เปิดคอร์สแก้ไข "เบี่ยงเบนทางเพศ" รับมือวัยรุ่นสับสนเสี่ยงเป็นตุ๊ด-เกย์ กรมสุขภาพจิตหนุนช่วยรัฐอีกทาง

คิดอย่างไรกับข่าวนี้ครับ

เปิดคอร์สแก้ไข "เบี่ยงเบนทางเพศ" รับมือวัยรุ่นสับสนเสี่ยงเป็นตุ๊ด-เกย์ กรมสุขภาพจิตหนุนช่วยรัฐอีกทาง



เอกชนเปิดคอร์สให้คำปรึกษาพ่อแม่กังวลลูกเบี่ยงเบนทางเพศ รับมือวัยรุ่นเสี่ยงเป็นตุ๊ด-เกย์ เจ้าของสถาบันระบุแค่ต้องการช่วยเด็กที่สับสน และช่วยผู้ปกครองที่วิตกกังวลมากกว่า ขณะที่ต้องเผชิญกับการต่อต้านของกลุ่มกลุ่มเพศที่สาม เพราะคิดว่าแก้ไขทำไม ไม่ได้ทำอะไรผิด ขณะที่กรมสุขภาพจิตระบุเป็นเรื่องดี ที่ช่วยกันแก้ไขในส่วนที่รัฐเข้าไปไม่ถึง

คงจะปฎิเสธกันอีกไม่ได้แล้วว่า ปัจจุบันทั่วโลกไม่ได้มีอยู่แค่เพียง 2 เพศ หากแต่ยังมีเพศที่ 3 ที่ 4 ที่เปิดเผยตัวตนของตัวเองมากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเปิดตัวในสังคมจะมีมากขึ้น แต่สังคมไทยส่วนใหญ่ก็ยังคงมีทัศนคติมองผู้ที่มีลักษณะความเบี่ยงเบนทางเพศว่า เป็นคนผิดปกติ แม้จะไม่ได้มีการต่อต้านอย่างรุนแรง แต่ที่ผ่านมาพบว่า ผู้ที่มีพฤติกรรมทางเพศยังคงมีพื้นที่ที่จำกัด หรือแม้กระทั่งถูกจำกัดสิทธิ์บางประการ ในขณะเดียวกัน ผู้ปกครองที่มีบุตรหลาน มีพฤติกรรมเบี่ยงเบียนทางเพศเหล่านี้ ก็ยังคงมีความกังวลต่อพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนดังกล่าว  และพยายามขวนขวายหาวิธีทางเพื่อจะแก้ไขให้บุตรหลานกลับมามีพฤติกรรมที่เรียกว่า “ปกติ” ตามความเชื่อของสังคมไทยนั่นเอง



แพทย์สภาระบุ เบี่ยงเบนทางเพศ ไม่ได้ผิดปกติ

น.อ.(พิเศษ)น.พ.อิทธิพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา กล่าวถึงประเด็นพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ว่า ตามสถิติโลกแล้วคนที่จะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศมีเพียง 1 ต่อ 30,000 คน เพราะฉะนั้นเมื่อเทียบแล้ว ประเทศไทยที่มีประชากรกว่า 60 ล้านคน จะมีผู้ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศเพียง 1,000-2,000 คน เท่านั้น ซึ่งดูเหมือนจะไม่ตรงกับสถานการณ์ความเป็นจริงเท่าใดนัก เพราะจะเห็นได้ว่า กลุ่มผู้มีพฤติกรรมเบียงเบนทางเพศในประเทศไทย มีอยู่จำนวนมากกว่าตัวเลขดังกล่าวมาก

ทั้งนี้พฤติกรรมการเบี่ยงเบนทางเพศ ถือเป็นความผิดปกติในคนที่มีความรู้สึกทางเพศ ทัศนคติ ตลอดจนพฤติกรรมทางเพศที่แสดงออกไม่เหมาะสม แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในสังคม มักเกิดจากสภาพจิตใจและฮอร์โมนในร่างกาย โดยปกติแล้วฮอร์โมนในร่างกายจะเป็นตัวกำหนดเพศ รวมถึงความเป็นหนุ่มเป็นสาวและควบคุมการทำงาน เช่น ในเพศหญิงจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่วนเพศชายจะมีฮอร์โมนเทสโตสเตอโรน ซึ่งถ้าหากฮอร์โมนเพศดังกล่าวผิดปกติ โอกาสที่จะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศจะมีค่อนข้างสูง ทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้มีพฤติกรรมการเบี่ยงเบนทางเพศจะเป็นโรคจิตหรือวิกลจริต แต่เป็นเพียงความผิดปกติทางจิตเวช หรือมีบุคลิกภาพผิดปกติเท่านั้น

สิ่งแวดล้อมมีผลสำคัญต่อการเบี่ยงเบนทางเพศ
                                                      
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ เกิดจากสภาพแวดล้อมรอบตัวและการเลี้ยงดูแบบผิดเพศของครอบครัว การใกล้ชิดกับแม่มากเกินไป โอกาสที่ลูกจะซึมซับความเป็นผู้หญิงจากแม่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ อีกทั้งสภาพแวดล้อมในโรงเรียน การคบเพื่อนเพศเดียวกันที่มีลักษณะตุ้งติ้ง อาจทำให้พฤติกรรมเปลี่ยน เช่น ไม่ชอบเล่นกีฬา ไม่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นต้น โดยปกติแล้วพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศนั้น อาจเริ่มตั้งแต่วัยเด็กและวัยรุ่นตอนต้น แต่อาการจะปรากฏชัดในช่วงวัยรุ่นตอนปลายถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น



ในวงการแพทย์ทั่วโลกยอมรับว่า พฤติกรรมการเบี่ยงเบนทางเพศไม่ใช่สิ่งปกติ ไม่ใช่โรคที่เกิดจากความผิดปกติใดๆ เช่น ในประเทศฝรั่งเศส สวีเดน เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ก อนุญาตให้บุคคลที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศมีสิทธิเข้าพิธีสมรสและหย่าร้างกันได้ตามกฎหมาย เช่นเดียวกันชาย-หญิงทั่วไป

สำหรับสังคมไทย แม้ว่าจะไม่ได้มีการต่อต้านผู้ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศอย่างรุนแรง แต่สังคมไทยยังมองว่าการรักเพศเดียวกันเป็นความผิดปกติ เป็นความเบี่ยงเบน โดยพบว่า จากการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับผู้รักเพศเดียวกันในประเทศไทยวางอยู่บนพื้นฐานทางความคิด 4 ประการ 1. การรักเพศเดียวกันเป็นสิ่งเลวร้าย เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข 2. การรักเพศเดียวกันถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ผิดปกติ 3. การรักเพศเดียวกันเป็นบทบาทที่เกิดจากความบกพร่องของสมาชิกในครอบครัว 4. การเป็นผู้รักเพศเดียวกันมาจากความบกพร่องของคนในครอบครัว

เปิดคอร์สให้คำปรึกษา ผู้มีพฤติกรรมเบียงเบนทางเพศ

อย่างไรก็ตามแม้ทางการแพทย์จะระบุว่า พฤติกรรมทางเพศจะไม่ใช่ความผิดปกติ แต่พฤติกรรมที่แปลกแยกจากความเป็นไปของสังคม ก็ทำให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานมีพฤติกรรมเช่นนี้อยู่ไม่ได้ ล่าสุด ศูนย์ข่าว TCIJ พบว่า ปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาเอกชนบางแห่ง มองเห็นปัญหานี้ โดยจากผู้ปกครองที่กำลังหวั่นวิตกว่าลูกกำลังจะเข้าข่ายมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ มาขอคำปรึกษา ทำให้ต้องหันมาเปิดเป็นศูนย์ให้คำปรึกษาสำหรับครอบครัวที่มีบุตรหลานที่มีพฤติกรรมนี้โดยเฉพาะ ซึ่งปรากฎว่าได้รับความสนใจจากผู้ปกครองส่งบุตรหลานเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง



อ่านต่อได้ที่ >> http://www.tcijthai.com/tcijthai/view.php?ids=2692
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่