จากเดิมที่ผมต้องทนขึ้นรถแท็กซี่ แล้วฟังพวกคนขับเปิดวิทยุสรรเสริญทักษิณเพราะให้โอกาสให้พวกเขาซื้อรถแท็กซี่ด้วยดอกเบี้ยราคาต่ำ … ทั้งๆ ที่ (อย่างน้อยก็สำหรับผม) หลายๆ เรื่องที่เขาบริหารประเทศผิดพลาด รวมถึงมีข้อสงสัยว่าน่าจะทุจริตมากมาย มาตอนนี้ ผมกลับพูดคุยกับคนขับรถแท็กซี่และด่าว่ารัฐบาลเพื่อไทยอย่างสนุกปาก
เพราะนโยบายรถคันแรกที่รัฐบาลชุดนี้ ทำเพื่อเอาใจคนชั้นกลาง โดยเฉพาะคนในเมืองใหญ่ ทำให้รถแท็กซี่ได้ผู้โดยสารลดลง, รถติดมากขึ้น โดยที่ได้กำไรไปนั้น คือ บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นเอากำไรส่วนใหญ่ไปจากภาษีของประชาชน และทำให้ทางด่วนได้ทำรายได้มากที่สุดเท่าที่เคยตั้งมาแล้ว ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์กับประชาชนคนไทยโดยทั่วไปหรือแม้แต่คนชั้นกลางที่ซื้อรถ คุ้มค่าคุ้มภาษีประชาชนจ่ายให้รัฐบาลและที่ไปกู้มาเอาไปผลาญเล่น แถมหลังนโยบายรถคันแรกผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี ก็มาอนุญาตให้ทางด่วนขึ้นราคาอีกหล่ะ (คนขับแท็กซี่บางคน เขาพูดเรื่องนี้กับผมก่อนผมจะเอ่ยปากด้วยซ้ำไป)
มิหนำซ้ำ การทะยอยขึ้นราคาแก๊ซของรัฐบาล เพื่อให้ปตท.ไม่ขาดทุนจากราคาก๊าซ ทั้งๆ ที่ปตท.กำไรปีละหลายหมื่นล้านบาท จะเจียดกำไรสัก 1,000-2,000 ล้านในฐานะรัฐวิสาหกิจ ถือหุ้นใหญ่โดยกระทรวงการคลัง มาช่วยค่าครองชีพของประชาชนและค่าใช้จ่ายของรถแท็กซี่ไม่ได้หรืออย่างไร (หรือว่าต้องการให้ปตท.เขาปันผลเยอะๆ ให้คนถือหุ้น ที่หลายคนก็เป็นคนของพรคเพื่อไทยทั้งนั้น)
ส่วนแท็กซี่ที่ขับรถใช้ NGV อีกไม่นาน รัฐบาลก็จะปล่อยให้ปทต.ขึ้นค่า NGV อยู่ดี เพราะกำไรของผู้ถือหุ้น ปตท. (ที่หลายคนเป็นคนของพรรค) ย่อมเป็นที่ปรารถนาของคนถือหุ้น มากกว่าค่าครองชีพของแท็กซี่หาเช้ากินค่ำและค่าเชื้อเพลิงรถของประชาชนคนธรรมดาอยู่แล้ว
นอกจากนั้น ราคาสินค้าทางการเกษตรและอื่นๆ ที่ขึ้นราคามา ทำให้ข้าวสิ้นคิดทั้งหลาย เช่น ข้าวกระเพราไก่, ข้าวไก่กระเทียม, ข้าวผัด ฯลฯ ยังขึ้นราคาจาก 30 เป็น 35 บาทแล้ว ซึ่งกระทบทั้งผม และประชาชนทั่วไป รวมทั้งที่เลือกพรรคเพื่อไทยมาโดยตรง (ไหนนายกปูบอกตอนแถลงนโยบายว่า จะยกระดับรายได้ และลดค่าครองชีพไงหล่ะ ?
(ไม่ต้องมาบอกว่า สมัยทักษิณราคาข้าวสิ้นคิดพวกนี้ราคา 25 บาท แต่สมัยอภิสิทธิ์ขึ้นราคาเป็น 30 บาทนะครับ ข้าวสิ้นคิดราคา 30 บาทนี้มีมานานไม่ต่ำกว่า 5-6 ปี ก่อนรัฐบาลปชป. คนขายข้าวข้างบ้านผม และคนขัยแท็กซี่แทบทุกคันที่ผมขึ้นไปถามเป็นพยานได้)
นี่ยังไม่ได้พูดถึงว่า แทนที่จะสนับสนุนขนส่งมวลชน ลดค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือการจราจรติดขัดที่อุนมัติบ่อยๆ อีกเป็นพันล้านบาท กลับไปทำให้คนชั้นกลางกึ่งชั้นล่าง ที่มีรายได้เพียง 15,000 บาทต่อเดือน แต่มีคนค้ำประกันที่ดี ไปใช้ของที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตพวกเขาสักเท่าไหร่ - อย่างรถ - ทำให้เป็นหนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจผ่อนเสียเงินไปก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วก็ต้องยกเลิกเพราะเก็บเงินมาผ่อนไม่ไหว หรือ เดือดร้อนต่อคุณพ่อคุณแม่และคนค้ำประกันคนซื้อ อีกต่อหนึ่ง หรือต้องเป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบ
แถมพอเป็นหนี้รถแล้ว โอกาสที่จะกู้ซื้อบ้านก็ยิ่งเป็นไปได้น้อย เพราะธนาคารจะปล่อยกู้ไม่เกิน 40% ของเงินเดือน ดังนั้น เงินที่กู้ซื้อรถคันแรก (ที่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อชีวิต) กลับเป็นการตัดโอกาสการกู้เงินเพื่อซื้อบ้าน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ 4 อีกด้วย
(แต่คนได้ประโยชน์มากที่สุดอย่างที่กล่าวไว้ คือ บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น)
มันทำให้คนขับรถแท็กซี่หลายคนที่ผมขึ้นไปนั้น ด่ารมต.หลายคน รวมถึงนายกปู ถึงนโยบายที่กล่าวมาและโครงการจัดการน้ำ, โครงการรถไฟฟ้า ฯลฯ อย่างสนุกปาก
ส่วน ผมก็ถามว่า ค่าแท็กซี่นี่ไม่ได้ขึ้นมานานเท่าไหร่ พวกเขาก็บอกว่านับสิบปีแล้ว - ทำไมกับข้าราชการปริญญาตรี, ค่าจ้างขั้นตำ, รถไฟฟ้า BTS รัฐบาลถึงขึ้นรายได้ให้พวกเขาได้ แล้วทำไมแท็กซี่อีกนับหมื่นคนและถ้านับครอบครัวด้วยก็เป็นแสนคน รัฐบาลเพื่อไทย ถึงขึ้นราคาให้รถแท็กซี่ไม่ได้ ? ทั้งๆ ที่ทะยอยขึ้นสัก 3-4 บาท ก็ได้ ขึ้นสัก 4-5 ปีครั้งก็ทำได้
ถ้าจะบอกว่ามีปัญหาเรื่องเหรียญทอนทำได้ไม่สะดวก ทำไมพวกผมคนใช้รถแท็กซี่กับรถไฟฟ้า รวมถึงคนขับรถแท็กซี่ ถึงจะไม่ยอมพกเหรียญย่อยกันมากๆ หล่ะ เพราะตอนนี้ ค่าโดยสาร BTS (แม้แต่ช่วงต่อขยายที่ทางผู้ว่าสุขุมพันธ์ลดราคาให้ตามที่ได้หาเสียง) ก็มีราคาเป็นเศษไม่ครบ 5 หรือ 10 บาท เช่นกัน
ผมไม่ได้เรียกร้องให้พวกคุณเสื้อแดงในห้องราชดำเนินเลือกพรรคปชป. แต่พวกคุณจะรับฟังข้อมูลรอบด้านกว่านี้บ้างไหม ? คุณจะทำอย่างไรกับรัฐบาลเพื่อไทยให้เขารับผิดชอบมากกว่านี้ กับโครงการที่ผิดพลาดเหล่านี้และใช้ภาษีจากประชาชน ไปอย่างดี มีประสิทธิภาพ มากกว่านี้
และนี่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประชาชนกรุงเทพฯ เขตดอนเมืองเลือกพรรคปชป.ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทย หรือ ไทยรักไทย เดิม ได้สส. และครองคะแนนเสียงมาตลอด ... ถ้าพรรคนี้ยังบริหารประเทศได้แย่ขนาดนี้ รับรองได้ว่า เลือกตั้งใหญ่คราวหน้า มีโอกาสเสียสส.ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด และภาคกลางส่วนใหญ่ด้วยซ้ำไป
ขอบคุณนโยบายรถคันแรก,ขึ้นค่าแก็ส,รับจำนำข้าว และอื่นๆ ของเพื่อไทย ทำให้ตอนนี้ผมกับแท็กซี่ด่ารัฐบาลเพื่อไทยได้สนุกปาก
เพราะนโยบายรถคันแรกที่รัฐบาลชุดนี้ ทำเพื่อเอาใจคนชั้นกลาง โดยเฉพาะคนในเมืองใหญ่ ทำให้รถแท็กซี่ได้ผู้โดยสารลดลง, รถติดมากขึ้น โดยที่ได้กำไรไปนั้น คือ บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นเอากำไรส่วนใหญ่ไปจากภาษีของประชาชน และทำให้ทางด่วนได้ทำรายได้มากที่สุดเท่าที่เคยตั้งมาแล้ว ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์กับประชาชนคนไทยโดยทั่วไปหรือแม้แต่คนชั้นกลางที่ซื้อรถ คุ้มค่าคุ้มภาษีประชาชนจ่ายให้รัฐบาลและที่ไปกู้มาเอาไปผลาญเล่น แถมหลังนโยบายรถคันแรกผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี ก็มาอนุญาตให้ทางด่วนขึ้นราคาอีกหล่ะ (คนขับแท็กซี่บางคน เขาพูดเรื่องนี้กับผมก่อนผมจะเอ่ยปากด้วยซ้ำไป)
มิหนำซ้ำ การทะยอยขึ้นราคาแก๊ซของรัฐบาล เพื่อให้ปตท.ไม่ขาดทุนจากราคาก๊าซ ทั้งๆ ที่ปตท.กำไรปีละหลายหมื่นล้านบาท จะเจียดกำไรสัก 1,000-2,000 ล้านในฐานะรัฐวิสาหกิจ ถือหุ้นใหญ่โดยกระทรวงการคลัง มาช่วยค่าครองชีพของประชาชนและค่าใช้จ่ายของรถแท็กซี่ไม่ได้หรืออย่างไร (หรือว่าต้องการให้ปตท.เขาปันผลเยอะๆ ให้คนถือหุ้น ที่หลายคนก็เป็นคนของพรคเพื่อไทยทั้งนั้น)
ส่วนแท็กซี่ที่ขับรถใช้ NGV อีกไม่นาน รัฐบาลก็จะปล่อยให้ปทต.ขึ้นค่า NGV อยู่ดี เพราะกำไรของผู้ถือหุ้น ปตท. (ที่หลายคนเป็นคนของพรรค) ย่อมเป็นที่ปรารถนาของคนถือหุ้น มากกว่าค่าครองชีพของแท็กซี่หาเช้ากินค่ำและค่าเชื้อเพลิงรถของประชาชนคนธรรมดาอยู่แล้ว
นอกจากนั้น ราคาสินค้าทางการเกษตรและอื่นๆ ที่ขึ้นราคามา ทำให้ข้าวสิ้นคิดทั้งหลาย เช่น ข้าวกระเพราไก่, ข้าวไก่กระเทียม, ข้าวผัด ฯลฯ ยังขึ้นราคาจาก 30 เป็น 35 บาทแล้ว ซึ่งกระทบทั้งผม และประชาชนทั่วไป รวมทั้งที่เลือกพรรคเพื่อไทยมาโดยตรง (ไหนนายกปูบอกตอนแถลงนโยบายว่า จะยกระดับรายได้ และลดค่าครองชีพไงหล่ะ ?
(ไม่ต้องมาบอกว่า สมัยทักษิณราคาข้าวสิ้นคิดพวกนี้ราคา 25 บาท แต่สมัยอภิสิทธิ์ขึ้นราคาเป็น 30 บาทนะครับ ข้าวสิ้นคิดราคา 30 บาทนี้มีมานานไม่ต่ำกว่า 5-6 ปี ก่อนรัฐบาลปชป. คนขายข้าวข้างบ้านผม และคนขัยแท็กซี่แทบทุกคันที่ผมขึ้นไปถามเป็นพยานได้)
นี่ยังไม่ได้พูดถึงว่า แทนที่จะสนับสนุนขนส่งมวลชน ลดค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือการจราจรติดขัดที่อุนมัติบ่อยๆ อีกเป็นพันล้านบาท กลับไปทำให้คนชั้นกลางกึ่งชั้นล่าง ที่มีรายได้เพียง 15,000 บาทต่อเดือน แต่มีคนค้ำประกันที่ดี ไปใช้ของที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตพวกเขาสักเท่าไหร่ - อย่างรถ - ทำให้เป็นหนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจผ่อนเสียเงินไปก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วก็ต้องยกเลิกเพราะเก็บเงินมาผ่อนไม่ไหว หรือ เดือดร้อนต่อคุณพ่อคุณแม่และคนค้ำประกันคนซื้อ อีกต่อหนึ่ง หรือต้องเป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบ
แถมพอเป็นหนี้รถแล้ว โอกาสที่จะกู้ซื้อบ้านก็ยิ่งเป็นไปได้น้อย เพราะธนาคารจะปล่อยกู้ไม่เกิน 40% ของเงินเดือน ดังนั้น เงินที่กู้ซื้อรถคันแรก (ที่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อชีวิต) กลับเป็นการตัดโอกาสการกู้เงินเพื่อซื้อบ้าน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ 4 อีกด้วย
(แต่คนได้ประโยชน์มากที่สุดอย่างที่กล่าวไว้ คือ บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น)
มันทำให้คนขับรถแท็กซี่หลายคนที่ผมขึ้นไปนั้น ด่ารมต.หลายคน รวมถึงนายกปู ถึงนโยบายที่กล่าวมาและโครงการจัดการน้ำ, โครงการรถไฟฟ้า ฯลฯ อย่างสนุกปาก
ส่วน ผมก็ถามว่า ค่าแท็กซี่นี่ไม่ได้ขึ้นมานานเท่าไหร่ พวกเขาก็บอกว่านับสิบปีแล้ว - ทำไมกับข้าราชการปริญญาตรี, ค่าจ้างขั้นตำ, รถไฟฟ้า BTS รัฐบาลถึงขึ้นรายได้ให้พวกเขาได้ แล้วทำไมแท็กซี่อีกนับหมื่นคนและถ้านับครอบครัวด้วยก็เป็นแสนคน รัฐบาลเพื่อไทย ถึงขึ้นราคาให้รถแท็กซี่ไม่ได้ ? ทั้งๆ ที่ทะยอยขึ้นสัก 3-4 บาท ก็ได้ ขึ้นสัก 4-5 ปีครั้งก็ทำได้
ถ้าจะบอกว่ามีปัญหาเรื่องเหรียญทอนทำได้ไม่สะดวก ทำไมพวกผมคนใช้รถแท็กซี่กับรถไฟฟ้า รวมถึงคนขับรถแท็กซี่ ถึงจะไม่ยอมพกเหรียญย่อยกันมากๆ หล่ะ เพราะตอนนี้ ค่าโดยสาร BTS (แม้แต่ช่วงต่อขยายที่ทางผู้ว่าสุขุมพันธ์ลดราคาให้ตามที่ได้หาเสียง) ก็มีราคาเป็นเศษไม่ครบ 5 หรือ 10 บาท เช่นกัน
ผมไม่ได้เรียกร้องให้พวกคุณเสื้อแดงในห้องราชดำเนินเลือกพรรคปชป. แต่พวกคุณจะรับฟังข้อมูลรอบด้านกว่านี้บ้างไหม ? คุณจะทำอย่างไรกับรัฐบาลเพื่อไทยให้เขารับผิดชอบมากกว่านี้ กับโครงการที่ผิดพลาดเหล่านี้และใช้ภาษีจากประชาชน ไปอย่างดี มีประสิทธิภาพ มากกว่านี้
และนี่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประชาชนกรุงเทพฯ เขตดอนเมืองเลือกพรรคปชป.ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทย หรือ ไทยรักไทย เดิม ได้สส. และครองคะแนนเสียงมาตลอด ... ถ้าพรรคนี้ยังบริหารประเทศได้แย่ขนาดนี้ รับรองได้ว่า เลือกตั้งใหญ่คราวหน้า มีโอกาสเสียสส.ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด และภาคกลางส่วนใหญ่ด้วยซ้ำไป