ที่มา: หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ปักกิ่ง - ชาวเน็ตจีนฉุนเหตุนักศึกษาในฝรั่งเศสถูกพวกเหยียดผิวทำร้ายขณะไปเรียนทำไวน์ สื่อชี้อาจสะเทือนความสัมพันธ์สองฝ่าย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันจันทร์ (17 มิ.ย.) ว่า เหตุการณ์ที่นักศึกษาชาวจีน 6 คนที่อยู่ระหว่างศึกษาการปลูกองุ่นและการทำไวน์ในฝรั่งเศส ถูกคนในท้องถิ่นทำร้ายขณะอยู่ในที่พักในเมืองโอแตงส์ เมืองเล็กๆ ใกล้เมืองบอร์กโดซ์ แหล่งผลิตไวน์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เมื่อเช้ามืดวันเสาร์ที่ผ่านมา และทำให้นักศึกษาหญิงวัย 20 ปีเศษในกลุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ใบหน้าจากขวดแชมเปญจนต้องเข้ารับการผ่าตัดนั้น ได้จุดกระแสโกรธแค้นและก่นประณามในจีน หลังจากรัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศสกล่าวว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของพวกเกลียดกลัวต่างชาติ
ตำรวจฝรั่งเศสกล่าวว่า คนร้ายอยู่ในอาการมึนเมาขณะก่อเหตุ และขณะนี้ควบคุมตัวคนร้ายไว้แล้ว 2 คน
ชาวเน็ตจีนจำนวนมากแสดงความเห็นผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์เว่ยป๋อว่า ต่อไปคงไม่กล้าเดินทางไปท่องเที่ยวหรือเรียนที่ฝรั่งเศส เหตุร้ายที่เกิดขึ้นทำลายชื่อเสียงฝรั่งเศสและภาพลักษณ์โรแมนติกของประเทศนี้ แต่บางส่วนก็ตั้งข้อสังเกตว่า นักศึกษาเหล่านั้นอาจเป็นลูกหลานอภิสิทธิชน จึงได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ เพราะหากไปเรียนเมืองนอกได้ ย่อมต้องเป็นลูกหลานคนในรัฐบาลหรือครอบครัวร่ำรวย
สื่อท้องถิ่นในฝรั่งเศสรายงานว่า นักศึกษาจีนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นบุตรสาสของอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกษียณแล้ว
นอกจากนี้ ในหัวข้อพูดคุยยังมีการหยิบยกเรื่องความไม่พอใจกรณีที่นักลงทุนจีนได้เข้ากว้านซื้อแหล่งปลูกองุ่นในบอร์กโดซ์ด้วย
ด้านโกลบอลไทม์สรายงานว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหนึ่งวันก่อนพิธีเปิดงานไวน์เอ็กซ์โป งานไวน์และเหล้าใหญ่สุดในโลกแห่งหนึ่งซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบอร์กโดซ์ จีนถือเป็นตลาดใหญ่อันดับสามของไวน์ฝรั่งเศส และนักลงทุนจีนได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างมากในการเตรียมงานนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจบดบังความร่วมมือและอาจถึงขั้นกระทบสัมพันธ์ทวิภาคี ที่ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์จีนเพิ่งประกาศสอบสวนการทุ่มตลาดไวน์นำเข้าจากสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อตอบโต้ที่อียูตั้งกำแพงภาษีแผงโซลาร์ของจีน
สื่อจีนชี้ว่า หลายเดือนมานี้ชาวจีนตกเป็นเป้าของเหล่ามิจฉาชีพในฝรั่งเศส อาทิ เมื่อเดือนมีนาคม นักท่องเที่ยวจีน 23 คนถูกปล้นชิงทรัพย์หลังเพิ่งลงจากเครื่องบินที่ปารีส ดังนั้นการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษอาจไม่เพียงพอ แต่ฝรั่งเศสจะต้องเพิ่มความพยายามสกัดกั้นกระแสเกลียดต่างชาติไม่ให้ขยายวงกว้างอีกด้วย
จีนประณามกระแสเหยียดชาติ เหตุ นศ.สาวถูกปาแก้วใส่หน้าในฝรั่งเศส
ปักกิ่ง - ชาวเน็ตจีนฉุนเหตุนักศึกษาในฝรั่งเศสถูกพวกเหยียดผิวทำร้ายขณะไปเรียนทำไวน์ สื่อชี้อาจสะเทือนความสัมพันธ์สองฝ่าย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันจันทร์ (17 มิ.ย.) ว่า เหตุการณ์ที่นักศึกษาชาวจีน 6 คนที่อยู่ระหว่างศึกษาการปลูกองุ่นและการทำไวน์ในฝรั่งเศส ถูกคนในท้องถิ่นทำร้ายขณะอยู่ในที่พักในเมืองโอแตงส์ เมืองเล็กๆ ใกล้เมืองบอร์กโดซ์ แหล่งผลิตไวน์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เมื่อเช้ามืดวันเสาร์ที่ผ่านมา และทำให้นักศึกษาหญิงวัย 20 ปีเศษในกลุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ใบหน้าจากขวดแชมเปญจนต้องเข้ารับการผ่าตัดนั้น ได้จุดกระแสโกรธแค้นและก่นประณามในจีน หลังจากรัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศสกล่าวว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของพวกเกลียดกลัวต่างชาติ
ตำรวจฝรั่งเศสกล่าวว่า คนร้ายอยู่ในอาการมึนเมาขณะก่อเหตุ และขณะนี้ควบคุมตัวคนร้ายไว้แล้ว 2 คน
ชาวเน็ตจีนจำนวนมากแสดงความเห็นผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์เว่ยป๋อว่า ต่อไปคงไม่กล้าเดินทางไปท่องเที่ยวหรือเรียนที่ฝรั่งเศส เหตุร้ายที่เกิดขึ้นทำลายชื่อเสียงฝรั่งเศสและภาพลักษณ์โรแมนติกของประเทศนี้ แต่บางส่วนก็ตั้งข้อสังเกตว่า นักศึกษาเหล่านั้นอาจเป็นลูกหลานอภิสิทธิชน จึงได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ เพราะหากไปเรียนเมืองนอกได้ ย่อมต้องเป็นลูกหลานคนในรัฐบาลหรือครอบครัวร่ำรวย
สื่อท้องถิ่นในฝรั่งเศสรายงานว่า นักศึกษาจีนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นบุตรสาสของอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกษียณแล้ว
นอกจากนี้ ในหัวข้อพูดคุยยังมีการหยิบยกเรื่องความไม่พอใจกรณีที่นักลงทุนจีนได้เข้ากว้านซื้อแหล่งปลูกองุ่นในบอร์กโดซ์ด้วย
ด้านโกลบอลไทม์สรายงานว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหนึ่งวันก่อนพิธีเปิดงานไวน์เอ็กซ์โป งานไวน์และเหล้าใหญ่สุดในโลกแห่งหนึ่งซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบอร์กโดซ์ จีนถือเป็นตลาดใหญ่อันดับสามของไวน์ฝรั่งเศส และนักลงทุนจีนได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างมากในการเตรียมงานนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจบดบังความร่วมมือและอาจถึงขั้นกระทบสัมพันธ์ทวิภาคี ที่ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์จีนเพิ่งประกาศสอบสวนการทุ่มตลาดไวน์นำเข้าจากสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อตอบโต้ที่อียูตั้งกำแพงภาษีแผงโซลาร์ของจีน
สื่อจีนชี้ว่า หลายเดือนมานี้ชาวจีนตกเป็นเป้าของเหล่ามิจฉาชีพในฝรั่งเศส อาทิ เมื่อเดือนมีนาคม นักท่องเที่ยวจีน 23 คนถูกปล้นชิงทรัพย์หลังเพิ่งลงจากเครื่องบินที่ปารีส ดังนั้นการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษอาจไม่เพียงพอ แต่ฝรั่งเศสจะต้องเพิ่มความพยายามสกัดกั้นกระแสเกลียดต่างชาติไม่ให้ขยายวงกว้างอีกด้วย