-- แด่..สหายผู้ล่วงลับ --
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว
ในขณะที่ผมยังเป็นเด็กหนุ่มหน้าใสวัยละอ่อน
มีคำนำหน้าชื่อคือ
"นักเรียนจ่าอากาศ" ชั้นปีที่ 1
ซึ่งตอนนั้นกิจวัตรช่วงครึ่งปีแรก
ก็ดำเนินไปอย่างปรกติ
ตื่น วิ่ง กิน โดนเขากิน เข้าเรียน
พักกลางวัน เย็นวิ่ง กินข้าว สวดมนต์ นอน
วนเวียนอยู่อย่างนี้เรื่อยไป
จนในวันหนึ่ง ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่เท่าไร
ผมเองก็ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดนัก
ทราบเพียงเป็นช่วงปลายๆเทอมสอง
จนไกล้จะจบปี 1 อยู่แล้ว
ในขณะที่เหล่านักกีฬาของรุ่น
เดินกลับมาจากการฝึกซ้อมกีฬา
ในช่วงเย็นของวันตามปรกติ
สิ่งมีชีวิตไม่ทราบสายพันธ์ที่แน่ชัดก็ปรากฏขึ้น
สิ่งมีชีวิตชนิดนั้นหากดูตามแบบโดยรวมของมัน
มันจะเหมือนกันกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "หมา"
แต่ทว่าหากมองให้ลึกลงไป
ผมอยากจะเติมสายพันธ์ที่เด่นชัด
ให้เหมาะสมกับสิ่งที่มันเป็นมากขึ้นไปอีก
ผมอยากเติมคำว่า "บ้า" ต่อท้ายคำว่า "หมา"
นั่นแหละครับ จากรูปลักษ์ของมัน
น้ำลายที่ใหลย้อยจากปากแทบตลอดเวลา
ขาที่เหมือนจะพิการ
มันช่างดูไม่น่าเป็นหมาที่น่าจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงทุกวันนี้จริงๆ
แต่สิ่งที่เป็นลักษณะเด่นของมัน
นอกจากขนสีน้ำตาล
มันยังมีฟันหน้าที่เก็บไม่ลงอยู่อีกด้วย
ดังนั้นฟันที่ยื่นแบบเหยินๆของมัน
จึงเป็นลักษณะที่เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้
หลังจากนั้นเป็นต้นมา "ไอ้เหยิน"
ก็ได้กลายเป็นชื่อเรียกของมันไป
ผมเองก็ไม่ทราบแน่ชัดถึงบรรพบุรุธของมัน
มันน่าจะเป็นหมาเร่ร่อนที่บังเอิญ
เดินตามนักเรียนจ่าที่ออกไปซ้อมกีฬาเข้ามา
แล้วบังเอิญเห็นว่าที่นี่น่าอยู่ดี มันเลยปักหลักอยู่ที่นี่
ที่ใต้อาคารนอนของพวกผมซะเลย...
ไอ้เหยินเป็นหมาที่ค่อนข้างฉลาดนะผมว่า
มันจะชอบเดินตามแถวนักเรียนจ่าอากาศ
ในเวลาเช้า หลังจากที่พวกผมตื่นมาวิ่ง
แต่งตัวกันเรียบร้อย
เตีรยมพร้อมที่จะเดินไปทานข้าวโดยพร้อมเพรียงกัน
เหยินมันก็ชอบมาเดินวนๆ อยู่รอบๆแถว
ซึ่งในช่วงแรกๆ
ก็สร้างความไม่พอใจให้กับผู้หมู่อยู่ไม่น้อย
จนนานๆเข้านานๆเข้า เขาก็ชัดเริ่มจะชิน
จนมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของขบวนแถวพวกผมไปโดยปริยาย
ในตัวหมาน้ำลายยืดตัวนี้
ยังมีความหน้ารักบางอย่างแฝงอยู่
คือในตอนเช้า ช่วงก่อน 8 นาฬิกา
เวลาเคารพธงชาติ
หลังจากที่เหยินเดินตามแถวพวกผมมาจนถึงลานรวมพล
มันจะชอบไปเดินวนๆ
อยู่บริเวณเสาธง
จนถึงช่วงเวลา 8 นาฬิกา
สัญญาณเคารพถงชาติดังขึ้น
เสียงเพลงจากวิทยุประสานเสียง
ร้องเพลงของนักเรียนจ่าอากาศดังสนั่น
ฉันพลัน เสียงของเหยินก็ร้องตามเช่นกัน
"บรู้วววว~~ โฮ่งๆ บรู้วว~~....."
พระเจ้า!! หมาหอนตอนกลางวัน
แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ จนจบเพลง
ไม่รู้ว่าสัญชาติญาณแต่ปางใหน
หรือในเพลงมีกลไกบางอย่างที่กระตุ้นให้มันต้องหอนโต้ตอบ
แต่การกระทำของมันที่ทำอยู่เสมอๆ
ทำให้มันกลายเป็นที่รักไปโดยไม่รู้ตัว
และชื่อเสียงของมันก็เลื่องลือไปทั่วโรงเรียนจ่าอากาศ
จนผมขึ้นชั้น ปี2 พวกผมย้ายไปยังอาคารนอนแห่งใหม่
แต่ไอ้เหยินก็ยังคงวนเวียนอยู่ในโรงเรียน
กับความเคยชินในสถานที่ และผู้คนที่แบ่งอาหารให้มันอย่างไม่ขาด
ถึงบางทีมันจะทานแล้วร่วงออกตามฟันของมันบ้างก็ตามที
มีช่วงหนึ่งซึ่งผมเห็นมันมีแผลเหวะมาเต็มใบหน้า
คาดว่ามันคงไปมีเรื่องกับหมาแมวที่ใหนมาแน่ๆ
หรือเลวร้านที่สุดก็คงจะเป็นการไปฟัดกับหนูมา
(หนูที่โรงเรียนจ่าตัวใหญ่มากกกกกก)
ทำเอามันซึมๆไปช่วงหนึ่ง
แต่ไม่นานนักมันก็กลับมาวิ่งน้ำลายยืดได้เหมือนเดิม
จนพวกผมขึ้นสู่ชั้นปี 3 กลับมาสู่อาคารเดิม
ที่ยังคงมีเหยินคอยเดินเฟ้าอยู่
ไม่ต่างจากเมื่อสองปีก่อน แต่ทว่าช่วงเวลานั้น
ต่างคนก็ต่างมีโลกของตัวเอง
จึงไม่ค่อยมีใครแวะมาใส่ใจมันเท่าไรนัก
ประกอบกันกับที่อายุของมันก็มากขึ้น
ความซ่าก็ลดลงตามไป
ในช่วงปีสาม ผมกับเหยินมักได้พบกันในตอนกลางคืน
ช่วงที่ผมลงมาอ่านหนังสือด้านใต้ถึนอาคารตอนดึก
ในบางทีก็จะพบมันอยู่ห่างๆ เดินเล่นบ้าง นอนเล่นบ้าง
ชีวิตช่างแสนสุขสบาย
จนกระทั้งผมจบ
ผมเองก็แทบไม่มีโอกาสได้แวะกลับมาที่โรงเรียนจ่าอีกเลย
ถึงแม้ว่าจะอยู่ไม่ไกลกันก็ตามที
จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เข้าไปและยังพบมันวิ่งเล่นอยู่
ก็คงเป็นช่วงไม่กี่เดือนก่อน ช่วงเวลาที่นักเรียนจ่าที่จบมารุ่นล่าสุด
เพิ่งประดับเครื่องหมายยศไป ในเดือนพฤษภา
ผมว่าผมยังเห็นมันวิ่งเล่นอย่างร่าเริงอยู่เลย
จนมาวันนี้ในตอนเช้า ผมก็เชคเฟสบุคตามปรกติ
ก็ได้ผมรูปภาพรุ่นพี่ที่โรงเรียนจ่าอากาศโพสเอาไว้
ใต้รูปภาพมีคำบรรยายสั้นๆเขียนว่า
"ไอ้เหยินตายแล้ว"
ในภาพเป็นภาพหมาสีน้ำตาล
ตัวผมแห้ง นอนอยู่นิ่งๆ
ไร้ชีวา และไร้ซึ่งชีวิต
ใจไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นมันจริงๆ
แต่ดูจากลักษณะรูปร่าง กับความคุ้นเคย
ทำให้ผมมั่นใจว่าใช่มันไม่ผิดแน่
ผมใจหายอยู่ครู่หนึ่งเมื่อรู้ว่ามันคือความจริง
แล้วหลังจากนั้นจึงเอาไปโพสในเฟสบุคกลุ่มผม
เพื่อประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ซึ่งการตายของมัน
ผมเองก็คงไม่อยากถามสาเหตุมากนัก
คงเป็นเพราะอายุที่มันคงมากจากครั้งแรกที่ได้เห็น
ก็รู้ว่ามันคงไม่ใช่หมาวัยรุ่นแน่นอน
อย่างที่เขาว่ากัน อายุหมาใน 1 ปี
จะเป็น 8 เท่าของอายุคน
ตอนที่พบกัน มันอาจจะอยู่มากี่ปีแล้วไม่รู้
แต่ 5 ปี ที่รู็จักกัน อายุมันก็บวกไปจากเดิม 40ปีคน
และด้วยร่างกายที่ไม่สมประกอบของมันแต่แรก
มันอยู่ได้นานขนาดนี้ก็สุดยอดแล้ว...
ในความเป็นจริงก็ไม่มีสิ่งใดที่คู่คงดำรงอยู่ได้ตลอดกาล
ได้นาเท่ากับ ความทรงจำ กับความผูกพันธ์ที่มี
แม้ว่ามันอาจจะไม่ลึกซึ้งนัก
แต่อย่างน้อยผมก็รู้จักมัน
และมันก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนจ่าอากาศ
ในปีเดียวกันกับพวกผมนั่นเอง
มันอาจไม่เก่งและไม่มีวีกรรมเท่ากับหมาทหารหรือตำรวจ
แต่มันก็มีวีรกรรมหลายๆอย่างที่พวกผมทำ
ที่มีมันเป็นส่วนประกอบ
แม้ในวันนี้อาจไม่มีมันอยู่
ไม่มีร่างอืดๆ เดินไปเดินมาตอนไปทานข้าว
ไม่มีเสียงโหยหวนตอนเคารพธงชาติ
แต่ผมเชื่อนะ
ว่าภาพของมันและการกระทำของมัน
จะยังคงติดแน่นอยู่ในใจของพวกเราไปอีกนานเท่านาน
หากคุณผ่านไปที่โรงเรียนจ่าอากาศในตอนดึกๆ
แล้วเห็นหมาตัวสีน้ำตาลๆ น้ำลายใหลยืด
เดินมาเหมือนหมาพิการ นั้นแหละครับ
" เหยิน...หมานักเรียนจ่า ปี2551 "
ขอจงไปสู่สุขติ และได้เกิดเป็นนักเรียนจ่าสมใจ
และขอให้ไม่พิการแล้วนะ
-- Khaikung --
19/06/2556
ด้านล่างผมซ่อนรูปศพของมันไว้นะครับ
เผื่อคนไม่อยากดู แต่ไม่น่ากลัวหรอก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-- แด่..สหายผู้ล่วงลับ -- (การจากไปของสุนัขพิการสีน้ำตาลในรั้วโรงเรียนทหาร)
-- แด่..สหายผู้ล่วงลับ --
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว
ในขณะที่ผมยังเป็นเด็กหนุ่มหน้าใสวัยละอ่อน
มีคำนำหน้าชื่อคือ
"นักเรียนจ่าอากาศ" ชั้นปีที่ 1
ซึ่งตอนนั้นกิจวัตรช่วงครึ่งปีแรก
ก็ดำเนินไปอย่างปรกติ
ตื่น วิ่ง กิน โดนเขากิน เข้าเรียน
พักกลางวัน เย็นวิ่ง กินข้าว สวดมนต์ นอน
วนเวียนอยู่อย่างนี้เรื่อยไป
จนในวันหนึ่ง ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่เท่าไร
ผมเองก็ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดนัก
ทราบเพียงเป็นช่วงปลายๆเทอมสอง
จนไกล้จะจบปี 1 อยู่แล้ว
ในขณะที่เหล่านักกีฬาของรุ่น
เดินกลับมาจากการฝึกซ้อมกีฬา
ในช่วงเย็นของวันตามปรกติ
สิ่งมีชีวิตไม่ทราบสายพันธ์ที่แน่ชัดก็ปรากฏขึ้น
สิ่งมีชีวิตชนิดนั้นหากดูตามแบบโดยรวมของมัน
มันจะเหมือนกันกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "หมา"
แต่ทว่าหากมองให้ลึกลงไป
ผมอยากจะเติมสายพันธ์ที่เด่นชัด
ให้เหมาะสมกับสิ่งที่มันเป็นมากขึ้นไปอีก
ผมอยากเติมคำว่า "บ้า" ต่อท้ายคำว่า "หมา"
นั่นแหละครับ จากรูปลักษ์ของมัน
น้ำลายที่ใหลย้อยจากปากแทบตลอดเวลา
ขาที่เหมือนจะพิการ
มันช่างดูไม่น่าเป็นหมาที่น่าจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงทุกวันนี้จริงๆ
แต่สิ่งที่เป็นลักษณะเด่นของมัน
นอกจากขนสีน้ำตาล
มันยังมีฟันหน้าที่เก็บไม่ลงอยู่อีกด้วย
ดังนั้นฟันที่ยื่นแบบเหยินๆของมัน
จึงเป็นลักษณะที่เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้
หลังจากนั้นเป็นต้นมา "ไอ้เหยิน"
ก็ได้กลายเป็นชื่อเรียกของมันไป
ผมเองก็ไม่ทราบแน่ชัดถึงบรรพบุรุธของมัน
มันน่าจะเป็นหมาเร่ร่อนที่บังเอิญ
เดินตามนักเรียนจ่าที่ออกไปซ้อมกีฬาเข้ามา
แล้วบังเอิญเห็นว่าที่นี่น่าอยู่ดี มันเลยปักหลักอยู่ที่นี่
ที่ใต้อาคารนอนของพวกผมซะเลย...
ไอ้เหยินเป็นหมาที่ค่อนข้างฉลาดนะผมว่า
มันจะชอบเดินตามแถวนักเรียนจ่าอากาศ
ในเวลาเช้า หลังจากที่พวกผมตื่นมาวิ่ง
แต่งตัวกันเรียบร้อย
เตีรยมพร้อมที่จะเดินไปทานข้าวโดยพร้อมเพรียงกัน
เหยินมันก็ชอบมาเดินวนๆ อยู่รอบๆแถว
ซึ่งในช่วงแรกๆ
ก็สร้างความไม่พอใจให้กับผู้หมู่อยู่ไม่น้อย
จนนานๆเข้านานๆเข้า เขาก็ชัดเริ่มจะชิน
จนมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของขบวนแถวพวกผมไปโดยปริยาย
ในตัวหมาน้ำลายยืดตัวนี้
ยังมีความหน้ารักบางอย่างแฝงอยู่
คือในตอนเช้า ช่วงก่อน 8 นาฬิกา
เวลาเคารพธงชาติ
หลังจากที่เหยินเดินตามแถวพวกผมมาจนถึงลานรวมพล
มันจะชอบไปเดินวนๆ
อยู่บริเวณเสาธง
จนถึงช่วงเวลา 8 นาฬิกา
สัญญาณเคารพถงชาติดังขึ้น
เสียงเพลงจากวิทยุประสานเสียง
ร้องเพลงของนักเรียนจ่าอากาศดังสนั่น
ฉันพลัน เสียงของเหยินก็ร้องตามเช่นกัน
"บรู้วววว~~ โฮ่งๆ บรู้วว~~....."
พระเจ้า!! หมาหอนตอนกลางวัน
แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ จนจบเพลง
ไม่รู้ว่าสัญชาติญาณแต่ปางใหน
หรือในเพลงมีกลไกบางอย่างที่กระตุ้นให้มันต้องหอนโต้ตอบ
แต่การกระทำของมันที่ทำอยู่เสมอๆ
ทำให้มันกลายเป็นที่รักไปโดยไม่รู้ตัว
และชื่อเสียงของมันก็เลื่องลือไปทั่วโรงเรียนจ่าอากาศ
จนผมขึ้นชั้น ปี2 พวกผมย้ายไปยังอาคารนอนแห่งใหม่
แต่ไอ้เหยินก็ยังคงวนเวียนอยู่ในโรงเรียน
กับความเคยชินในสถานที่ และผู้คนที่แบ่งอาหารให้มันอย่างไม่ขาด
ถึงบางทีมันจะทานแล้วร่วงออกตามฟันของมันบ้างก็ตามที
มีช่วงหนึ่งซึ่งผมเห็นมันมีแผลเหวะมาเต็มใบหน้า
คาดว่ามันคงไปมีเรื่องกับหมาแมวที่ใหนมาแน่ๆ
หรือเลวร้านที่สุดก็คงจะเป็นการไปฟัดกับหนูมา
(หนูที่โรงเรียนจ่าตัวใหญ่มากกกกกก)
ทำเอามันซึมๆไปช่วงหนึ่ง
แต่ไม่นานนักมันก็กลับมาวิ่งน้ำลายยืดได้เหมือนเดิม
จนพวกผมขึ้นสู่ชั้นปี 3 กลับมาสู่อาคารเดิม
ที่ยังคงมีเหยินคอยเดินเฟ้าอยู่
ไม่ต่างจากเมื่อสองปีก่อน แต่ทว่าช่วงเวลานั้น
ต่างคนก็ต่างมีโลกของตัวเอง
จึงไม่ค่อยมีใครแวะมาใส่ใจมันเท่าไรนัก
ประกอบกันกับที่อายุของมันก็มากขึ้น
ความซ่าก็ลดลงตามไป
ในช่วงปีสาม ผมกับเหยินมักได้พบกันในตอนกลางคืน
ช่วงที่ผมลงมาอ่านหนังสือด้านใต้ถึนอาคารตอนดึก
ในบางทีก็จะพบมันอยู่ห่างๆ เดินเล่นบ้าง นอนเล่นบ้าง
ชีวิตช่างแสนสุขสบาย
จนกระทั้งผมจบ
ผมเองก็แทบไม่มีโอกาสได้แวะกลับมาที่โรงเรียนจ่าอีกเลย
ถึงแม้ว่าจะอยู่ไม่ไกลกันก็ตามที
จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เข้าไปและยังพบมันวิ่งเล่นอยู่
ก็คงเป็นช่วงไม่กี่เดือนก่อน ช่วงเวลาที่นักเรียนจ่าที่จบมารุ่นล่าสุด
เพิ่งประดับเครื่องหมายยศไป ในเดือนพฤษภา
ผมว่าผมยังเห็นมันวิ่งเล่นอย่างร่าเริงอยู่เลย
จนมาวันนี้ในตอนเช้า ผมก็เชคเฟสบุคตามปรกติ
ก็ได้ผมรูปภาพรุ่นพี่ที่โรงเรียนจ่าอากาศโพสเอาไว้
ใต้รูปภาพมีคำบรรยายสั้นๆเขียนว่า
"ไอ้เหยินตายแล้ว"
ในภาพเป็นภาพหมาสีน้ำตาล
ตัวผมแห้ง นอนอยู่นิ่งๆ
ไร้ชีวา และไร้ซึ่งชีวิต
ใจไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นมันจริงๆ
แต่ดูจากลักษณะรูปร่าง กับความคุ้นเคย
ทำให้ผมมั่นใจว่าใช่มันไม่ผิดแน่
ผมใจหายอยู่ครู่หนึ่งเมื่อรู้ว่ามันคือความจริง
แล้วหลังจากนั้นจึงเอาไปโพสในเฟสบุคกลุ่มผม
เพื่อประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ซึ่งการตายของมัน
ผมเองก็คงไม่อยากถามสาเหตุมากนัก
คงเป็นเพราะอายุที่มันคงมากจากครั้งแรกที่ได้เห็น
ก็รู้ว่ามันคงไม่ใช่หมาวัยรุ่นแน่นอน
อย่างที่เขาว่ากัน อายุหมาใน 1 ปี
จะเป็น 8 เท่าของอายุคน
ตอนที่พบกัน มันอาจจะอยู่มากี่ปีแล้วไม่รู้
แต่ 5 ปี ที่รู็จักกัน อายุมันก็บวกไปจากเดิม 40ปีคน
และด้วยร่างกายที่ไม่สมประกอบของมันแต่แรก
มันอยู่ได้นานขนาดนี้ก็สุดยอดแล้ว...
ในความเป็นจริงก็ไม่มีสิ่งใดที่คู่คงดำรงอยู่ได้ตลอดกาล
ได้นาเท่ากับ ความทรงจำ กับความผูกพันธ์ที่มี
แม้ว่ามันอาจจะไม่ลึกซึ้งนัก
แต่อย่างน้อยผมก็รู้จักมัน
และมันก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนจ่าอากาศ
ในปีเดียวกันกับพวกผมนั่นเอง
มันอาจไม่เก่งและไม่มีวีกรรมเท่ากับหมาทหารหรือตำรวจ
แต่มันก็มีวีรกรรมหลายๆอย่างที่พวกผมทำ
ที่มีมันเป็นส่วนประกอบ
แม้ในวันนี้อาจไม่มีมันอยู่
ไม่มีร่างอืดๆ เดินไปเดินมาตอนไปทานข้าว
ไม่มีเสียงโหยหวนตอนเคารพธงชาติ
แต่ผมเชื่อนะ
ว่าภาพของมันและการกระทำของมัน
จะยังคงติดแน่นอยู่ในใจของพวกเราไปอีกนานเท่านาน
หากคุณผ่านไปที่โรงเรียนจ่าอากาศในตอนดึกๆ
แล้วเห็นหมาตัวสีน้ำตาลๆ น้ำลายใหลยืด
เดินมาเหมือนหมาพิการ นั้นแหละครับ
" เหยิน...หมานักเรียนจ่า ปี2551 "
ขอจงไปสู่สุขติ และได้เกิดเป็นนักเรียนจ่าสมใจ
และขอให้ไม่พิการแล้วนะ
-- Khaikung --
19/06/2556
ด้านล่างผมซ่อนรูปศพของมันไว้นะครับ
เผื่อคนไม่อยากดู แต่ไม่น่ากลัวหรอก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้