อลิซาเบธ บาโธรี่ (Elizabeth Bathory) นางมารร้ายผู้โปรดปรานคาวเลือดบริสุทธิ์ ผีร้ายหรือแวมไพร์แล้วแต่ใครจะเรียกเธอ เพราะนี่คือฉายาของ อลิซาเบธ บาโธรี่
หญิงสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นฆาตกรหญิงที่โหดที่สุดในโลก เธอต้องการนำเลือดของหญิงสาวมาชำระร่างกาย (อาบน้ำแร่แช่น้ำนม) เพื่อให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งราวกับการทำศัลยกรรมสมัยนี้ เมื่อวิธีการฆ่าแบบธรรมดาทำให้เธอได้เลือดในปริมาณที่น้อยเกินไปกว่าความต้องการ เธอจึงสั่งให้สร้าง ไอรอนเมเดน ขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วและปริมาณเลือดให้ได้ตามที่เธอต้องการ
เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่ เกิดในปราสาทเชิงเขาคาร์เทียน ตระกูลของเธอเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงและเก่าแก่ของฮังการี่ ฉะนั้นตระกูลของเธอจึงมีอำนาจเป็นที่ยำเกรงต่อชาวบ้านธรรมดา สมัยก่อนคนในตระกูลมักนิยมแต่งงานกันเองตามหมู่เครือญาติเพื่อรักษาสมบัติของตระกูล นั่นจึงเป็นผลทำให้อลิซาเบธ บาโธรี่เกิดมามีอาการบกพร่องทางจิตอย่างรุนแรง ในวัยเด็กเธอมักจะหนีเรียนเพื่อไปเที่ยวกับลูกชาวนา จนตั้งท้องตอนอายุได้ 13 ปี ด้วยความอับอายของวงศ์ตระกูลเธอจึงถูกส่งตัวไปอยู่ยังปราสาทแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่เธอทำ ปฐมบทความสยดสยองได้เริ่มต้นขึ้น เมื่ออลิซาเบธได้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง อยู่มาวันหนึ่งสามีของเธอได้ตายลง อลิซาเบธจึงมีอำนาจและเงินทองมากมาย ผีร้ายในตัวเธอจึงปรากฏออกมาแบบเต็มตัว แม้จะมีเงินและอำนาจอยู่ในมือแล้ว แต่เธอก็มีปัญหาที่หนักอกที่สุดเหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไปนั่นก็คือ เนื้อหนังที่เหี่ยวย่นไปตามวัย อลิซาเบธจึงคิดค้นวิธีการคืนความเป็นสาวด้วยวิธีการนำเลือดมาชโลมร่างกาย!!! การสังหารหมู่จึงเปิดม่านขึ้น
การสังหารโหดที่เธอนำมาใช้มีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการให้ทหารเชือดคอหอยหญิงสาว โดยที่เธอนอนรอเลือดอยู่ในอ่างน้ำ หรือการจัดงานเลี้ยงที่เชิญหญิงสาวมารับประทานอาหาร หลังจากเสร็จงานเลี้ยงรับประทานอาหารก็เปลี่ยนเป็นปาร์ตี้เลือดไปแทน หน้าประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่าอลิซาเบธ บาโธรี่ฆ่าคนไปกว่า 600 คน (โหดไหมล่ะ) หนึ่งในวิธีฆ่าคนที่หลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือการใช้ไอรอนเมเดน เรื่องราวของเธอดำเนินต่อไปจนมาถึงจุดจบของความสนุกหรรษาเมื่อถูกทางการจับได้ว่าฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมทารุณ อลิซาเบธจึงถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการเผาต่อหน้าสาธารณะแต่เธอก็ยังมีโชคดีอยู่บ้างเมื่อคดีถูกโอนไปให้ตระกูลบาโธรี่ดูแล (ตระกูลของเธอเอง) เธอจึงถูกจองจำเอาไว้ในปราสาทเพื่อไม่ให้ออกมาทำร้ายใครอีกตลอดกาล
--------------------------------------------------------
คริสติน ดาเอ้ หญิงสาวที่สูญเสียพ่อและแม่ไป เธอจึงต้องอาศัยอยู่ในโรงละคร คริสตินได้รับการฝึกร้องเพลงจากชายลึกลับผู้หนึ่ง เธอเรียกชายคนนั้นว่า “เทวดาแห่งบทเพลง” เธอไม่เคยได้ยินเสียงใครหวานเท่านี้มาก่อนเลย แม้คริสตินจะเรียนร้องเพลงกับชายลึกลับคนนั้นอยู่ทุกวัน แต่เธอก็ไม่เคยได้เห็นใบหน้าของเขาเลยสักครั้ง ในคืนหนึ่งนักร้องที่จะต้องร้องเพลงโชว์บนเวทีเกิดป่วยขึ้นมากะทันหัน คริสตินจึงต้องขึ้นไปร้องเพลงแทนนักร้องคนนั้น และแล้วน้ำเสียงของเธอก็สะกดคนดูได้อยู่หมัด ผู้คนที่ได้ฟังต่างหลงใหลในเสียงอันอ่อนหวานของเธอ การฝึกฝนร้องเพลงกับชายลึกลับช่วยให้เธอเอาชนะใจคนดูไปได้ ในบรรดาผู้ชมที่นั่งอยู่ในโรงละครวันนั้นมีท่านเคานท์ฟิลลิปป์ผู้อุปถัมภ์โรงละครนั่งชมอยู่ด้วย ซึ่งท่านเคานท์ฟิลลิปป์นั้นเป็นพี่ชายของราอูล เพื่อนในวัยเด็กของคริสตินนั่นเอง และราอูลคนนี้จะมาฉกชิงหัวใจของคริสติน
นานวันราอูลเริ่มสนิทกับคริสตินมากขึ้น ชายลึกลับเริ่มอิจฉาทั้งคู่ เขาจึงตัดสินใจเปิดเผยตัวเองด้วยการเข้ามาแนะนำตัวกับคริสติน เธอจึงรู้ว่าชายลึกลับผู้นี้มีนามว่าอีริค แล้วค่ำคืนแห่งความโรแมนติกก็เริ่มขึ้นเมื่ออีริคสารภาพความในใจให้เธอฟัง ทั้งสองคนร้องเพลงประสานกันไปมาก่อนที่จะก้มลงจูบกัน แต่ในระหว่างนั้นด้วยความอยากรู้ของคริสตินว่าเขามีหน้าตาเป็นยังไง เธอจึงถอดหน้ากากของเขาออก ทันใดนั้นเธอก็ร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว เมื่ออีริคเป็นเพียงชายอัปลักษณ์หาใช่ชายรูปงามตามจินตนาการ คริสตินหวาดกลัวและขอร้องให้เขาปล่อยตัวเธอไป อีริคจึงคลายอ้อมกอดและปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนของเขาไป
ราอูลเริ่มรู้สึกสงสัยและเกิดอาการหึงหวงเมื่อแอบได้ยินคริสตินคุยกับอีริค เขาจึงออกสืบว่าคริสตินคุยกับใครทุกวัน จนประทั่งในงานปาร์ตี้หน้ากาก คริสตินจึงพาราอูลหนีออกมาจากงาน ราอูลแปลกใจจึงคาดคั้นเรื่องทั้งหมดจนรู้ความจริงว่านั่นคืออีริคชายบ้าอัปลักษณ์ ราอูลเห็นว่าอีริคเป็นเพียงชายบ้าคนหนึ่ง เขาจึงออกปากสัญญากับคริสตินว่าจะปกป้องเธอ ราอูลกับคริสตินจึงตกลงรักกัน เมื่ออีริครู้ความจริง เขาก็โกรธแค้นเธอเป็นอย่างมาก อีริคจึงออกก่อกวนผู้คนในโรงละครและได้ลงมือฆ่าท่านเคานท์ฟิลลิปป์พี่ชายของราอูลตาย เรื่องราวของปีศาจโรงละครเป็นที่โจษจันของผู้คนอย่างมาก จนกระทั่งอีริคได้ลักพาตัวคริสตินไป เขาได้พาเธอไปที่บ้านของชายเปอร์เซียร์ และที่แห่งนั้นเองที่อีริคตัดสินใจปล่อยราอูลและคริสตินไป!!! เพื่อให้เธอได้มีชีวิตรักในแบบที่เธอต้องการ คริสตีนซาบซึ้งกับความรักของอีริคเป็นอย่างมาก เธอจึงก้มลงจูบที่หน้าผากของเขาอย่างไม่รังเกียจ รอยจูบนั้นเป็นความสุขเดียวที่เขาได้รับตลอดชีวิตของเขา
ความอิจฉาจะครอบงำจนจิตใจของเขาเป็นสีดำสนิท แต่กระนั้นความรักต่อคริสตินก็ยังล้ำลึกกว่านั้น เพียงแค่สัญญาณแห่งความรักเล็กๆ ที่คริสตินมอบให้ก็เพียงพอแล้วกับทั้งหมดของชีวิตที่เขามีลมหายใจ
-------------------------------------------------------------------
โลลิต้า (Lolita) ราคะของชายแก่ ศาสตราจารย์ฮัมเบิร์ต กำลังเดินหาห้องเช่าชั่วคราว จนเขาได้พบกับบ้านหลังหนึ่งซึ่งเจ้าของบ้านเป็นหญิงหม้ายนามว่าแชร์ล็อตต์ ในระหว่างที่เขากำลังเดินชมบ้านอยู่นั้น เขาก็ตกตะลึงเมื่อได้พบกับลูกสาวของแชร์ล็อตนามว่าโลลิต้า เด็กสาวอายุ 12 แค่แรกเห็นเขาก็ตกหลุมรักเธออย่างจัง
วันเวลาผ่านไปฮัมเบิร์ตยิ่งสนิทกับโลลิต้า จนกระทั่งแชร์ล็อตต์เสียชีวิตไป ฮัมเบิร์ตจึงได้มีโอกาสดูแลโลลิต้าแทนเขาจึงตัดสินใจย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นพร้อมกับโลลิต้า ความสัมพันธ์ของเขาและเธอล้ำเส้นเกินกว่าจะเป็นพ่อลูกบุญธรรมกัน ในระหว่างความรักอันแสนสุข พวกเขาก็ได้เจอกับแคลร์ ควิสตี้ หนุ่มเจ้าเสน่ห์รูปงามที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเช่าบ้านของแชร์ล็อตต์อยู่ ด้วยความมีเสน่ห์จึงทำให้โลลิต้าตกหลุมรักเขา เธอจึงหนีตามเขาไป
เมื่อฮัมเบิร์ตออกเดินทางตามหาโลลิต้า เขาก็ได้พบความจริงที่ว่าเธอได้อุ้มท้องและแต่งงานกับชายหนุ่มคนหนึ่งไปแล้ว
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุณนายผีเสื้อ (Madame Butterfly) พิงเคอร์ตัน นายเรือชาวอเมริกันเดินทางมาทำงานที่ญี่ปุ่น เขาได้พบกับโกโรผู้มีอาชีพเป็นพ่อสื่อ โกโรได้ชักชวนให้เขาแต่งงานกับหญิงสาวแสนสวยมี่ใครๆ ต่างขนานนามว่าบัตเตอร์ฟลาย เธอคือโจโจ้ซัง เกอิชาผู้ยึดมั่นในความรัก ในงานแต่งงานโจโจ้ซังได้ประกาศเปลี่ยนศาสนาและความเชื่อในเรื่องบรรพบุรุษเพื่อแสดงให้พิงเคอร์ตันเห็นถึงความรักที่เธอมีต่อเขา นั่นจึงทำให้บรรดาญาติๆ ต่างตัดขาดความสัมพันธ์กับเธอ โจโจ้ซังจึงเปรียบเสมือนผีเสื้อที่ถูกดอกไม้ปฏิเสธ แต่เธอกลับไม่สนใจ เธอขอแค่เพียงมีคนที่เธอรักอยู่ข้างๆ เวลาผ่านไป พิงเคอร์ตันปฏิบัติภารกิจของเขาเสร็จสิ้น เขาจึงร่ำลาโจโจ้ซังและสัญญากับเธอไว้ว่าจะกลับมาหาในอีก 3 ปีข้างหน้า
ผ่านไป 3 ปี พิงเคอร์ตันยังไม่กลับมา โจโจ้ซังได้แต่ทุกข์ใจถึงแม้ว่าจะมีซูซูกิ สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์อยู่ทุกวันก็ตามที ชาวบ้านแถวนั้นต่างซุบซิบนินทาว่าเธอโดนสามีทิ้ง แต่เธอกลับไม่คิดอย่างนั้น เธอเชื่อว่าเขาจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน โกโรพ่อสื่อคนเดิมได้พาชายหนุ่มคนหนึ่งมาหาเธอ พร้อมชักชวนให้เธอแต่งงานกับเขา เธอโมโหชายทั้งสองมากจึงขับไล่พวกเขาออกจากบ้านไป ความทุกข์ทรมานของผีเสื้อยังดำเนินต่อไปจนกระทั่งมีจดหมายจากแดนไกลฉบับหนึ่งส่งมาหาเธอ โจโจ้ซังดีใจเป็นอย่างมากแม้ว่าเธอจะอ่านข้อความในจดหมายไม่ออกก็ตาม เธอจึงไม่รู้ว่าข้อความในจดหมายนั้นเป็นข้อความที่พิงเคอร์ตันยอดรักของเธอ เขียนมาบอกว่าเขาได้แต่งงานใหม่กับสาวอเมริกันที่ชื่อเคทไปแล้ว
วันเวลาผ่านไปพิงเคอร์ตันกลับมาที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง เขาละอายใจในความผิดจนไม่กล้ากลับไปพบหน้าโจโจ้ซัง ร้อนถึงท่านกงสุลที่ต้องรับหน้าที่พาเคทภรรยาใหม่ไปที่บ้านเพื่อขอลูกของเขามาเลี้ยง เมื่อมาถึงบ้านทั้งคู่เล่าเรื่องทั้งหมดให้โจโจ้ซังฟัง เธอรับฟังเรื่องราวทั้งหมดอย่างสงบพร้อมกับยินดีกับเคทในฐานะภรรยาใหม่ โจโจ้ซังสัญญาว่าจะยกลูกให้ แต่ขอให้เธอได้อยู่กับลูกตามลำพัง ทุกคนจึงทำตามที่เธอขอและจะกลับมาให้หลังในอีกครึ่งชั่วโมง เมื่อทุกคนกลับไปแล้ว โจโจ้ซังก็กล่าวอาลัยอาวรณ์ เธอคร่ำครวญก่อนจะหยิบผ้าปิดตามาผูกให้ลูกพร้อมกับส่งตุ๊กตาหมีและธงชาติอเมริกันให้ บัดนี้เธอเปรียบเสมือนผีเสื้อที่ถูกเด็ดปีกทิ้งและรอวันตายเท่านั้น โจโจ้ซังรำพึงรำพันก่อนจะหยิบมีดออกมาอ่านคำจารึกบนมีด “พึงตายไว้เกียรติตน อย่ามีชนม์เมื่อเกียรติมลาย” จากนั้นเธอก็เอามีดแทงคอตัวเอง กลายเป็นโศกนาฏกรรมรักที่ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะกล้าทำเพียงเพื่อจะประกาศให้โลกรู้ว่าเธอรักเขามากเพียงใด
---------------------------------------------------------------------------------------
ตูรันโด (Turando) เรื่องราวความรักสีเลือดเริ่มขึ้น เมื่อเจ้าหญิงตูรันโดแสนสวยได้ออกกฎไว้ว่าใครที่สามารถตอบคำถาม 3 ข้อของเธอได้สำเร็จก็จะแต่งงานด้วย เหตุผลเล็กๆ ที่เจ้าหญิงตั้งกฎนี้ขึ้นมานั้น เพราะบาดแผลในอดีตที่ทำให้เธอไม่อยากจะแต่งงานกับเจ้าชายคนไหนเลย ในตอนนี้ยังไม่มีเจ้าชายคนไหนตอบคำถามของเจ้าหญิงถูกเลยสักคน วันหนึ่งมีเจ้าชายรูปงามรูปงามนามว่าคาลาฟได้เข้ามาขอประลองกับเจ้าหญิง แม้จะมีคนห้ามแต่เขาก็ไม่ฟัง เพราะในตอนนี้เจ้าชายได้ตกหลุมรักเจ้าหญิงคนนี้ไปแล้วหมดทั้งใจ
การเผชิญหน้าระหว่างเจ้าชายกับเจ้าหญิงเริ่มขึ้น เจ้าหญิงตูรันโดได้ถามคำถามแรกกับเจ้าชาย “อะไรเอ่ย เกิดทุกค่ำคืน แต่หายไปเมื่อยามเช้า” เจ้าชายตอบไปว่าความหวังซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เจ้าหญิงจึงถามคำถามข้อที่สองต่อ “อะไรเอ่ย แดงและร้อนดั่งเปลวไฟ” เจ้าชายตอบไปว่าเลือดซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกต้องอีก คำถามข้อสุดท้ายเจ้าหญิงหวังว่าเจ้าชายจะตอบผิด เธอจึงถามไปว่า “อะไรเอ่ย เยือกเย็นเป็นน้ำแข็ง แต่ไหม้ได้” เจ้าชายยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบคำถามที่ตัดสินชะตาชีวิตของเขาว่าตูรันโด ผู้คนต่างโห่ร้องแสดงความยินดี แต่เจ้าหญิงก็ไม่ยอมแต่งงานกับเจ้าชาย เขาจึงท้าเจ้าหญิงกลับไปว่าถ้าสามารถทายชื่อของเขาถูก เขาจะยอมโดนประหาร เจ้าหญิงจึงทำทุกอย่างขอเพียงได้รู้ว่าเจ้าชายมีนามว่าอะไร แต่สุดท้ายเธอก็ทำไม่สำเร็จ เจ้าชายคาลาฟได้เข้าไปโอบกอดพร้อมกับจุมพิตที่ริมฝีปากของเจ้าหญิง นาทีนั้นเองที่เจ้าหญิงถึงรู้ว่าเจ้าชายมีนามว่า “รัก”
-----------------------
เอามาจากหนังสือค่ะ ใครโหดร้ายที่สุด และใครน่าสงสารที่สุด เยอะหน่อยนะคะ
หญิงสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นฆาตกรหญิงที่โหดที่สุดในโลก เธอต้องการนำเลือดของหญิงสาวมาชำระร่างกาย (อาบน้ำแร่แช่น้ำนม) เพื่อให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งราวกับการทำศัลยกรรมสมัยนี้ เมื่อวิธีการฆ่าแบบธรรมดาทำให้เธอได้เลือดในปริมาณที่น้อยเกินไปกว่าความต้องการ เธอจึงสั่งให้สร้าง ไอรอนเมเดน ขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วและปริมาณเลือดให้ได้ตามที่เธอต้องการ
เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่ เกิดในปราสาทเชิงเขาคาร์เทียน ตระกูลของเธอเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงและเก่าแก่ของฮังการี่ ฉะนั้นตระกูลของเธอจึงมีอำนาจเป็นที่ยำเกรงต่อชาวบ้านธรรมดา สมัยก่อนคนในตระกูลมักนิยมแต่งงานกันเองตามหมู่เครือญาติเพื่อรักษาสมบัติของตระกูล นั่นจึงเป็นผลทำให้อลิซาเบธ บาโธรี่เกิดมามีอาการบกพร่องทางจิตอย่างรุนแรง ในวัยเด็กเธอมักจะหนีเรียนเพื่อไปเที่ยวกับลูกชาวนา จนตั้งท้องตอนอายุได้ 13 ปี ด้วยความอับอายของวงศ์ตระกูลเธอจึงถูกส่งตัวไปอยู่ยังปราสาทแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่เธอทำ ปฐมบทความสยดสยองได้เริ่มต้นขึ้น เมื่ออลิซาเบธได้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง อยู่มาวันหนึ่งสามีของเธอได้ตายลง อลิซาเบธจึงมีอำนาจและเงินทองมากมาย ผีร้ายในตัวเธอจึงปรากฏออกมาแบบเต็มตัว แม้จะมีเงินและอำนาจอยู่ในมือแล้ว แต่เธอก็มีปัญหาที่หนักอกที่สุดเหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไปนั่นก็คือ เนื้อหนังที่เหี่ยวย่นไปตามวัย อลิซาเบธจึงคิดค้นวิธีการคืนความเป็นสาวด้วยวิธีการนำเลือดมาชโลมร่างกาย!!! การสังหารหมู่จึงเปิดม่านขึ้น
การสังหารโหดที่เธอนำมาใช้มีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการให้ทหารเชือดคอหอยหญิงสาว โดยที่เธอนอนรอเลือดอยู่ในอ่างน้ำ หรือการจัดงานเลี้ยงที่เชิญหญิงสาวมารับประทานอาหาร หลังจากเสร็จงานเลี้ยงรับประทานอาหารก็เปลี่ยนเป็นปาร์ตี้เลือดไปแทน หน้าประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่าอลิซาเบธ บาโธรี่ฆ่าคนไปกว่า 600 คน (โหดไหมล่ะ) หนึ่งในวิธีฆ่าคนที่หลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือการใช้ไอรอนเมเดน เรื่องราวของเธอดำเนินต่อไปจนมาถึงจุดจบของความสนุกหรรษาเมื่อถูกทางการจับได้ว่าฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมทารุณ อลิซาเบธจึงถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการเผาต่อหน้าสาธารณะแต่เธอก็ยังมีโชคดีอยู่บ้างเมื่อคดีถูกโอนไปให้ตระกูลบาโธรี่ดูแล (ตระกูลของเธอเอง) เธอจึงถูกจองจำเอาไว้ในปราสาทเพื่อไม่ให้ออกมาทำร้ายใครอีกตลอดกาล
--------------------------------------------------------
คริสติน ดาเอ้ หญิงสาวที่สูญเสียพ่อและแม่ไป เธอจึงต้องอาศัยอยู่ในโรงละคร คริสตินได้รับการฝึกร้องเพลงจากชายลึกลับผู้หนึ่ง เธอเรียกชายคนนั้นว่า “เทวดาแห่งบทเพลง” เธอไม่เคยได้ยินเสียงใครหวานเท่านี้มาก่อนเลย แม้คริสตินจะเรียนร้องเพลงกับชายลึกลับคนนั้นอยู่ทุกวัน แต่เธอก็ไม่เคยได้เห็นใบหน้าของเขาเลยสักครั้ง ในคืนหนึ่งนักร้องที่จะต้องร้องเพลงโชว์บนเวทีเกิดป่วยขึ้นมากะทันหัน คริสตินจึงต้องขึ้นไปร้องเพลงแทนนักร้องคนนั้น และแล้วน้ำเสียงของเธอก็สะกดคนดูได้อยู่หมัด ผู้คนที่ได้ฟังต่างหลงใหลในเสียงอันอ่อนหวานของเธอ การฝึกฝนร้องเพลงกับชายลึกลับช่วยให้เธอเอาชนะใจคนดูไปได้ ในบรรดาผู้ชมที่นั่งอยู่ในโรงละครวันนั้นมีท่านเคานท์ฟิลลิปป์ผู้อุปถัมภ์โรงละครนั่งชมอยู่ด้วย ซึ่งท่านเคานท์ฟิลลิปป์นั้นเป็นพี่ชายของราอูล เพื่อนในวัยเด็กของคริสตินนั่นเอง และราอูลคนนี้จะมาฉกชิงหัวใจของคริสติน
นานวันราอูลเริ่มสนิทกับคริสตินมากขึ้น ชายลึกลับเริ่มอิจฉาทั้งคู่ เขาจึงตัดสินใจเปิดเผยตัวเองด้วยการเข้ามาแนะนำตัวกับคริสติน เธอจึงรู้ว่าชายลึกลับผู้นี้มีนามว่าอีริค แล้วค่ำคืนแห่งความโรแมนติกก็เริ่มขึ้นเมื่ออีริคสารภาพความในใจให้เธอฟัง ทั้งสองคนร้องเพลงประสานกันไปมาก่อนที่จะก้มลงจูบกัน แต่ในระหว่างนั้นด้วยความอยากรู้ของคริสตินว่าเขามีหน้าตาเป็นยังไง เธอจึงถอดหน้ากากของเขาออก ทันใดนั้นเธอก็ร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว เมื่ออีริคเป็นเพียงชายอัปลักษณ์หาใช่ชายรูปงามตามจินตนาการ คริสตินหวาดกลัวและขอร้องให้เขาปล่อยตัวเธอไป อีริคจึงคลายอ้อมกอดและปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนของเขาไป
ราอูลเริ่มรู้สึกสงสัยและเกิดอาการหึงหวงเมื่อแอบได้ยินคริสตินคุยกับอีริค เขาจึงออกสืบว่าคริสตินคุยกับใครทุกวัน จนประทั่งในงานปาร์ตี้หน้ากาก คริสตินจึงพาราอูลหนีออกมาจากงาน ราอูลแปลกใจจึงคาดคั้นเรื่องทั้งหมดจนรู้ความจริงว่านั่นคืออีริคชายบ้าอัปลักษณ์ ราอูลเห็นว่าอีริคเป็นเพียงชายบ้าคนหนึ่ง เขาจึงออกปากสัญญากับคริสตินว่าจะปกป้องเธอ ราอูลกับคริสตินจึงตกลงรักกัน เมื่ออีริครู้ความจริง เขาก็โกรธแค้นเธอเป็นอย่างมาก อีริคจึงออกก่อกวนผู้คนในโรงละครและได้ลงมือฆ่าท่านเคานท์ฟิลลิปป์พี่ชายของราอูลตาย เรื่องราวของปีศาจโรงละครเป็นที่โจษจันของผู้คนอย่างมาก จนกระทั่งอีริคได้ลักพาตัวคริสตินไป เขาได้พาเธอไปที่บ้านของชายเปอร์เซียร์ และที่แห่งนั้นเองที่อีริคตัดสินใจปล่อยราอูลและคริสตินไป!!! เพื่อให้เธอได้มีชีวิตรักในแบบที่เธอต้องการ คริสตีนซาบซึ้งกับความรักของอีริคเป็นอย่างมาก เธอจึงก้มลงจูบที่หน้าผากของเขาอย่างไม่รังเกียจ รอยจูบนั้นเป็นความสุขเดียวที่เขาได้รับตลอดชีวิตของเขา
ความอิจฉาจะครอบงำจนจิตใจของเขาเป็นสีดำสนิท แต่กระนั้นความรักต่อคริสตินก็ยังล้ำลึกกว่านั้น เพียงแค่สัญญาณแห่งความรักเล็กๆ ที่คริสตินมอบให้ก็เพียงพอแล้วกับทั้งหมดของชีวิตที่เขามีลมหายใจ
-------------------------------------------------------------------
โลลิต้า (Lolita) ราคะของชายแก่ ศาสตราจารย์ฮัมเบิร์ต กำลังเดินหาห้องเช่าชั่วคราว จนเขาได้พบกับบ้านหลังหนึ่งซึ่งเจ้าของบ้านเป็นหญิงหม้ายนามว่าแชร์ล็อตต์ ในระหว่างที่เขากำลังเดินชมบ้านอยู่นั้น เขาก็ตกตะลึงเมื่อได้พบกับลูกสาวของแชร์ล็อตนามว่าโลลิต้า เด็กสาวอายุ 12 แค่แรกเห็นเขาก็ตกหลุมรักเธออย่างจัง
วันเวลาผ่านไปฮัมเบิร์ตยิ่งสนิทกับโลลิต้า จนกระทั่งแชร์ล็อตต์เสียชีวิตไป ฮัมเบิร์ตจึงได้มีโอกาสดูแลโลลิต้าแทนเขาจึงตัดสินใจย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นพร้อมกับโลลิต้า ความสัมพันธ์ของเขาและเธอล้ำเส้นเกินกว่าจะเป็นพ่อลูกบุญธรรมกัน ในระหว่างความรักอันแสนสุข พวกเขาก็ได้เจอกับแคลร์ ควิสตี้ หนุ่มเจ้าเสน่ห์รูปงามที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเช่าบ้านของแชร์ล็อตต์อยู่ ด้วยความมีเสน่ห์จึงทำให้โลลิต้าตกหลุมรักเขา เธอจึงหนีตามเขาไป
เมื่อฮัมเบิร์ตออกเดินทางตามหาโลลิต้า เขาก็ได้พบความจริงที่ว่าเธอได้อุ้มท้องและแต่งงานกับชายหนุ่มคนหนึ่งไปแล้ว
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุณนายผีเสื้อ (Madame Butterfly) พิงเคอร์ตัน นายเรือชาวอเมริกันเดินทางมาทำงานที่ญี่ปุ่น เขาได้พบกับโกโรผู้มีอาชีพเป็นพ่อสื่อ โกโรได้ชักชวนให้เขาแต่งงานกับหญิงสาวแสนสวยมี่ใครๆ ต่างขนานนามว่าบัตเตอร์ฟลาย เธอคือโจโจ้ซัง เกอิชาผู้ยึดมั่นในความรัก ในงานแต่งงานโจโจ้ซังได้ประกาศเปลี่ยนศาสนาและความเชื่อในเรื่องบรรพบุรุษเพื่อแสดงให้พิงเคอร์ตันเห็นถึงความรักที่เธอมีต่อเขา นั่นจึงทำให้บรรดาญาติๆ ต่างตัดขาดความสัมพันธ์กับเธอ โจโจ้ซังจึงเปรียบเสมือนผีเสื้อที่ถูกดอกไม้ปฏิเสธ แต่เธอกลับไม่สนใจ เธอขอแค่เพียงมีคนที่เธอรักอยู่ข้างๆ เวลาผ่านไป พิงเคอร์ตันปฏิบัติภารกิจของเขาเสร็จสิ้น เขาจึงร่ำลาโจโจ้ซังและสัญญากับเธอไว้ว่าจะกลับมาหาในอีก 3 ปีข้างหน้า
ผ่านไป 3 ปี พิงเคอร์ตันยังไม่กลับมา โจโจ้ซังได้แต่ทุกข์ใจถึงแม้ว่าจะมีซูซูกิ สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์อยู่ทุกวันก็ตามที ชาวบ้านแถวนั้นต่างซุบซิบนินทาว่าเธอโดนสามีทิ้ง แต่เธอกลับไม่คิดอย่างนั้น เธอเชื่อว่าเขาจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน โกโรพ่อสื่อคนเดิมได้พาชายหนุ่มคนหนึ่งมาหาเธอ พร้อมชักชวนให้เธอแต่งงานกับเขา เธอโมโหชายทั้งสองมากจึงขับไล่พวกเขาออกจากบ้านไป ความทุกข์ทรมานของผีเสื้อยังดำเนินต่อไปจนกระทั่งมีจดหมายจากแดนไกลฉบับหนึ่งส่งมาหาเธอ โจโจ้ซังดีใจเป็นอย่างมากแม้ว่าเธอจะอ่านข้อความในจดหมายไม่ออกก็ตาม เธอจึงไม่รู้ว่าข้อความในจดหมายนั้นเป็นข้อความที่พิงเคอร์ตันยอดรักของเธอ เขียนมาบอกว่าเขาได้แต่งงานใหม่กับสาวอเมริกันที่ชื่อเคทไปแล้ว
วันเวลาผ่านไปพิงเคอร์ตันกลับมาที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง เขาละอายใจในความผิดจนไม่กล้ากลับไปพบหน้าโจโจ้ซัง ร้อนถึงท่านกงสุลที่ต้องรับหน้าที่พาเคทภรรยาใหม่ไปที่บ้านเพื่อขอลูกของเขามาเลี้ยง เมื่อมาถึงบ้านทั้งคู่เล่าเรื่องทั้งหมดให้โจโจ้ซังฟัง เธอรับฟังเรื่องราวทั้งหมดอย่างสงบพร้อมกับยินดีกับเคทในฐานะภรรยาใหม่ โจโจ้ซังสัญญาว่าจะยกลูกให้ แต่ขอให้เธอได้อยู่กับลูกตามลำพัง ทุกคนจึงทำตามที่เธอขอและจะกลับมาให้หลังในอีกครึ่งชั่วโมง เมื่อทุกคนกลับไปแล้ว โจโจ้ซังก็กล่าวอาลัยอาวรณ์ เธอคร่ำครวญก่อนจะหยิบผ้าปิดตามาผูกให้ลูกพร้อมกับส่งตุ๊กตาหมีและธงชาติอเมริกันให้ บัดนี้เธอเปรียบเสมือนผีเสื้อที่ถูกเด็ดปีกทิ้งและรอวันตายเท่านั้น โจโจ้ซังรำพึงรำพันก่อนจะหยิบมีดออกมาอ่านคำจารึกบนมีด “พึงตายไว้เกียรติตน อย่ามีชนม์เมื่อเกียรติมลาย” จากนั้นเธอก็เอามีดแทงคอตัวเอง กลายเป็นโศกนาฏกรรมรักที่ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะกล้าทำเพียงเพื่อจะประกาศให้โลกรู้ว่าเธอรักเขามากเพียงใด
---------------------------------------------------------------------------------------
ตูรันโด (Turando) เรื่องราวความรักสีเลือดเริ่มขึ้น เมื่อเจ้าหญิงตูรันโดแสนสวยได้ออกกฎไว้ว่าใครที่สามารถตอบคำถาม 3 ข้อของเธอได้สำเร็จก็จะแต่งงานด้วย เหตุผลเล็กๆ ที่เจ้าหญิงตั้งกฎนี้ขึ้นมานั้น เพราะบาดแผลในอดีตที่ทำให้เธอไม่อยากจะแต่งงานกับเจ้าชายคนไหนเลย ในตอนนี้ยังไม่มีเจ้าชายคนไหนตอบคำถามของเจ้าหญิงถูกเลยสักคน วันหนึ่งมีเจ้าชายรูปงามรูปงามนามว่าคาลาฟได้เข้ามาขอประลองกับเจ้าหญิง แม้จะมีคนห้ามแต่เขาก็ไม่ฟัง เพราะในตอนนี้เจ้าชายได้ตกหลุมรักเจ้าหญิงคนนี้ไปแล้วหมดทั้งใจ
การเผชิญหน้าระหว่างเจ้าชายกับเจ้าหญิงเริ่มขึ้น เจ้าหญิงตูรันโดได้ถามคำถามแรกกับเจ้าชาย “อะไรเอ่ย เกิดทุกค่ำคืน แต่หายไปเมื่อยามเช้า” เจ้าชายตอบไปว่าความหวังซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เจ้าหญิงจึงถามคำถามข้อที่สองต่อ “อะไรเอ่ย แดงและร้อนดั่งเปลวไฟ” เจ้าชายตอบไปว่าเลือดซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกต้องอีก คำถามข้อสุดท้ายเจ้าหญิงหวังว่าเจ้าชายจะตอบผิด เธอจึงถามไปว่า “อะไรเอ่ย เยือกเย็นเป็นน้ำแข็ง แต่ไหม้ได้” เจ้าชายยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบคำถามที่ตัดสินชะตาชีวิตของเขาว่าตูรันโด ผู้คนต่างโห่ร้องแสดงความยินดี แต่เจ้าหญิงก็ไม่ยอมแต่งงานกับเจ้าชาย เขาจึงท้าเจ้าหญิงกลับไปว่าถ้าสามารถทายชื่อของเขาถูก เขาจะยอมโดนประหาร เจ้าหญิงจึงทำทุกอย่างขอเพียงได้รู้ว่าเจ้าชายมีนามว่าอะไร แต่สุดท้ายเธอก็ทำไม่สำเร็จ เจ้าชายคาลาฟได้เข้าไปโอบกอดพร้อมกับจุมพิตที่ริมฝีปากของเจ้าหญิง นาทีนั้นเองที่เจ้าหญิงถึงรู้ว่าเจ้าชายมีนามว่า “รัก”
-----------------------