สิ่งที่คนจำนวนมากเข้าใจผิดไป...
ผู้ที่ปรับเพิ่มหลักประกันไม่ใช่
ตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX แต่ว่าเป็น
สำนักหักบัญชี หรือ TCH ต่างหาก
การปรับเพิ่มหลักประกันทำไปเพื่อประโยชน์ของนักลงทุนเอง (ถ้าคุณเข้าใจกลไกการทำงานของมันนะ) ทุกวันนี้หลายคนคิดไปว่า "คู่สัญญา" ที่มาจับคู่ในการ ซื้อ-ขาย หรือ long-short กับเราก็คือ นักลงทุนรายอื่นหรือใครซักคนที่เราไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ทั้งที่จริงแล้วคู่สัญญาของเราก็คือ TCH ต่างหาก
นี่คือสิ่งที่หลายคนคิด
นาย A ---------- นาย B
แต่นี่คือกลไกจริงๆ
นาย A ---------- TCH และ
TCH ---------- นาย B
การมีสำนักหักบัญชี หรือ TCH มาเป็นด่านหน้าให้เรานั้น ทำให้นักลงทุนรายย่อยสบายใจได้ว่า นาย A หรือ นาย B ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของสัญญาจะไม่เบี้ยวเงินเรา หรือต่อให้เบี้ยวขึ้นมาจริงๆ ก็ยังมี TCH คอยรับหน้าแทน
พูดง่ายๆ คือ ถ้าเราได้เงิน TCH จะจ่ายให้เราก่อน จากนั้นค่อยไปตามทวงจาก นาย A หรือ นาย B อีกที
อย่างไรก็ตาม TCH เองก็มี resource จำกัด หากมีคนเบี้ยวเงินมากๆ เข้า TCH เองก็อาจล่องจุ๊นได้เหมือนกัน และถ้า TCH ไม่รอด ใครจะเอาเงินมาจ่ายเรา
ดังนั้นการเรียกหลักประกันจึงไม่ควรน้อยเกินไป และควรปรับให้เข้ากับสถานการณ์อยู่เสมอ ในภาวะที่ตลาดเหวี่ยงแรงอย่างในช่วงนี้ ผมเห็นว่าเหมาะสมแล้วที่จะมีการปรับเพิ่มหลักประกัน และคนที่เป็น "มืออาชีพ" จริงๆ เขาก็ไม่วางหลักประกันแค่พอดีขั้นต่ำด้วย
ความจริงผมเคยเขียนเรื่องนี้ไว้นานแล้ว แต่แนวคิดยังคงใช้ได้เสมอ
http://www.monkeyfreetime.com/2011/08/blog-post_18.html
ก่อนจะเข้าใจผิดเรื่องการปรับเพิ่มหลักประกัน TFEX
ผู้ที่ปรับเพิ่มหลักประกันไม่ใช่ ตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX แต่ว่าเป็น สำนักหักบัญชี หรือ TCH ต่างหาก
การปรับเพิ่มหลักประกันทำไปเพื่อประโยชน์ของนักลงทุนเอง (ถ้าคุณเข้าใจกลไกการทำงานของมันนะ) ทุกวันนี้หลายคนคิดไปว่า "คู่สัญญา" ที่มาจับคู่ในการ ซื้อ-ขาย หรือ long-short กับเราก็คือ นักลงทุนรายอื่นหรือใครซักคนที่เราไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ทั้งที่จริงแล้วคู่สัญญาของเราก็คือ TCH ต่างหาก
นี่คือสิ่งที่หลายคนคิด
นาย A ---------- นาย B
แต่นี่คือกลไกจริงๆ
นาย A ---------- TCH และ TCH ---------- นาย B
การมีสำนักหักบัญชี หรือ TCH มาเป็นด่านหน้าให้เรานั้น ทำให้นักลงทุนรายย่อยสบายใจได้ว่า นาย A หรือ นาย B ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของสัญญาจะไม่เบี้ยวเงินเรา หรือต่อให้เบี้ยวขึ้นมาจริงๆ ก็ยังมี TCH คอยรับหน้าแทน พูดง่ายๆ คือ ถ้าเราได้เงิน TCH จะจ่ายให้เราก่อน จากนั้นค่อยไปตามทวงจาก นาย A หรือ นาย B อีกที
อย่างไรก็ตาม TCH เองก็มี resource จำกัด หากมีคนเบี้ยวเงินมากๆ เข้า TCH เองก็อาจล่องจุ๊นได้เหมือนกัน และถ้า TCH ไม่รอด ใครจะเอาเงินมาจ่ายเรา
ดังนั้นการเรียกหลักประกันจึงไม่ควรน้อยเกินไป และควรปรับให้เข้ากับสถานการณ์อยู่เสมอ ในภาวะที่ตลาดเหวี่ยงแรงอย่างในช่วงนี้ ผมเห็นว่าเหมาะสมแล้วที่จะมีการปรับเพิ่มหลักประกัน และคนที่เป็น "มืออาชีพ" จริงๆ เขาก็ไม่วางหลักประกันแค่พอดีขั้นต่ำด้วย
ความจริงผมเคยเขียนเรื่องนี้ไว้นานแล้ว แต่แนวคิดยังคงใช้ได้เสมอ http://www.monkeyfreetime.com/2011/08/blog-post_18.html