พนักงาน A ทำงานกับบริษัทมา 5 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผจก.แผนก ใน 3 ปีแรกเข้ามาทำงานเริ่มจากระดับพนักงาน เป็นคนตั้งใจทำงาน ขยัน และมีความรู้ดี จึงได้ก้าวขึ้นมาเป็นผจก.
ตั้งแต่รับตำแหน่ง เนื่องจากบริษัทไม่ได้จัดอบรมการทำหน้าที่ในระดับหัวหน้า (และคิดว่าคงไม่เปิดอบรมให้) ทำให้เกิดปัญหาคอขวด ผจก. กระจายงานไม่เป็นสะสมงานไว้คนเดียว งานเดินไปอย่างล่าช้า จนเกิดปัญหากระทบต่อการทำงานของฝ่ายอื่น รวมถึงลูกค้าภายนอก
เคยเรียกมาพูดคุยเรื่องการกระจายงานให้พนักงานภายในแผนก โดยแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันไป แต่พอทำได้สักพักก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ที่สุดจึงตัดสินใจ จ้างพนักงานระดับ ผู้ช่วยผจก. เข้ามาทำหน้าที่โดย Ceo เป็นคนคัดสรรเอง เพราะเคยให้ ผจก. ร่วมคัดกรอง ปรากฏว่าไม่มีผู้สมัครที่มีความสามารถส่งมาให้สัมภาษณ์เลย จึงตัดสินใจไม่ต้องให้ ผจก. คัดกรอง โดย Ceo คัดกรองเอง
ทั้งนี้จุดประสงค์เพื่อช่วยการทำงานให้ไหลลื่น แต่ผลกลับหนักขึ้นพอรับมา ผจก. ไม่เพียงแต่ไม่ยอมถ่ายงาน ซ้ำยังไม่ให้ความร่วมมือในทุกด้าน มีการแอบกลั่นแกล้งสารพัด ทั้งการไม่จัดอุปกรณ์สำนักงานให้ การให้เก้าอี้ที่พังแล้วให้นั่ง จัดให้ไปนั่งในที่แสงไฟไปไม่ถึง
ซึ่งผู้ช่วยฯ ท่านนี้ก็แสนดี มีความรับผิดชอบดีมาก พยายามหาความรู้ จากแผนกอื่น จากลูกน้องในแผนก จนสามารถจัดการระบบงานได้เป็นอย่างดี ที่สุด Ceo มารู้อีกที คือ ผจก.แผนก ไปประเมินให้ไม่ผ่านการทำงาน และทางฝ่ายบุคคลก็ไม่ยอมแจ้งเรื่องมาให้ทราบ ด้วยความที่ Ceo ต้องออกไปพบลูกค้าบ่อย จนมีเวลาเข้าบริษัทอาทิตย์ล่ะ 2 วันเท่านั้น ทำให้รู้เรื่องนี้ช้าไป
ยอมรับว่าโกรธมาก เพราะตลอดเวลาที่เห็นการทำงานของผู้ช่วยฯ คนนี้ นับว่าหายากมากในปัจจุบัน ทั้งความรู้ ความสามารถ ความอดทน การปรับตัว ซึ่งที่รู้เรื่องการประเมินนี้ได้ก็ เพราะพนักงานแผนกอื่น เข้ามาบอก ทุกวันนี้ลูกค้าบางรายยังบ่นถึง ขนาดแอบหาเบอร์ติดต่อเพื่อชวนไปทำงานด้วย
ขั้นแรกได้สอบถามไปยัง แผนกบุคคล ถึงเหตุที่ไม่แจ้งก่อน ซึ่งก็แจ้งว่าหลังแจ้งผลประเมิน ได้ให้ผู้ช่วยฯ ท่านนี้ทำงานต่ออีก 30 วัน ตามกฏ ซึ่งเขาก็ทำมาได้ถึง 20 วัน แล้วจึงมาแจ้งขอออกก่อนกำหนดเนื่องจากได้งานที่ใหม่ ต้องเริ่มงานทันที แผนกบุคคล จึงยังไม่ทันได้ส่งเอกสารให้เซ็นต์อนุมัติ
ส่วนตัวประเมินว่าสาเหตุ ก็มาจาก ผจก. คนนี้กลัวเรื่องบทบาทหน้าที่ตัวเองจะลดลง ทำให้ไม่มั่นคงในการทำงานเป็นสาเหตุหลักของปัญหาทั้งหมด รวมถึงความสนิทสนมส่วนตัวของ ผจก. กับแผนกบุคคล ที่ไปทานข้าวกลางวันกันประจำ ทำให้รวมหัวกันก่อเหตุครั้งนี้
จึงอยากมาแชร์ความคิด ความเห็น หากเป็นบริษัทของท่าน จะทำอย่างไร
ขอแชร์ความเห็น เป็นคุณจะดำเนินการอย่างไรกับพนักงานแบบนี้
ตั้งแต่รับตำแหน่ง เนื่องจากบริษัทไม่ได้จัดอบรมการทำหน้าที่ในระดับหัวหน้า (และคิดว่าคงไม่เปิดอบรมให้) ทำให้เกิดปัญหาคอขวด ผจก. กระจายงานไม่เป็นสะสมงานไว้คนเดียว งานเดินไปอย่างล่าช้า จนเกิดปัญหากระทบต่อการทำงานของฝ่ายอื่น รวมถึงลูกค้าภายนอก
เคยเรียกมาพูดคุยเรื่องการกระจายงานให้พนักงานภายในแผนก โดยแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันไป แต่พอทำได้สักพักก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ที่สุดจึงตัดสินใจ จ้างพนักงานระดับ ผู้ช่วยผจก. เข้ามาทำหน้าที่โดย Ceo เป็นคนคัดสรรเอง เพราะเคยให้ ผจก. ร่วมคัดกรอง ปรากฏว่าไม่มีผู้สมัครที่มีความสามารถส่งมาให้สัมภาษณ์เลย จึงตัดสินใจไม่ต้องให้ ผจก. คัดกรอง โดย Ceo คัดกรองเอง
ทั้งนี้จุดประสงค์เพื่อช่วยการทำงานให้ไหลลื่น แต่ผลกลับหนักขึ้นพอรับมา ผจก. ไม่เพียงแต่ไม่ยอมถ่ายงาน ซ้ำยังไม่ให้ความร่วมมือในทุกด้าน มีการแอบกลั่นแกล้งสารพัด ทั้งการไม่จัดอุปกรณ์สำนักงานให้ การให้เก้าอี้ที่พังแล้วให้นั่ง จัดให้ไปนั่งในที่แสงไฟไปไม่ถึง
ซึ่งผู้ช่วยฯ ท่านนี้ก็แสนดี มีความรับผิดชอบดีมาก พยายามหาความรู้ จากแผนกอื่น จากลูกน้องในแผนก จนสามารถจัดการระบบงานได้เป็นอย่างดี ที่สุด Ceo มารู้อีกที คือ ผจก.แผนก ไปประเมินให้ไม่ผ่านการทำงาน และทางฝ่ายบุคคลก็ไม่ยอมแจ้งเรื่องมาให้ทราบ ด้วยความที่ Ceo ต้องออกไปพบลูกค้าบ่อย จนมีเวลาเข้าบริษัทอาทิตย์ล่ะ 2 วันเท่านั้น ทำให้รู้เรื่องนี้ช้าไป
ยอมรับว่าโกรธมาก เพราะตลอดเวลาที่เห็นการทำงานของผู้ช่วยฯ คนนี้ นับว่าหายากมากในปัจจุบัน ทั้งความรู้ ความสามารถ ความอดทน การปรับตัว ซึ่งที่รู้เรื่องการประเมินนี้ได้ก็ เพราะพนักงานแผนกอื่น เข้ามาบอก ทุกวันนี้ลูกค้าบางรายยังบ่นถึง ขนาดแอบหาเบอร์ติดต่อเพื่อชวนไปทำงานด้วย
ขั้นแรกได้สอบถามไปยัง แผนกบุคคล ถึงเหตุที่ไม่แจ้งก่อน ซึ่งก็แจ้งว่าหลังแจ้งผลประเมิน ได้ให้ผู้ช่วยฯ ท่านนี้ทำงานต่ออีก 30 วัน ตามกฏ ซึ่งเขาก็ทำมาได้ถึง 20 วัน แล้วจึงมาแจ้งขอออกก่อนกำหนดเนื่องจากได้งานที่ใหม่ ต้องเริ่มงานทันที แผนกบุคคล จึงยังไม่ทันได้ส่งเอกสารให้เซ็นต์อนุมัติ
ส่วนตัวประเมินว่าสาเหตุ ก็มาจาก ผจก. คนนี้กลัวเรื่องบทบาทหน้าที่ตัวเองจะลดลง ทำให้ไม่มั่นคงในการทำงานเป็นสาเหตุหลักของปัญหาทั้งหมด รวมถึงความสนิทสนมส่วนตัวของ ผจก. กับแผนกบุคคล ที่ไปทานข้าวกลางวันกันประจำ ทำให้รวมหัวกันก่อเหตุครั้งนี้
จึงอยากมาแชร์ความคิด ความเห็น หากเป็นบริษัทของท่าน จะทำอย่างไร