ทำไมอยากไปอยู่เมืองนอก??
http://pantip.com/topic/30602755
ตอนที่ 3
http://pantip.com/topic/30626712
เราเชิ่ดหน้า 45 องศา ปาดน้ำตาเล็กน้อย เดินก้าวยาวๆขึ้นเครื่องบินลำใหญ่อย่างเดียวดาย ที่หน้ายังคงเชิ่ดไม่ได้หยิ่งนะ
แต่เราแหงนไว้ มองสูงๆเข้าไว้ เพื่อประคองน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีก นายลองทำดูสิ เวลาอยากจะร้องไห้ แต่ไม่อยากให้น้ำตาไหล
เราคิดว่าจะดูเข้มแข็งอย่างมีสไตล์นะ แต่ถ้ายกมือขึ้นมาโบกนิดๆ กระดิกๆรัวๆ หวังเพื่อให้น้ำตาแห้ง อันนั้นจะดูน่าหมั่นไส้ไปอีกแบบ
เราแนะนำนายที่ถือวีซ่านักเรียน ให้ถือพาสปอร์ตทุกเล่มรวมกันไว้ และเอกสาร I-20 ทั้งชุด เพราะระหว่างทางไปขึ้นเครื่อง
นายอาจโดนเรียกตรวจอีก 2-3 ครั้ง จะได้ไม่ต้องหยิบเข้า-หยิบออกนะคะ
การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นดี จนกระทั่ง.....
“Cabin crew, please take you seats for landing.” กัปตันประกาศเรียกลูกเรือให้นั่งเพื่อนำเครื่องลง
“ฮ๊ะ..!!” เราสะดุ้งตื่นจากที่นั่งท้ายๆลำ ...เฮ้ยยย ถึงแล้วเหรอเนี่ย ชะโงกมองหน้าต่าง เห็นแผ่นดินอเมริกาที่ยิ่งใหญ่ ระยิบระยับ
เต็มไปด้วยแสงไฟ เรายิ้มรับภาพที่เห็นเบื้องล่าง....สวย แฮะ...
แต่...ว๊ายยยๆๆ ตายห่าแระ เอกสารขอเข้าประเทศ กับ ของต้องสำแดง ยังไม่ได้กรอกเลยสักกะตัว
...เอ้า.. ต้องรีบๆ หยิบเอกสารที่เค้าเสียบไว้ให้..เอ้า..ก้มหาปากกาในกระเป๋าถือ..เอ้า..ไอ้กระเป๋าก็วางไว้ใต้ที่นั่งเบาะคนด้านหน้า
พอจะเขียน..เอ้า..ต้องกรอกข้อมูลจากพาสปอร์ตด้วย..เอ้า..ก้มหาพาสปอร์ตในกระเป๋าอีกรอบ...
“Ladies and gentlemen, we have just been cleared to land at the Los Angeles International Airport. Please make sure
one last time your belt is securely fastened. Thank you.” กัปตันประกาศครั้งสุดท้ายแจ้งเตือนผู้โดยสารเพื่อความปลอดภัย
ว่ารัดเข็มขัดที่นั่งเรียบร้อยแล้ว พร้อมนำเครื่องลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส
“พึ่บ !!” ...เสียงพาสปอร์ตตกลงพื้นทางเดิน และไหลลลพุ่งงงง....ไปข้างหน้าตามแรงโน้มถ่วงที่กัปตันพยายามเอาเครื่องลงจอด
“แกร๊ก !!” ...เราปลดสายรัดเข็มขัดนิรภัย ลุกพรวดออกจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว สายตาประสานกันปิ๊งปั๊งกับสจ๊วตหนุ่มรูปหล่อที่นั่งห่างออกไป
“Sit Down !!” ...นั่งลงนะอีบ้า ลุกขึ้นทำม๊ายยย!!! (เราแปลจากสีหน้าของสจ๊วตหนุ่ม)
“Look at that !!” ...ดูๆๆนั่นสิจ๊ะ!!! เราชี้ตามพาสปอร์ตที่ไหลจู๊ดดดดด...ตามพื้นไปหาเค้า
“ตั้บ !!” รองเท้ามันวาววับจากเท้าด้านซ้ายของสจ๊วตหนุ่ม สกัดกั้นพาสปอร์ตของเราไว้ได้อย่างสวยงาม
เรานั่งลงกับที่ รัดเข็มขัดนิรภัย กรอกตาขึ้นด้านบนเล็กน้อยและบ่นกับตัวเองเบาๆ “เมิงเหยียบพาสปอร์ตกู...”
เครื่องบินลงจอดเรียบร้อย เราได้รับพาสปอร์ตคืน พร้อมกับคำชี้แจงว่า มันอันตรายมากนะ ถ้าลุกเดินในขณะที่เครื่องกำลังลงจอด
เราก็ได้แต่ขอบคุณและขอโทษปนๆกันไป เพราะจริงของเค้า มันเป็นความประมาทของเรา
เอกสารต่างๆเรายืนกรอกขณะต่อคิวผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง เอกสารสำคัญๆทั้งหมดถูกเตรียมไว้ นายต้องเตรียมคำตอบภาษาอังกฤษ
ไว้ในหัวบ้างนะ เพราะนายอาจเจอคำถามแบบเราก็เป็นได้
มาทำไม? อยู่นานเท่าไหร่? มาอยู่กับใคร? มาเรียนอะไร? โรงเรียนชื่ออะไร? ทำไมเลือกเรียนที่นี่?
สแกนนิ้วตรงนั้นตรงนี้....และ....ตบท้ายด้วย...”ตั้งใจเรียนนะ”
เราผ่านจุดนั้น เดินมารับกระเป๋าสีชมพู 2 ใบใหญ่ๆ เดินไปต่อคิวอีกครั้ง พร้อมเอกสาร “ของต้องสำแดง” นายก็ควรเตรียมคำตอบไว้
อีกเช่นกัน ทางที่ดีศึกษาไปก่อนแพ็คกระเป๋าเลยว่า อเมริกามีของต้องห้ามนำเข้าอะไรบ้าง
“ในกระเป๋ามีอะไรบ้าง?” จนท.ถามเรา
“มีเสื้อผ้า, มาม่า กะ ไมโล ค่ะ” เราตอบ...
“มาเรียนหนังสือเหรอ?” จนท.ถามอีก
“ใช่ค่ะ” พร้อมยิ้มกว้างๆ จากสยามประเทศ...
“Welcome to America” จนท.เปิดทางให้เราเดินเข้าประเทศแล้วนายเอ๋ยยย วี๊ดดดด บุมมม!!!
เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนมายืนถือป้ายชื่อรอรับเราที่ทางออก พูดคุยอย่างเป็นมิตร จับกระเป๋าและเราโยนใส่รถตู้ พาไปส่งที่บ้านโฮส
ชื่อ Sandy (แซนดี้) หญิงชาวอเมริกัน
ถึงบ้านหลังใหม่แล้ว...เราจะอยู่กะ Sandy ได้ทุลักทุเลแค่ไหน มันจะไปยากอะไรกะอีแค่อยู่บ้านฝรั่ง เนอะ?
- เกี้ยมบ๊วย
ทำไมอยากไปอยู่เมืองนอก?? (ตอนที่ 2)
ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/30626712
เราเชิ่ดหน้า 45 องศา ปาดน้ำตาเล็กน้อย เดินก้าวยาวๆขึ้นเครื่องบินลำใหญ่อย่างเดียวดาย ที่หน้ายังคงเชิ่ดไม่ได้หยิ่งนะ
แต่เราแหงนไว้ มองสูงๆเข้าไว้ เพื่อประคองน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีก นายลองทำดูสิ เวลาอยากจะร้องไห้ แต่ไม่อยากให้น้ำตาไหล
เราคิดว่าจะดูเข้มแข็งอย่างมีสไตล์นะ แต่ถ้ายกมือขึ้นมาโบกนิดๆ กระดิกๆรัวๆ หวังเพื่อให้น้ำตาแห้ง อันนั้นจะดูน่าหมั่นไส้ไปอีกแบบ
เราแนะนำนายที่ถือวีซ่านักเรียน ให้ถือพาสปอร์ตทุกเล่มรวมกันไว้ และเอกสาร I-20 ทั้งชุด เพราะระหว่างทางไปขึ้นเครื่อง
นายอาจโดนเรียกตรวจอีก 2-3 ครั้ง จะได้ไม่ต้องหยิบเข้า-หยิบออกนะคะ
การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นดี จนกระทั่ง.....
“Cabin crew, please take you seats for landing.” กัปตันประกาศเรียกลูกเรือให้นั่งเพื่อนำเครื่องลง
“ฮ๊ะ..!!” เราสะดุ้งตื่นจากที่นั่งท้ายๆลำ ...เฮ้ยยย ถึงแล้วเหรอเนี่ย ชะโงกมองหน้าต่าง เห็นแผ่นดินอเมริกาที่ยิ่งใหญ่ ระยิบระยับ
เต็มไปด้วยแสงไฟ เรายิ้มรับภาพที่เห็นเบื้องล่าง....สวย แฮะ...
แต่...ว๊ายยยๆๆ ตายห่าแระ เอกสารขอเข้าประเทศ กับ ของต้องสำแดง ยังไม่ได้กรอกเลยสักกะตัว
...เอ้า.. ต้องรีบๆ หยิบเอกสารที่เค้าเสียบไว้ให้..เอ้า..ก้มหาปากกาในกระเป๋าถือ..เอ้า..ไอ้กระเป๋าก็วางไว้ใต้ที่นั่งเบาะคนด้านหน้า
พอจะเขียน..เอ้า..ต้องกรอกข้อมูลจากพาสปอร์ตด้วย..เอ้า..ก้มหาพาสปอร์ตในกระเป๋าอีกรอบ...
“Ladies and gentlemen, we have just been cleared to land at the Los Angeles International Airport. Please make sure
one last time your belt is securely fastened. Thank you.” กัปตันประกาศครั้งสุดท้ายแจ้งเตือนผู้โดยสารเพื่อความปลอดภัย
ว่ารัดเข็มขัดที่นั่งเรียบร้อยแล้ว พร้อมนำเครื่องลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส
“พึ่บ !!” ...เสียงพาสปอร์ตตกลงพื้นทางเดิน และไหลลลพุ่งงงง....ไปข้างหน้าตามแรงโน้มถ่วงที่กัปตันพยายามเอาเครื่องลงจอด
“แกร๊ก !!” ...เราปลดสายรัดเข็มขัดนิรภัย ลุกพรวดออกจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว สายตาประสานกันปิ๊งปั๊งกับสจ๊วตหนุ่มรูปหล่อที่นั่งห่างออกไป
“Sit Down !!” ...นั่งลงนะอีบ้า ลุกขึ้นทำม๊ายยย!!! (เราแปลจากสีหน้าของสจ๊วตหนุ่ม)
“Look at that !!” ...ดูๆๆนั่นสิจ๊ะ!!! เราชี้ตามพาสปอร์ตที่ไหลจู๊ดดดดด...ตามพื้นไปหาเค้า
“ตั้บ !!” รองเท้ามันวาววับจากเท้าด้านซ้ายของสจ๊วตหนุ่ม สกัดกั้นพาสปอร์ตของเราไว้ได้อย่างสวยงาม
เรานั่งลงกับที่ รัดเข็มขัดนิรภัย กรอกตาขึ้นด้านบนเล็กน้อยและบ่นกับตัวเองเบาๆ “เมิงเหยียบพาสปอร์ตกู...”
เครื่องบินลงจอดเรียบร้อย เราได้รับพาสปอร์ตคืน พร้อมกับคำชี้แจงว่า มันอันตรายมากนะ ถ้าลุกเดินในขณะที่เครื่องกำลังลงจอด
เราก็ได้แต่ขอบคุณและขอโทษปนๆกันไป เพราะจริงของเค้า มันเป็นความประมาทของเรา
เอกสารต่างๆเรายืนกรอกขณะต่อคิวผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง เอกสารสำคัญๆทั้งหมดถูกเตรียมไว้ นายต้องเตรียมคำตอบภาษาอังกฤษ
ไว้ในหัวบ้างนะ เพราะนายอาจเจอคำถามแบบเราก็เป็นได้
มาทำไม? อยู่นานเท่าไหร่? มาอยู่กับใคร? มาเรียนอะไร? โรงเรียนชื่ออะไร? ทำไมเลือกเรียนที่นี่?
สแกนนิ้วตรงนั้นตรงนี้....และ....ตบท้ายด้วย...”ตั้งใจเรียนนะ”
เราผ่านจุดนั้น เดินมารับกระเป๋าสีชมพู 2 ใบใหญ่ๆ เดินไปต่อคิวอีกครั้ง พร้อมเอกสาร “ของต้องสำแดง” นายก็ควรเตรียมคำตอบไว้
อีกเช่นกัน ทางที่ดีศึกษาไปก่อนแพ็คกระเป๋าเลยว่า อเมริกามีของต้องห้ามนำเข้าอะไรบ้าง
“ในกระเป๋ามีอะไรบ้าง?” จนท.ถามเรา
“มีเสื้อผ้า, มาม่า กะ ไมโล ค่ะ” เราตอบ...
“มาเรียนหนังสือเหรอ?” จนท.ถามอีก
“ใช่ค่ะ” พร้อมยิ้มกว้างๆ จากสยามประเทศ...
“Welcome to America” จนท.เปิดทางให้เราเดินเข้าประเทศแล้วนายเอ๋ยยย วี๊ดดดด บุมมม!!!
เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนมายืนถือป้ายชื่อรอรับเราที่ทางออก พูดคุยอย่างเป็นมิตร จับกระเป๋าและเราโยนใส่รถตู้ พาไปส่งที่บ้านโฮส
ชื่อ Sandy (แซนดี้) หญิงชาวอเมริกัน
ถึงบ้านหลังใหม่แล้ว...เราจะอยู่กะ Sandy ได้ทุลักทุเลแค่ไหน มันจะไปยากอะไรกะอีแค่อยู่บ้านฝรั่ง เนอะ?
- เกี้ยมบ๊วย