NOK หืดขึ้นคอ เทรดวันแรกยังเหนือจอง ล่าสุดบวก 8.65% ปีนี้ลุ้นโตทะลุเท่าตัว
ที่มา ข่าวหุ้น
หุ้นบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก โดยเปิดตลาดที่ระดับราคา 26.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท จากระดับราคาเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 26 บาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดที่ระดับ 1,396.70 จุด อ่อนตัวลงกว่า 41 จุด และล่าสุด ณ เวลา 11.54 น. ราคาหุ้น NOK อยู่ที่ 28.25 บาท บวก 2.25 บาท หรือ 8.65% มูลค่าการซื้อขาย 5,416.38 ล้านบาท
นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NOK เปิดเผยว่า การระดมทุนของบริษัทในครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนในการจัดหาเครื่องบิน และเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการ ทั้งนี้ นกแอร์มีเส้นทางการบินครอบคลุมทั่วประเทศ และความถี่ของเที่ยวบินที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้โดยสารมากที่สุดในประเทศ ในอนาคตบริษัทมีแผนในการเปิดเส้นทางบินในต่างประเทศ ซึ่งในเบื้องต้นจะเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศพม่าก่อน และจะศึกษาขยายเส้นทางบินสู่ประเทศจีนต่อไป
บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ซื้อ” NOK สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้น ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของ NOK มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ทั้งจากกำไรจากการดำเนินงาน (ex fuel) สูงสุดในอุตสาหกรรมสายการบินราคาประหยัดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังได้ประโยชน์จาก BOI ระยะเวลา 8 ปี ที่ทำให้ NOK สามารถประหยัดภาษี นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก AEC รวมถึง NOK มีส่วนแบ่งตลาดสายการบินราคาประหยัดภายในประเทศอันดับ 1 โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตของผู้โดยสารเฉลี่ยปีละ 36%
NOK มีแผนพัฒนาและเพิ่มจำนวนเครื่องบินอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยในปี นี้จะมีการเปลี่ยนไปใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 แทน โบอิ้ง 737-400 ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นเก่า คาดช่วยประหยัดน้ำมันและค่าดูแลรักษา อีกทั้งยังเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร NOK ตั้งเป้าขยายฝูงบินเป็น 28 ลำ ในปี 2557 และ เป็น 35 ลำ ในปี 2558 เพื่อเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและรองรับการขยายตัวของการเดินทางที่จะเพิ่มมากขึ้นในช่วงเปิด AEC ซึ่งประเทศไทยมีโอกาสที่จะเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2556 จะอยู่ที่ 1,130 ล้านบาท เติบโต 123.76%
ภายในปี 2558 NOK ยังคงแผนการดำเนินงานหลัก โดยมุ่งเน้นการให้บริการภายในประเทศให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อขยายฐานลูกค้าในประเทศมากขึ้น ซึ่งผู้บริหารมองว่าความต้องการภายในประเทศยังดี และจะเน้นกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ โดยการขยายเส้นทางการบินสายรองและสายย่อยให้มากขึ้น และกำหนดเที่ยวบินที่ไปต่างประเทศไม่เกิน 20% ของเที่ยวบินทั้งหมด โดย NOK ยังไม่มีแผนขยายเส้นทางการบินไปยังประเทศอินโดนีเซียหรือมาเลเซียในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า แต่ในอนาคตยังจะมีการร่วมมือกับสายการบิน LION อย่างแน่นอน
ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 36.20 บาท แม้จะสูงกว่า 15.8 เท่าของค่าเฉลี่ยกลุ่มสายการบินราคาประหยัดในภูมิภาค แต่เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับ PE ของ AAV ที่ประมาณ 20 เท่า จึงคิดเป็นระดับที่พอรับได้
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (20 มิ.ย.) ว่า บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เป็นผู้นำธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำในประเทศที่มีการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารสูงสุดเฉลี่ย 36% ต่อปีใน 3 ปีที่ผ่านมา ครอบคลุมเส้นทางการบินมากสุดในประเทศ และมีส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นอันดับ 2 ประมาณ 41%
การกลับมาเปิดใช้งานสนามบินดอนเมืองอย่างเต็มรูปแบบทำให้ NOK ขยายเส้นทางการบินเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศซึ่งนกแอร์มีแผนขยายเส้นทางบินต่างประเทศภายในปีนี้ กำไรสุทธิในปีก่อนโต 153% เราคาดกำไรสุทธิปี 2013-14 จะยังโตแข็งแกร่ง 174% และ 29% เป็น 1,385 ล้านบาท และ 1,784 ล้านบาท ตามลำดับ (สูงกว่าภูมิภาคที่โตเฉลี่ย 12%) จากการเพิ่มฝูงบินจาก 14 ลำปีก่อนเป็น 16 ลำปีนี้และ 23 ลำปีหน้า และเปลี่ยนฝูงบินไอพ่นทั้งหมดให้เป็น Boeing 737-800 จากเดิม Boeing 737-400 ซึ่งมีประสิทธิภาพการใช้น้ำมันดีกว่าและจำนวนที่นั่งมากกว่า
เราประเมินมูลค่าเหมาะสม 44 บาทอิง PE 20 เท่า ที่ราคา IPO 26 บาทคิดเป็น PE เพียง 11.7 เท่าปีนี้และ 9.1 เท่าปีหน้า (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ NOK)
NOK หืดขึ้นคอ เทรดวันแรกยังเหนือจอง ล่าสุดบวก 8.65% ปีนี้ลุ้นโตทะลุเท่าตัว
ที่มา ข่าวหุ้น
หุ้นบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก โดยเปิดตลาดที่ระดับราคา 26.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท จากระดับราคาเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 26 บาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดที่ระดับ 1,396.70 จุด อ่อนตัวลงกว่า 41 จุด และล่าสุด ณ เวลา 11.54 น. ราคาหุ้น NOK อยู่ที่ 28.25 บาท บวก 2.25 บาท หรือ 8.65% มูลค่าการซื้อขาย 5,416.38 ล้านบาท
นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NOK เปิดเผยว่า การระดมทุนของบริษัทในครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนในการจัดหาเครื่องบิน และเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการ ทั้งนี้ นกแอร์มีเส้นทางการบินครอบคลุมทั่วประเทศ และความถี่ของเที่ยวบินที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้โดยสารมากที่สุดในประเทศ ในอนาคตบริษัทมีแผนในการเปิดเส้นทางบินในต่างประเทศ ซึ่งในเบื้องต้นจะเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศพม่าก่อน และจะศึกษาขยายเส้นทางบินสู่ประเทศจีนต่อไป
บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ซื้อ” NOK สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้น ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของ NOK มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ทั้งจากกำไรจากการดำเนินงาน (ex fuel) สูงสุดในอุตสาหกรรมสายการบินราคาประหยัดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังได้ประโยชน์จาก BOI ระยะเวลา 8 ปี ที่ทำให้ NOK สามารถประหยัดภาษี นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก AEC รวมถึง NOK มีส่วนแบ่งตลาดสายการบินราคาประหยัดภายในประเทศอันดับ 1 โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตของผู้โดยสารเฉลี่ยปีละ 36%
NOK มีแผนพัฒนาและเพิ่มจำนวนเครื่องบินอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยในปี นี้จะมีการเปลี่ยนไปใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 แทน โบอิ้ง 737-400 ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นเก่า คาดช่วยประหยัดน้ำมันและค่าดูแลรักษา อีกทั้งยังเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร NOK ตั้งเป้าขยายฝูงบินเป็น 28 ลำ ในปี 2557 และ เป็น 35 ลำ ในปี 2558 เพื่อเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและรองรับการขยายตัวของการเดินทางที่จะเพิ่มมากขึ้นในช่วงเปิด AEC ซึ่งประเทศไทยมีโอกาสที่จะเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2556 จะอยู่ที่ 1,130 ล้านบาท เติบโต 123.76%
ภายในปี 2558 NOK ยังคงแผนการดำเนินงานหลัก โดยมุ่งเน้นการให้บริการภายในประเทศให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อขยายฐานลูกค้าในประเทศมากขึ้น ซึ่งผู้บริหารมองว่าความต้องการภายในประเทศยังดี และจะเน้นกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ โดยการขยายเส้นทางการบินสายรองและสายย่อยให้มากขึ้น และกำหนดเที่ยวบินที่ไปต่างประเทศไม่เกิน 20% ของเที่ยวบินทั้งหมด โดย NOK ยังไม่มีแผนขยายเส้นทางการบินไปยังประเทศอินโดนีเซียหรือมาเลเซียในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า แต่ในอนาคตยังจะมีการร่วมมือกับสายการบิน LION อย่างแน่นอน
ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 36.20 บาท แม้จะสูงกว่า 15.8 เท่าของค่าเฉลี่ยกลุ่มสายการบินราคาประหยัดในภูมิภาค แต่เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับ PE ของ AAV ที่ประมาณ 20 เท่า จึงคิดเป็นระดับที่พอรับได้
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (20 มิ.ย.) ว่า บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เป็นผู้นำธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำในประเทศที่มีการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารสูงสุดเฉลี่ย 36% ต่อปีใน 3 ปีที่ผ่านมา ครอบคลุมเส้นทางการบินมากสุดในประเทศ และมีส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นอันดับ 2 ประมาณ 41%
การกลับมาเปิดใช้งานสนามบินดอนเมืองอย่างเต็มรูปแบบทำให้ NOK ขยายเส้นทางการบินเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศซึ่งนกแอร์มีแผนขยายเส้นทางบินต่างประเทศภายในปีนี้ กำไรสุทธิในปีก่อนโต 153% เราคาดกำไรสุทธิปี 2013-14 จะยังโตแข็งแกร่ง 174% และ 29% เป็น 1,385 ล้านบาท และ 1,784 ล้านบาท ตามลำดับ (สูงกว่าภูมิภาคที่โตเฉลี่ย 12%) จากการเพิ่มฝูงบินจาก 14 ลำปีก่อนเป็น 16 ลำปีนี้และ 23 ลำปีหน้า และเปลี่ยนฝูงบินไอพ่นทั้งหมดให้เป็น Boeing 737-800 จากเดิม Boeing 737-400 ซึ่งมีประสิทธิภาพการใช้น้ำมันดีกว่าและจำนวนที่นั่งมากกว่า
เราประเมินมูลค่าเหมาะสม 44 บาทอิง PE 20 เท่า ที่ราคา IPO 26 บาทคิดเป็น PE เพียง 11.7 เท่าปีนี้และ 9.1 เท่าปีหน้า (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ NOK)