิดแบบโบราณและสร้างเยาวชนเหล่านั้นค่อยๆทยอยหมดโอกาสคุมทีมใหญ่ พวกเค้าต้องก้มหัวยอมรับฝีมือของผู้จัดการทีมต่างชาติของจริงที่นำเอาแท็กติกส์ระดับสูง และ ระบบการเล่นสมัยใหม่มาใช้ที่นี่ มันเหมือนกับการต้องยอมรับชะตากรรมในบางอย่างที่พวกเค้าได้ทำเอาไว้..แต่คนที่โดนผลกระทบที่หนักที่สุดคือ เด็กหนุ่มจากที่นี่ เด็กๆที่เป็นอนาคตของอังกฤษเหล่านี้เติบโตมาด้วยการเล่นที่ไร้จินตนาการ พวกเค้าแข็งแกร่ง พวกเค้าโยน พวกเค้าวิ่ง และชื่นชอบที่จะเสียบสกัดเป็นชีวิตจิตใจ แต่นั่นจะมีประโยชน์อะไรเมื่อไร้ซึ่งจินตนาการ และ ปราศจาก ระดับเทคนิคที่จะใช้เก็บ หรือ ครองบอลเอาไว้?..
แต่สิ่งนึงที่เราทุกคนรู้คือไม่มีทางที่คนอังกฤษจะออกมาพูดว่า
"ใช่ละ พวกเราอวดเก่งเองทั้งๆที่ห่วย สเปน และ เยอรมันนำหน้าเราไปไกลแล้ว".. แต่หากพวกเค้าไม่ยอมรับ อีกร้อยปีจากนี้อังกฤษก็จะทำได้แค่วิ่งตามหลังชาติอื่นอยู่อย่างนี้..นักเตะที่นี่จะโกรธ และ หงุดหงิดเสมอ แต่สุดท้ายพวกเค้าก็จะก้มหน้ายอมรับว่าไม่สามารถเข้าไกล้นักเตะอย่าง
อันเดรียส อิเนียสต้า โดยไม่ทำฟาวล์ไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้ผู้เล่นกี่คนก็ตาม...ด้วยเหตุผลง่ายๆคืออีกร้อยปีต่อจากนี้ตราบใดที่ฟุตบอลยังคงเป็นกีฬาที่บังคับลูกฟุตบอลด้วยเท้าของผู้เล่น
"เทคนิค" ก็จะยังคงสำคัญที่สุดอยู่ดี..
ที่สเปนเมื่อคุณโยนบอลไปให้กับ บุสเกต์ ชาบี อิเนียสต้า และ ฟาเบรกัส เราจะเข้าใจได้ทันทีว่าอีกห้านาที่หลังจากนี้จะไม่มีใครหน้าไหนได้แตะฟุตบอลลูกนี้อีก..หรือมองไปที่นักเตะอย่าง อาร์เยน ร๊อบเบน ริเบรี่ หรือ โรนัลโด้ นักเตะที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับลูกฟุตบอล และมั่นใจได้ว่าด้วยระดับเทคนิคที่มีจะไม่มีใครแย่งมันไปจากเท้าของพวกเค้าได้..ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันที่อังกฤษ เวนย์ รูนีย์ นักเตะค่าเหนื่อย 250,000 ปอนด์ของที่นี่ หมดหนทางที่จะพัฒนา first touch ได้ดีกว่า โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ อะไรที่เราเห็น ลิโอเนล เมสซี่ ทำได้มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มที่นี่เช่นเดียวกัน..ยิ่งพวกเค้าหลอกตัวเองมากเท่าไหร่ ปัญหาที่ตามมามันจะยิ่งหนักขึ้นทุกครั้ง เด็กที่นี่ไม่ผิดหรอกนะผมว่า มันไม่ใช่ว่าเด็กที่นี่ไม่มีโอกาส แต่นั่นเพราะว่าผู้ใหญ่บางคนได้ทำลายโอกาสที่ว่า โดยทางอ้อมไปตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้วต่างหาก..ใช่หรือเปล่าล่ะ
แม้มันจะเกี่ยวเนื่องกัน แต่ระบบจะยังหมุนต่อไป ตราบใดที่นักเตะต่างชาติฝีเท้าดี หรือ ผู้จัดการทีมระดับท๊อปก้าวเข้ามาที่นี่พรีเมียร์ลีกก็จะก้าวต่อไป ลีกอังกฤษจะถูกขับเคลื่อนไปด้วยแฟนบอล และส่วนประกอบหลักเหล่านี้ ขณะที่ทีมชาติอังกฤษที่ธรรมดาอยู่แล้ว กำลังจะกลายเป็นทีมระดับธรรมดาลงไปอีกเมื่อต้องวัดกับของจริงอย่าง บราซิล สเปน หรือ เยอรมัน ในบอลโลกปีหน้า และ จากแนวโน้มความล้มเหลวของทีมชาติอย่างต่อเนื่อง บางทีนั่นอาจจะเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะเปิดทางให้พวกเค้ายอมรับ และ นำชาติปฐมภูมิแห่งลูกหนัง ก้าวออกมาจากกะลามะพร้าวเล็กๆนั่นเสียที..
...
เมื่อเหล่าซุปเปอร์สตาร์บุกมาเปิดกะลาให้อังกฤษ ...
ในขณะที่อาร์เซนอลมีแนวโน้มว่าจะได้ กอนซาโล่ อิกวาอิน ที่ราคาตกราวๆ 22 ล้านปอนด์..ในความหมายที่จะบอกว่า ถ้าหากว่าพวกเค้าได้สตาร์มาดริดที่ราคานี้จริงนั่นหมายถึงระดับโลกของแท้จะมาที่นี่ด้วยราคาที่เหมาะสมอย่างที่สุด..วัดตอนท๊อปฟอร์ม นักเตะที่จบสกอร์ได้คมระดับ 1 ใน 5 ของโลกกำลังจะมาที่นี่ หมอนี่อายุยังน้อยแต่ระดับนั้นไม่หนีสตาร์อย่าง เอลกุน หรือคู่แข่งอย่าง เบนเซม่าเลย เด็กหนุ่มที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้วที่เรอัลมาดริด ทั้งเทคนิค การวิ่งหาช่อง และ สัญชาติญาณการจบสกอร์..22 ล้านปอนด์ หาไหนไม่ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะที่อังกฤษ..ซึ่งอาจจะรวมไปถึง เฆซุส นาบาส แฟร์นานดิญโญ่ หรือ มาร์ฮิตาร์ยาน และถ้าหาก "สมมุติ" ว่าวันใดที่วันเดอร์คิดอย่าง อัลคันตาร่า โยกตูดมาที่ยูไนเต็ดจริงที่ราคา 15.6 ล้านปอนด์จริง..นั่นจะหมายถึงจุดสิ้นสุดกลายๆของตลาดนักเตะอังกฤษทันที มันจะเหมือนกับการฉีกหน้ากาก จากการเปรียบเทียบราคากับนักเตะเลือดผู้ดี รวมไปถึง อุดปากนักวิจารณ์ที่นี่ไปอีกระดับอย่างเลี่ยงไม่ได้..
สิ่งที่เรากำลังจะพูดคือ Balance ระหว่างคุณภาพและราคาสำหรับที่นี่..คุณลองนึกถึง ฟิลโจนส์ นักเตะที่โดน เอลกุน ล๊อกหลบหลักแทบหัก คือเด็กหนุ่มที่มีราคาถึง 16 ล้านปอนด์ ตามฉายาที่สื่ออังกฤษกล้าที่จะเรียกหมอนี่ว่า "นิวบาเรซี่ "...ประเทศที่เรียกระดับเทคนิคจากคลิปที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เดาะบอลอัดกับกำแพงว่า "Amazing skill" เทคนิคระดับพื้นฐานที่เด็กบราซิลจากชายหาดโคปาคาบาน่าทุกคนจะทำมันได้ ที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือพวกเค้าคิดว่ามันปรกติที่จะยอมจ่ายค่าเทคนิคในระดับนี้ที่ 16 ล้าน?..เฮนเดอร์สัน นักเตะที่อาจจะแพงกว่า อัลคันตาร่า.. เบรนเดนส์ ร๊อดเจอรส์ อาจจะไมเกรนขึ้นทุกครั้งเมื่อคิดถึงภาพที่ เคนนี่ ดัลกลิช นั่งไทม์แมชชีนจาก 20 ปีก่อนมาที่ปัจจุบัน และเร่งรีบที่จะคว้าตัวศุนย์หน้าสไตล์โบราณในอุดมคติอย่าง แอนดี้ แคร์โรล ด้วยเงินของสโมสรที่ 35 ล้านปอนด์,จูเลี่ยน เลสค๊อต และ เจมส์ มิลเนอร์ คือตัวสำรองอดทนของซิตี้ที่ราคา 25 ล้าน, สจ๊วร์ด ดาวนิ่ง อาจถูกกว่าอิกวาอินแค่ 2 ล้าน และ คริส สมอลลิ่ง ย้ายจากทีมสำรองของฟูแล่มมายูไนเต็ดด้วยค่าตัว 12 ล้าน คำถามคือค่าตัวหมอนี่ควรจะแพงกว่า ว่าที่สตาร์ระดับโลกของ เรอัลมาดริด อย่าง ราฟาเอล วาราน งั้นหรือ....?
ราคานักเตะอังกฤษโอเวอร์เรทมหาศาลมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อสื่อต่างเชิดชูกันเกินหน้ารวมไปถึงราคาจากสัญชาตินั้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่ว่าสองอาจเป็นสามเท่า.. เห็นได้ชัดว่ากฎโฮมโกรนนั้นบีบให้ เฟอร์กูสัน ต้องยอมจ่ายถึง 12 ล้านปอนด์เพื่อวัดดวงกับดาวรุ่งโนเนมอย่าง ซาฮา ทั้งๆที่อยู่ในแชมเปี้ยนส์ชิพ เีพียงแค่เพราะว่าหมอนี่แค่ "ดูดี" กว่าคนอื่นๆ และนั่นก็เพราะว่านักเตะอังกฤษที่ "ดูดี" นั้นหายากขึ้นเรื่อยๆ ..
ผมไม่รู้หรอกนะว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า แต่พัฒนาการของพรีเมียร์ลีกจากท๊อปเจ็ดจะเกิดขึ้นโดยไม่มีผู้จัดการทีมชาวอังกฤษเหลืออยู่เลย พวกเค้ามี สองผู้จัดการทีมชั้นนำชาวโปรตุเกส โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ, มานูเอล หลุยส์ เปเยกรินี่, อาร์แซน เวนเกอร์ ชาวฝรั่งเศสที่เก็บรักษา แจ็ค วิลเชียร์ อัจฉริยะคนสุดท้ายของอังกฤษเอาไว้ และไกล้เคียงที่สุดคือเกรทบริเทนอย่่าง ร๊อดเจอร์สที่ถือสัญชาติ เวลส์ และ เลือดตาร์ตันแท้ๆอย่าง เดวิด มอยส์ ... แน่นอนว่าผลที่ตามมาคือ หากว่าใครมีเงินซัก 15 หรือว่า 20 ล้านปอนด์ในตอนนี้ พวกเค้าจะซื้อตั๋วและบินไปที่ สเปน ฝรั่งเศส หรือ โปรตุเกส เพื่อมองหาจุดค้มทุนที่โอเค แทนที่จะไปมองหาเด็กหนุ่มชาวอังกฤษเหมือนเมื่อก่อน..
ทั้งๆที่มันไม่ใช่ความผิดของเด็กๆจากที่นี่..มันคือผลกระทบจากระบบพัฒนาเยาวชนของที่นี่ เราเห็นว่าอีโก้พวกเค้าสุดโต่งแค่ไหน เอฟเออังกฤษเข้าใจมาตลอดว่าพวกเค้าคือเต้ยมาแต่ไหนแต่ไร และสื่อที่นี่ต่างก็โอ้อวด พร้อมกับกรอกหูแฟนบอลของพวกเค้าเองว่าเราเจ๋งที่สุด คุณจะทำอะไรได้?..ในเมื่อ 10-20 ปีก่อนพวกเค้ามองหาแต่เด็กๆที่ร่างกายแข็งแกร่ง หรือไม่ก็ วิ่งเร็วเป็นจรวด มากกว่าจะวัดกันที่ระดับของเทคนิค ต่อมาในขณะที่โค๊ชอังกฤษที่ปลูกฝังแนวคิดแบบโบราณและสร้างเยาวชนเหล่านั้นค่อยๆทยอยหมดโอกาสคุมทีมใหญ่ พวกเค้าต้องก้มหัวยอมรับฝีมือของผู้จัดการทีมต่างชาติของจริงที่นำเอาแท็กติกส์ระดับสูง และ ระบบการเล่นสมัยใหม่มาใช้ที่นี่ มันเหมือนกับการต้องยอมรับชะตากรรมในบางอย่างที่พวกเค้าได้ทำเอาไว้..แต่คนที่โดนผลกระทบที่หนักที่สุดคือ เด็กหนุ่มจากที่นี่ เด็กๆที่เป็นอนาคตของอังกฤษเหล่านี้เติบโตมาด้วยการเล่นที่ไร้จินตนาการ พวกเค้าแข็งแกร่ง พวกเค้าโยน พวกเค้าวิ่ง และชื่นชอบที่จะเสียบสกัดเป็นชีวิตจิตใจ แต่นั่นจะมีประโยชน์อะไรเมื่อไร้ซึ่งจินตนาการ และ ปราศจาก ระดับเทคนิคที่จะใช้เก็บ หรือ ครองบอลเอาไว้?..
แต่สิ่งนึงที่เราทุกคนรู้คือไม่มีทางที่คนอังกฤษจะออกมาพูดว่า "ใช่ละ พวกเราอวดเก่งเองทั้งๆที่ห่วย สเปน และ เยอรมันนำหน้าเราไปไกลแล้ว".. แต่หากพวกเค้าไม่ยอมรับ อีกร้อยปีจากนี้อังกฤษก็จะทำได้แค่วิ่งตามหลังชาติอื่นอยู่อย่างนี้..นักเตะที่นี่จะโกรธ และ หงุดหงิดเสมอ แต่สุดท้ายพวกเค้าก็จะก้มหน้ายอมรับว่าไม่สามารถเข้าไกล้นักเตะอย่าง อันเดรียส อิเนียสต้า โดยไม่ทำฟาวล์ไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้ผู้เล่นกี่คนก็ตาม...ด้วยเหตุผลง่ายๆคืออีกร้อยปีต่อจากนี้ตราบใดที่ฟุตบอลยังคงเป็นกีฬาที่บังคับลูกฟุตบอลด้วยเท้าของผู้เล่น "เทคนิค" ก็จะยังคงสำคัญที่สุดอยู่ดี..
ที่สเปนเมื่อคุณโยนบอลไปให้กับ บุสเกต์ ชาบี อิเนียสต้า และ ฟาเบรกัส เราจะเข้าใจได้ทันทีว่าอีกห้านาที่หลังจากนี้จะไม่มีใครหน้าไหนได้แตะฟุตบอลลูกนี้อีก..หรือมองไปที่นักเตะอย่าง อาร์เยน ร๊อบเบน ริเบรี่ หรือ โรนัลโด้ นักเตะที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับลูกฟุตบอล และมั่นใจได้ว่าด้วยระดับเทคนิคที่มีจะไม่มีใครแย่งมันไปจากเท้าของพวกเค้าได้..ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันที่อังกฤษ เวนย์ รูนีย์ นักเตะค่าเหนื่อย 250,000 ปอนด์ของที่นี่ หมดหนทางที่จะพัฒนา first touch ได้ดีกว่า โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ อะไรที่เราเห็น ลิโอเนล เมสซี่ ทำได้มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มที่นี่เช่นเดียวกัน..ยิ่งพวกเค้าหลอกตัวเองมากเท่าไหร่ ปัญหาที่ตามมามันจะยิ่งหนักขึ้นทุกครั้ง เด็กที่นี่ไม่ผิดหรอกนะผมว่า มันไม่ใช่ว่าเด็กที่นี่ไม่มีโอกาส แต่นั่นเพราะว่าผู้ใหญ่บางคนได้ทำลายโอกาสที่ว่า โดยทางอ้อมไปตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้วต่างหาก..ใช่หรือเปล่าล่ะ
แม้มันจะเกี่ยวเนื่องกัน แต่ระบบจะยังหมุนต่อไป ตราบใดที่นักเตะต่างชาติฝีเท้าดี หรือ ผู้จัดการทีมระดับท๊อปก้าวเข้ามาที่นี่พรีเมียร์ลีกก็จะก้าวต่อไป ลีกอังกฤษจะถูกขับเคลื่อนไปด้วยแฟนบอล และส่วนประกอบหลักเหล่านี้ ขณะที่ทีมชาติอังกฤษที่ธรรมดาอยู่แล้ว กำลังจะกลายเป็นทีมระดับธรรมดาลงไปอีกเมื่อต้องวัดกับของจริงอย่าง บราซิล สเปน หรือ เยอรมัน ในบอลโลกปีหน้า และ จากแนวโน้มความล้มเหลวของทีมชาติอย่างต่อเนื่อง บางทีนั่นอาจจะเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะเปิดทางให้พวกเค้ายอมรับ และ นำชาติปฐมภูมิแห่งลูกหนัง ก้าวออกมาจากกะลามะพร้าวเล็กๆนั่นเสียที..
...