มีบางท่านเรียกร้องให้ผมเขียนเรื่องจำนำข้าวบ้าง อย่าเอาแต่เงียบ

กระทู้สนทนา
แถมบอกให้เขียนยาวๆเหมือนกับเวลาที่เขียนตำหนิมาร์ค ผมก็เลยขอสารภาพเสียเลยว่า มีหลายสาเหตุที่ผมละเสียที่จะคุยเรื่องโครงการจำนำข้าว ไม่ใช่เพราะผมไม่กล้าตำหนิรัฐบาล และก็ไม่ใช่เพราะรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ผมเลือกมาเอง ก็เลยไม่อยากแตะต้อง เพราะอยากหลอกตัวเองว่า ผมไม่ได้ตัดสินผิดที่เลือกรัฐบาลนี้

เพียงแต่สำหรับผมแล้ว เรื่องข้าวที่ผมรู้ดีที่สุดก็แค่ข้าวหอมมะลิหอมอร่อยกว่าข้าวประเภทอื่น นอกจากนั้นผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับมัน อย่าว่าแต่หุงกินเองเลยครับ แม้แต่ราคาข้าวที่กินอยู่ทุกวัน ราคาที่แม่บ้านไปซื้อมาเท่าไหร่ ผมยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำไป แล้วผมจะสะเออะออกมาแสดงความคิดเห็นได้อย่างไร

เพียงแต่สำหรับผมแล้ว อย่าว่าแต่ต้นทุนของการปลูกข้าวต่อตันมันมีราคาเท่าไหร่เลยครับ แม้แต่การทำนาที่ต้องใช้เวลาปลูกเท่าไหร่ ที่ต้องเก็บเกี่ยวกันกี่วัน ผมก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ แล้วจะให้ผมเขียนให้ยาวได้อย่างไรกันครับ

เพียงแต่สำหรับผมแล้ว ฟังดูฝ่ายต่อต้านก็บอกขาดทุนสองแสนกว่าล้าน ทางด้านรัฐบาลก็บอกขาดทุนแค่แสนกว่าล้าน ดังนั้นเมื่อข้อมูลมันยังขัดกันอย่างนี้ แล้วจะให้ผมแสดงความคิดเห็นได้อย่างไรกันครับ เรื่องอย่างนี้จะมาใช้จินตนาการเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ เรื่องอย่างนี้จะเที่ยวมาพูดสุ่มสี่สุ่มห้าคงไม่ได้ เพราะมันมีผลกระทบไม่ใช่แค่ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเท่านั้น แต่มันส่งผลถึงความเชื่อมั่นของนานาชาติด้วยนะครับ มันจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษครับ ก็ผมไม่มีส่วนได้ที่จะได้อำนาจมาครองเหมือนฝ่ายต่อต้านนี่นา

แต่ถ้าถามผมถึงความรู้สึกที่มีต่อนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้ ผมก็พอจะตอบได้ตามความรู้สึกส่วนตัวครับ

ผมเคยสนับสนุนอย่างเต็มที่กับนโยบายที่จะยกคุณภาพชีวิตของชาวนา เพราะทุกคนย่อมรับรู้ร่วมกันว่า ประเทศไทยเป็นเมืองกสิกรรม และข้าวก็เป็นสินค้าทางเกษตรที่มีคนไทยปลูกมากที่สุด จนถึงกับเรียกเสียสวยหรูว่า เป็นกระดูกสันหลังของประเทศเลยทีเดียว

แต่ความเป็นจริงแล้ว ชาวนากลับเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่หลายต่อหลายรัฐบาลมองข้าม ไม่ค่อยจะให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจังนัก จะช่วยก็แค่พอให้อยู่ได้แค่นั้นเอง ชาวนาส่วนใหญ่จึงยังคงยากจนอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยมีปากมีเสียงเหมือนคนกลุ่มอื่น ได้แต่ก้มหน้าก้มตาปลูกข้าวให้พวกเรากินกันต่อไป ดังนั้นผมจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เหล่าชาวนาควรได้รับการอุ้มชูอย่างเต็มที่จากภาครัฐเฉกเช่นเดียวอาชีพอื่นๆครับ

และผมยังเชื่อด้วยว่า เมื่อคนจนกลุ่มนี้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ย่อมส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น การหมุนของเม็ดเงินก็จะสะพัดเข้ามาสู่ตลาด แล้วย้อนกลับคืนมาในรูปแบบของภาษี นั่นหมายถึงการช่วยชาวนานั้น เปรียบเหมือนกับการลงทุนครับ เมื่อลงทุนไปแล้ว ชาวนามีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และรัฐก็ได้คืนกลับมาในแง่ของภาษี วิน-วินทั้งสองฝ่าย

แต่เมื่อได้ฟังหลายฝ่ายที่ออกมาต่อต้าน ทำให้ผมเริ่มลังเลว่าโครงการนี้มันแย่มากจนอาจทำให้ประเทศล้มละลายเลยทีเดียวเชียวหรือ เพราะถึงแม้ฝ่ายต่อต้านล้วนแต่พวกหน้าเดิมที่ไม่เคยเห็นด้วยกับทุกนโยบายนี้ของรัฐบาล แต่ทั้งคุณบุญทรง ทั้งคุณณัฐวุฒิกลับไม่สามารถชี้แจงและแก้ข้อกล่าวหาให้ผมเข้าใจได้อย่างทะลุปรุโปร่ง  นั่นยิ่งทำให้ผมเริ่มจะคล้อยตามฝ่ายต้านไปแล้วระดับหนึ่ง เพราะข้อมูลเหล่านี้ครับ

การใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาล ทำให้เสียวินัยการคลัง
การขาดทุนสะสมมากมาย ทำให้ประเทศต้องมีปัญหาเรื่องเงินในอนาคต
การทุจริตที่มากมายมหาศาล ว่ากันเป็นหลักแสนล้านกันเลยทีเดียว
ทำให้การส่งออกมีปัญหา ไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งทางการค้าได้
ทำให้ข้าวเน่า ข้าวเสีย ข้าวบูดมากมาย
เงินจากโครงการนี้ส่วนใหญ่จะตกอยู่กับมือของชาวนาร่ำรวยมากกว่าชาวนาที่ยากจน
ซ้ำร้ายกว่านั้น นั่นคือการออกข่าวที่มูดดีส์จะลดอันดับเครดิตของประเทศจากนโยบายนี้

ผมจึงเริ่มหันกลับมามองถึงปัญหาของการรับจำนำข้าว แม้จะช่วยคุณภาพชีวิตชาวนาให้ดีขึ้น รัฐบาลควรใช้มาตรการอื่นมาช่วยเหลือดีหรือไม่ เพราะการปล่อยไว้แบบนี้ไปเรื่อยๆ นอกจากทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลแล้ว ยังอาจส่งผลกับคุณภาพชีวิตของผมในอนาคตก็ได้ นี่สิครับที่ทำให้ผมต้องทบทวน

แต่เมื่อรัฐบาลยอมรับฟังเสียงของประชาชน ไม่ดันทุรังที่จะเดินหน้าต่อด้วยการรับจำนำหมื่นห้าพันบาทต่อตัน ยอมเสียหน้าด้วยการทบทวนโครงการเสียใหม่ ยินดีปรับลดราคาให้เหลือตันละหมื่นสอง แล้วก็จำกัดการจำนำเสียด้วย

ผมจึงคิดว่า อย่างนี้ควรให้โอกาสรัฐบาลทำโครงการนี้ต่อไป แล้วคอยปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ สิ่งใดเป็นปัญหาก็แก้กันไป สิ่งใดเป็นอุปสรรคก็ตัดทิ้งมันไป สิ่งใดเป็นประโยชน์ก็พัฒนาต่อยอดกันไป สุดท้ายขอให้ได้ประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับชาวนา และประเทศก็ไม่ต้องเสียเงินมากจนเกินไป ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วครับ

แล้วผมก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ยังมีคนแหลมออกมาให้ข่าว ไม่อยากให้ลดผลประโยชน์ของชาวนา ควรจะปราบปรามทุจริตที่สูญหายไประหว่างทางไปเกือบครึ่ง อะไรของพวกมันว้า

ก็ที่พวกเอ็งออกมาต่อต้าน เพราะราคาจำนำมันสูงเกินจริงไม่ใช่หรือฟ่ะ
ก็ที่พวกเอ็งออกมาต่อต้าน เพราะทำให้ขาดทุนหลายแสนล้านไม่ใช่หรือฟ่ะ
ก็ที่พวกเอ็งออกมาต่อต้าน เพราะทำให้วินัยการคลังเสียหายไม่ใช่หรือฟ่ะ
ก็ที่พวกเอ็งออกมาต่อต้าน ไม่ใช่เพราะกลัวจะไม่ได้อันดับหนึ่งในการส่งออกหรือฟ่ะ
ก็ที่พวกเอ็งออกมาต่อต้าน ไมใช่เพราะชาวนาที่ร่ำรวยได้ประโยชน์มากกว่าชาวนาที่ยากจนไม่ใช่หรือฟ่ะ
ก็ที่พวกเอ็งออกมาต่อต้าน ไม่ใช่เพราะกลัวข้าวขายไม่ออก จนทำให้ข้าวบูดข้าวเน่าหรือฟ่ะ

แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นด้วยกับการลดราคาจำนำลง กลับไม่เห็นด้วยกับการปรับปริมาณการรับจำนำลง นั่นหมายถึงว่าพวกเอ็งยังอยากให้รับจำนำในราคา 150000 เหมือนเดิม และไม่จำกัดจำนวนอย่างนั้นหรือฟ่ะ

การปราบปรามทุจริต จะทำให้ข้าวราคาหมื่นห้าขายแข่งกับตลาดโลกได้แล้วหรือ
การปราบปรามทุจริต จะทำให้ชาวนาที่ร่ำรวยกับชาวนาที่ยากจนได้ประโยชน์เท่าเทียมกันอย่างนั้นหรือ

และยิ่งมาได้ข่าวเรื่องมูดดี้ส์ไม่ได้ลดเครดิตเพราะเรื่องนี้ และข่าวเรื่องมูดดีส์กลับเป็นสื่อไทยต่างหากที่นำไปถาม แล้วย้อนกลับมาลงข่าวเรื่องลดเครดิตโดยไม่ได้มาจากมูดดีส์ และยังพบว่าสื่อที่ลงข่าวในครั้งแรกก็เป็นสื่อที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับคุณทักษิณมาตลอด ยิ่งทำให้ผมเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น

ยิ่งมาได้ฟังการออกข่าวเรื่องข้าวเจือปนสารเคมี ซึ่งอาจก่ออันตรายกับผู้บริโภคได้ ทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่า ใครกันแน่ที่พยายามเล่นการเมือง โดยไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ไม่เคยสนใจความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ขอแค่ได้ล้มรัฐบาลชุดนี้ก็พอ นี่หรือครับเป็นความรักชาติตามประสาของพวกเอ็ง

เพราะตามความเป็นจริงแล้ว ถ้าพวกนี้สามารถแก้ไขปัญหาปากท้องของชาวนาด้วยวิธีอื่น ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนการผลิต หรือลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น หรือแม้กระทั่งส่งเสริมการปลูกข้าวให้ได้ผลผลิตที่ดีขึ้น พวกนี้คงไม่ต้องมีการประกันราคาข้าวกันแล้วล่ะครับ ทำเองไม่ได้แต่เที่ยวสอนให้คนอื่นทำ พวกดีแต่พูดจริงๆเลยนะครับ

เพราะตามความจริงแล้ว การประกันราคาข้าวก็เต็มไปด้วยการทุจริตเหมือนกันแหละครับ เรื่องยังอยู่ใน ปปช.อยู่เลย เพียงแต่ไม่รู้ว่า ผมจะทันรู้ผลในชาตินี้หรือเปล่าเท่านั้นเอง

เพราะตามความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลไม่ควรใช้คำว่า ขาดทุน ตามที่ฝ่ายต่อต้านพยายามชูประเด็นเลยครับ เพราะการขาดทุนนั้นหมายถึงรายได้ที่กลับมาไม่คุ้มกับรายจ่าย อย่างเช่น
การจ้างเขาคิดเรื่องชั่งไข่ขาย อย่างนี้สิครับพอจะเรียกว่า ขาดทุนได้
การแจกเงินสองพันบาทด้วยการจ่ายเป็นเช็ค นี่ก็ขาดทุนเห็นๆ
หรือแม้แต่เรื่อง ปรส.ก็ขาดทุนอย่างชัดเจน

แต่นี้เป็นการนำเงินส่วนต่างไปช่วยเหลือคุณภาพชีวิตให้กับชาวนา เป็นการช่วยเหลือประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง เช่นเดียวกับนโยบายอื่นๆที่ช่วยเหลือคนกลุ่มอื่น ดังนั้นจะเรียกว่าขาดทุนคงไม่ได้ มิฉะนั้นทุกนโยบายของรัฐบาลทุกรัฐบาลก็เป็นการขาดทุนทั้งสิ้น จริงไหมครับ

สุดท้ายจึงอยากบอกให้ฝ่ายต่อต้านได้ชื่นใจสักนิด ถึงแม้รัฐบาลชุดนี้จะบริหารล้มเหลวอย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่มีทางที่จะเลือกพรรคการเมืองที่เล่นแต่การเมืองโดยไม่รับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองอย่างพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอนครับ ถ้าตราบใดไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า ผมก็จะเลือกเพื่อไทยหรือชื่ออะไรก็แล้วแต่ไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละครับ ไม่มีทางจะเห็นดีเห็นงามกับพวกบูชาเผด็จการอย่างเด็ดขาด เข้าใจ๋
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่