กษิติ กมลนาวิน "อย่าให้ถึงกับทำอัปลีย์ ชักศึกเข้าบ้าน ทำลายชาติ เพื่อให้ตนเองได้เถลิงอำนาจนะครับ"

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
       
        การแย่งชิงตำแหน่งผู้นำวงการฟุตบอลของไทย ซึ่งวาระการดำรงตำแหน่งของนายกสมาคมฯ ที่ครอบครองมาแล้ว 3 วาระ รวมระยะเวลา 6 ปี ได้จบสิ้นลงตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ต้องมีเหตุให้ลุกลามไปไกลเป็นเรื่องยาวเสียแล้ว เพราะถึงแม้นายกสมาคมฯ คนเก่าจะมีผลงานห่วยอย่างไร มีความไม่โปร่งใสเพียงใด แม้แฟนบอลต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงต่างก็รุมก่นด่า สาปแช่ง ส่งเสียงขับไล่กันมานมนานเท่าไร เขาก็ยังมุ่งมั่นยื้อยุดไม่ยอมผละจากตำแหน่ง ความละอายถูกบดบังด้วยผลประโยชน์ที่มันมากมายเหลือเกิน
       
        นี่บรรดาพรรคพวกถึงกับออกปากขู่ว่า ฟีฟา จะแบนชาติไทย เขาจะแบนได้อย่างไรครับ ก็ในเมื่อวันชี้แจง ผมก็ออกปากด่าฝรั่งเรื่องที่เขาพูดขู่ว่าจะแบนไป เขายังต้องกล่าว ขอโทษ ด้วยเสียงอ่อยๆ เลย ก็ในเมื่อธรรมนูญฉบับใหม่ที่เพิ่งได้รับการรับรองในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีเมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง ยังไม่ถึงกำหนดบังคับใช้ และเราก็มีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะจัดการเลือกตั้งตามข้อบังคับที่ได้รับมอบอำนาจอย่างถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน เนื่องจากมันถึงกำหนด หมดเวลาแล้ว
       
        หากการเลือกตั้งของสมาคมฟุตบอลเกิดขึ้น เมื่อได้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่แล้วทำการเรียกประชุมใหญ่เพื่อรับรองธรรมนูญมาตรฐาน ของ ฟีฟา หลังจากนั้นจึงจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ภายในกรอบระยะเวลาก่อนที่ทาง ฟีฟา จะบังคับใช้ธรรมนูญใหม่ มันก็จะไม่สายเกินไป และยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทย ไม่มีใครสักคนที่ต่อต้าน ธรรมนูญของฟีฟา ทั้งสิ้น อันนี้นำไปชี้แจ้งในที่ประชุมของ ฟีฟา ได้อย่างแน่นอน
       
        การใช้มาตรการลงโทษแบนชาติสมาชิกนั้น สาเหตุส่วนหนึ่งที่พบบ่อยนั้นเกิดขึ้นเพราะการแทรกแซงจากอำนาจรัฐ เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้การเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยว อยากให้จัดการกันเองภายใน ทั้งนี้ ฟีฟา ไม่ได้หมายความว่าจะให้เป็นศัตรูกับรัฐ แต่ตรงข้ามครับ เขาอยากให้มีความร่วมมือร่วมใจกันเสียด้วยซ้ำ
       
        ติเอรี่ เลอเกอนาส ผู้อำนวยการฝ่ายชาติสมาชิกและพัฒนา เคยขยายความคำว่า รัฐเข้าไปแทรกแซง นั้นหมายถึง รัฐดันเข้าไปควบคุมโดยตรง โดยเขายกตัวอย่างกรณีการแทรกแซงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็เนื่องจากการดำเนินงานของสมาคมฟุตบอลมันห่วยเหลือเกิน ทีมชาติของตนแข่งไปก็แพ้อยู่เรื่อย ทำให้ฝ่ายรัฐตัดสินใจว่าต้องเข้ามาดำเนินการอะไรสักที คือต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง จึงจัดแจงให้คนอื่นเข้ามาเป็นผู้นำสมาคมแทน นี่แหละครับ การแทรกแซงทางการเมือง
       
        ธรรมนูญ ฟีฟา ในหมวดที่เกี่ยวกับการลงโทษพักสมาชิกภาพนั้นก็มีกำหนดชัดเจนว่า ที่ประชุมใหญ่มีหน้าที่ในการลงโทษพักสมาชิกภาพ แต่คณะกรรมการบริหารมีสิทธิ์ลงโทษพักสมาชิกภาพกับชาติสมาชิกที่ละเมิดข้อผูกพันอย่างรุนแรงโดยมีผลทันทีเลยก็ได้ ซึ่งการระงับสมาชิกภาพดังกล่าวจะถูกนำมาลงมติยืนยันในการประชุมใหญ่ครั้งต่อไปด้วยคะแนนเสียง 3 ใน 4 ซึ่งถ้าคะแนนเสียงไม่ผ่าน การลงโทษนั้นก็จะถูกยกไปโดยอัตโนมัติ
       
        สำหรับปัญหาการเลือกตั้งสมาคมของไทยนั้น จะว่าไม่รับธรรมนูญใหม่ของ ฟีฟา นั้นไม่ใช่แน่นอน การแทรกแซงทางการเมืองก็ไม่ใช่ แต่เป็นเพราะนายกสมาคมหมดวาระ และไม่ยอมจัดการเลือกตั้งตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้ มันเป็นการปล้นคนทั้งชาติครับ อันนี้ ฟีฟา คงไม่สนับสนุนให้ใครปล้นชาติหรือทำผิดกฎหมายของชาตินั้นๆ นะครับ
       
        ฟีฟา ยังไม่เคยมีจดหมายหรือเอกสารอื่นใดที่บังคับให้สมาคมฟุตบอลจัดการเลือกตั้งโดยใช้ธรรมนูญใหม่ ซึ่งผมยังมีข้อสงสัยว่า การที่บางคนอ้างว่าจะทำหนังสือไปถึง ฟีฟา นั้น มันจะเป็นการนำต่างชาติเข้ามาบีบบังคับชาวไทยเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์หรือเปล่า อย่าให้ถึงกับทำอัปลีย์ ชักศึกเข้าบ้าน ทำลายชาติ เพื่อให้ตนเองได้เถลิงอำนาจนะครับ

CREDIT : http://www.manager.co.th/sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000073666


พี่ทอมเขียนได้ชัดเจนมากครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่