ชีวิตนั้นอยู่เพื่อกิน เงินที่หามาได้ก็หามาเพื่อเอาไปกินอาหารอร่อยๆ ความจริงก็ไม่แน่ใจว่าอยากเอามาเขียนให้คนอ่านรึเปล่า เพราะว่ากลัวที่ร้านคนเยอะแล้วตัวเองจะอดกิน 5555 เบนเห็นว่าร้านจำนวนไม่น้อยเลยที่พอเริ่มเพิ่งเปิดใหม่ๆ คุณภาพของอาหารจะดีมาก แต่ยิ่งนานไป ไม่ว่าจะคนน้อยลงหรือเยอะขึ้น คุณภาพจะลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะถ้ามีสาขาเพิ่มขึ้น การคุมคุณภาพก็ไม่ทั่วถึง ทำให้ร้านอาหารที่เคยอร่อยเมื่อก่อนก็ไม่อร่อยแล้วตอนนี้ ร้านที่เคยโปรดเมื่อก่อน ก็ถูกตัดออกจากบัญชีไปเรื่อย ทำให้ต้องหาไปแสวงหาร้านใหม่ๆกิน เพื่อลองไปเรื่อย
การมาเจอร้านนี้เกิดจากความบังเอิญ เนื่องจากตอนแรกนัดเพื่อนไว้ว่าจะไปกิน La Bottega di Luca ที่ซอยสุขุมวิท 49
http://pantip.com/topic/30549818 แล้วก็เลยจะเอารถไปเปลี่ยนยางที่หน้าปากซอย แล้วให้เพื่อนมารับ ตอนรอเพื่อนก็เดินเล่นแถวนั้น เห็นมีเวิ้งใหม่ที่ไม่เคยเห็น ก็เลยเดินเข้าไปด่อมมองแก้เบื่อ แล้วก็เห็นกำแพง paint เป็นรูปเนื้อส่วนต่างๆ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นร้านขายเนื้อ แต่ไม่มีหน้าร้านแหะ??? เห็นประตูเปิดอยู่เล็กๆ ก็เลยมองลอดเข้าไป กลับเป็นร้านเหมือนร้านนั้งตอนกลางคืน ไม่ใช้ร้านขายเนื้อ แต่ว่าดูมืดๆ เหมือนปิด พอเห็นมีคนเดินอยู่ข้างใน ก็เลยเดินเข้าไป ชะโงกหน้าถามว่าเปิดรึเปล่า พอบอกว่าเปิด ก็พลาดไม่ได้ที่จะต้องขอดูเมนู ซักคนเสิร์ฟอย่างละเอียดเลย เพราะเห็นว่าเค้าว่างอยู่(ตอนนั้น เที่ยงพอดี)มีคนนั่งอยู่โต๊ะเดียว ถามว่าร้านนี้เน้นอาหารจานเนื้อหรอเพราะเห็นรูปที่กำแพง เค้าก็บอกว่า concept คือการใช้สัตว์ทั้งตัวตั้งแต่จมูกถึงหาง Concept แบบนี้เบนเคยได้ยินมาแล้วตอนที่ไปเรียนโทด้านอาหาร มีร้านที่ NYC ก็ใช้ concept เดียวกัน เพราะคนเมกันส่วนใหญ่จะไม่ค่อยกินเนื้อส่วนแปลกๆหรือเครื่องในกันมากนัก เพราะฉะนั้น การฆ่าวัวตัวหนึ่งจะทำให้มีส่วนที่ไม่ได้นำมาบริโภคเยอะมาก ร้านนั้นก็จะเอาไขมันมาทำเป็นสบู เอาเนื้อส่วนแปลกๆมาปรุงอาหารได้คนได้ลองอะไรที่ไม่เคยลอง เป็นไอเดียที่ดี สนับสนุนเต็มที่ ส่วนของเมืองไทยนั้น ประเด็นนี้อาจจะไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไหร เพราะคนไทยกินกันทุกส่วนอยู่แล้ว จมูกหูหาง เรากินหมด
ร้านนี้ weekday จะเปิดแค่เฉพาะตอนกลางคืน เป็นร้านนั่งดื่มด้วย ส่วน weekend นั้นจะเปิดตอนเที่ยงด้วย แล้วเค้าก็มี Buffet Brunch ตอนแรกเบนไม่ได้ดูราคา แค่อ่าน Menu เฉยๆ แต่ละเมนูฟังดูน่ากินมาก ที่นี้เค้าไม่ได้เป็นแบบเดินตักเหมือนโรงแรม แต่ว่าให้เลือกเป็นจานๆแล้วก็เอามาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ซึ่งเบน prefer แบบนี้มากกว่า นั่งสบายๆ ไม่ต้องไปแย่งอาหารกับใคร พอดูราคา เฮย!!!! แค่ 985++ บาท เองหรอ มันถูกไปรึเปล่า อ่านเมนูแล้ว มันดูน่าจะแพงกว่านั้นนะ แล้วร้านก็ดูดี(ถึงจะมืดไปหน่อยก็เถอะ) ปกติกิน Buffet มันราคาแพงกว่านี้ตั้งเยอะ เบนเชื่อว่า You get what you pay คือถ้าเป็น Buffet โรงแรม แล้วราคาต่ำกว่า 1,800 บาท ก็แบบอืม............. กินที่อื่นดีกว่า
แต่ถ้าไม่ใช้โรงแรมมันก็คนละแบบ อย่าง Harvey weekend Brunch 1,200 ++ บาท ยังดีเลย ที่นี้ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ก่อนอื่นต้อง convince เพื่อนที่อยากไปกิน La Bottega ให้ได้ก่อน ซึ่งการมีเพื่อนดีตามใจชีวิตนั้นช่างสบาย ก็เริ่มกินกันเที่ยงกว่า เปิดโต๊ะที่สองของร้าน ด้วยความหิวและเมนูที่น่ากินทุกตัว ก็สั่งเลยทีเดียว 4 อย่าง อาหารมาเร็วมาก และคนเสิร์ฟน่ารักและบริการดีมาก
จานที่หนึ่งเป็น Oyster สด(จาก Scandinavian อะไรเทือกนั้น จำไม่ได้) คือเวลาเบนสั่ง เบนพยายามจะเลือกจากจานที่มีรสชาติอ่อนและ Delicate มากสุด เพื่อที่จะให้ได้รับรสชาติของอาหารทุกจานมากสุดเท่าที่มันควรจะเป็น
จานที่สองเบน Foie Gras แต่ลืมถ่ายรูปเพราะกลัวหายร้อน
จานนี้เป็น Crab Soup เค้าใส่กรรเชียงปูในซุปด้วย แล้วเนื้อซุปเนียม กลิ่นหอม แล้วเค้าสร้างความแตกต่างด้วยการใส่ไข่แดงมะตูมและเห็นเข้าไปด้วย กินซุปอันนี้ไม่เบื่อดี มีอะไรให้เคี้ยว
ตามด้วย Fried Egg Salad ซึ่งคนเสิร์ฟบอกว่า จานนี้คนสั่งเยอะ น้ำสลัดเค้ารสชาติเค็มเปรี้ยวหวานมันกำลังดี ไม่ over power เพื่อนเบนที่ไปด้วยกันชอบจานนี้มาก
หลังจากนั้นก็เป็น Salt & Honey baked prawns น้ำพริกเพากับ น้ำจิ่มทะเล จานนี้ออกหวานๆหน่อย ก็คงแน่อยู่แล้วละ เพราะเค้าบอกว่าใส่น้ำผึ้ง
Pretzel Dusted Calamari ปลาหมึกทอดกรอบแบบใส่เครื่องเทศ อร่อยโดยไม่ต้องจิ่ม
Almond Waffle กับ Horlick ice-cream and strawberry แค่บรรยายชื่อก็ไม่ต้องบอกแล้วว่าอร่อยแค่ไหน
วันนั้นเบนกินไปกับเพื่อนสองคนรวมกันเกือบ 20 จาน ขยับตัวแทบไม่ได้ ไม่ใช่เพราะอยากจะกินให้คุ้มนะคะ แต่ว่าอยากจะลองทุกจาน เพราะทุกเมนูชื่อมันน่ากินมาก แล้วแต่ละจาน พอได้กินก็แทบจะไม่ผิดหวังเลย หมดเกือบทุกจาน แต่ก็ยังกินไม่ครบอยู่ดี กะว่าต้องกลับไปลองให้ครบเร็วๆนี้ จุดที่เบนชอบมากของที่นี้คือ Combination ของอาหาร มีความแปลกใหม่และสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างดีมาก เบนเลยมั่นใจว่าร้านนี้เจ้าของต้องเป็น Chef เองแน่นอน เพราะใส่ใจกับเมนูทุกตัวมาก สามารถเห็นได้จากอาหารทุกจานจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ ไปจนถึงการตกแต่ง ก็เลยถามคนเสิร์ฟว่า ร้านนี้ Chef เป็นเจ้าของใช่ไหมคะ? เพราะเป็นครัวเปิด มี chef หน้าตาท่าทางดีอยู่ในครัว คำตอบที่ได้คือ ร้านนี้เป็นของ Chef เอียน แห่ง Iron Chef เบนเองเคยได้ยินชื่อ แต่เคยดู Iron Chef Thailand แค่ครั้งเดียว เพราะโฆษณามันเยอะ แถมดูเรื่องอาหารตอนกลางคืนมันทรมานมาก ต้องไป Romantic จ้องตู้เย็นตอนเที่ยงคืน
ปกติก่อนที่เบนจะเอาร้านไหนมาเขียนเบนจะต้องไปแล้วอย่างน้อยสองครั้ง ร้านนี้ไปมาแค่ครั้งเดียว แต่เบนคิดว่ากลับไปอีกครั้งคุณภาพก็เหมือนเดิมแน่ เพราะฉะนั้นเลยกล้าที่จะเอามา share กัน
ความจริงแล้วเบนมีรูปอาหารพร้อมคำอธิบายอีกเยอะเลยคะ ซึ่งถ้าใครอยากดูข้อมูลเพิ่มเติมก็ลองตามไปดูกันในนี้ได้ค่ะ
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.531054030286466.1073741843.396853500373187&type=1
[CR] Weekend Brunch Buffet มาแรงแซงโค้ง
การมาเจอร้านนี้เกิดจากความบังเอิญ เนื่องจากตอนแรกนัดเพื่อนไว้ว่าจะไปกิน La Bottega di Luca ที่ซอยสุขุมวิท 49 http://pantip.com/topic/30549818 แล้วก็เลยจะเอารถไปเปลี่ยนยางที่หน้าปากซอย แล้วให้เพื่อนมารับ ตอนรอเพื่อนก็เดินเล่นแถวนั้น เห็นมีเวิ้งใหม่ที่ไม่เคยเห็น ก็เลยเดินเข้าไปด่อมมองแก้เบื่อ แล้วก็เห็นกำแพง paint เป็นรูปเนื้อส่วนต่างๆ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นร้านขายเนื้อ แต่ไม่มีหน้าร้านแหะ??? เห็นประตูเปิดอยู่เล็กๆ ก็เลยมองลอดเข้าไป กลับเป็นร้านเหมือนร้านนั้งตอนกลางคืน ไม่ใช้ร้านขายเนื้อ แต่ว่าดูมืดๆ เหมือนปิด พอเห็นมีคนเดินอยู่ข้างใน ก็เลยเดินเข้าไป ชะโงกหน้าถามว่าเปิดรึเปล่า พอบอกว่าเปิด ก็พลาดไม่ได้ที่จะต้องขอดูเมนู ซักคนเสิร์ฟอย่างละเอียดเลย เพราะเห็นว่าเค้าว่างอยู่(ตอนนั้น เที่ยงพอดี)มีคนนั่งอยู่โต๊ะเดียว ถามว่าร้านนี้เน้นอาหารจานเนื้อหรอเพราะเห็นรูปที่กำแพง เค้าก็บอกว่า concept คือการใช้สัตว์ทั้งตัวตั้งแต่จมูกถึงหาง Concept แบบนี้เบนเคยได้ยินมาแล้วตอนที่ไปเรียนโทด้านอาหาร มีร้านที่ NYC ก็ใช้ concept เดียวกัน เพราะคนเมกันส่วนใหญ่จะไม่ค่อยกินเนื้อส่วนแปลกๆหรือเครื่องในกันมากนัก เพราะฉะนั้น การฆ่าวัวตัวหนึ่งจะทำให้มีส่วนที่ไม่ได้นำมาบริโภคเยอะมาก ร้านนั้นก็จะเอาไขมันมาทำเป็นสบู เอาเนื้อส่วนแปลกๆมาปรุงอาหารได้คนได้ลองอะไรที่ไม่เคยลอง เป็นไอเดียที่ดี สนับสนุนเต็มที่ ส่วนของเมืองไทยนั้น ประเด็นนี้อาจจะไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไหร เพราะคนไทยกินกันทุกส่วนอยู่แล้ว จมูกหูหาง เรากินหมด
ร้านนี้ weekday จะเปิดแค่เฉพาะตอนกลางคืน เป็นร้านนั่งดื่มด้วย ส่วน weekend นั้นจะเปิดตอนเที่ยงด้วย แล้วเค้าก็มี Buffet Brunch ตอนแรกเบนไม่ได้ดูราคา แค่อ่าน Menu เฉยๆ แต่ละเมนูฟังดูน่ากินมาก ที่นี้เค้าไม่ได้เป็นแบบเดินตักเหมือนโรงแรม แต่ว่าให้เลือกเป็นจานๆแล้วก็เอามาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ซึ่งเบน prefer แบบนี้มากกว่า นั่งสบายๆ ไม่ต้องไปแย่งอาหารกับใคร พอดูราคา เฮย!!!! แค่ 985++ บาท เองหรอ มันถูกไปรึเปล่า อ่านเมนูแล้ว มันดูน่าจะแพงกว่านั้นนะ แล้วร้านก็ดูดี(ถึงจะมืดไปหน่อยก็เถอะ) ปกติกิน Buffet มันราคาแพงกว่านี้ตั้งเยอะ เบนเชื่อว่า You get what you pay คือถ้าเป็น Buffet โรงแรม แล้วราคาต่ำกว่า 1,800 บาท ก็แบบอืม............. กินที่อื่นดีกว่า
แต่ถ้าไม่ใช้โรงแรมมันก็คนละแบบ อย่าง Harvey weekend Brunch 1,200 ++ บาท ยังดีเลย ที่นี้ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ก่อนอื่นต้อง convince เพื่อนที่อยากไปกิน La Bottega ให้ได้ก่อน ซึ่งการมีเพื่อนดีตามใจชีวิตนั้นช่างสบาย ก็เริ่มกินกันเที่ยงกว่า เปิดโต๊ะที่สองของร้าน ด้วยความหิวและเมนูที่น่ากินทุกตัว ก็สั่งเลยทีเดียว 4 อย่าง อาหารมาเร็วมาก และคนเสิร์ฟน่ารักและบริการดีมาก
จานที่หนึ่งเป็น Oyster สด(จาก Scandinavian อะไรเทือกนั้น จำไม่ได้) คือเวลาเบนสั่ง เบนพยายามจะเลือกจากจานที่มีรสชาติอ่อนและ Delicate มากสุด เพื่อที่จะให้ได้รับรสชาติของอาหารทุกจานมากสุดเท่าที่มันควรจะเป็น
จานที่สองเบน Foie Gras แต่ลืมถ่ายรูปเพราะกลัวหายร้อน
จานนี้เป็น Crab Soup เค้าใส่กรรเชียงปูในซุปด้วย แล้วเนื้อซุปเนียม กลิ่นหอม แล้วเค้าสร้างความแตกต่างด้วยการใส่ไข่แดงมะตูมและเห็นเข้าไปด้วย กินซุปอันนี้ไม่เบื่อดี มีอะไรให้เคี้ยว
ตามด้วย Fried Egg Salad ซึ่งคนเสิร์ฟบอกว่า จานนี้คนสั่งเยอะ น้ำสลัดเค้ารสชาติเค็มเปรี้ยวหวานมันกำลังดี ไม่ over power เพื่อนเบนที่ไปด้วยกันชอบจานนี้มาก
หลังจากนั้นก็เป็น Salt & Honey baked prawns น้ำพริกเพากับ น้ำจิ่มทะเล จานนี้ออกหวานๆหน่อย ก็คงแน่อยู่แล้วละ เพราะเค้าบอกว่าใส่น้ำผึ้ง
Pretzel Dusted Calamari ปลาหมึกทอดกรอบแบบใส่เครื่องเทศ อร่อยโดยไม่ต้องจิ่ม
Almond Waffle กับ Horlick ice-cream and strawberry แค่บรรยายชื่อก็ไม่ต้องบอกแล้วว่าอร่อยแค่ไหน
วันนั้นเบนกินไปกับเพื่อนสองคนรวมกันเกือบ 20 จาน ขยับตัวแทบไม่ได้ ไม่ใช่เพราะอยากจะกินให้คุ้มนะคะ แต่ว่าอยากจะลองทุกจาน เพราะทุกเมนูชื่อมันน่ากินมาก แล้วแต่ละจาน พอได้กินก็แทบจะไม่ผิดหวังเลย หมดเกือบทุกจาน แต่ก็ยังกินไม่ครบอยู่ดี กะว่าต้องกลับไปลองให้ครบเร็วๆนี้ จุดที่เบนชอบมากของที่นี้คือ Combination ของอาหาร มีความแปลกใหม่และสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างดีมาก เบนเลยมั่นใจว่าร้านนี้เจ้าของต้องเป็น Chef เองแน่นอน เพราะใส่ใจกับเมนูทุกตัวมาก สามารถเห็นได้จากอาหารทุกจานจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ ไปจนถึงการตกแต่ง ก็เลยถามคนเสิร์ฟว่า ร้านนี้ Chef เป็นเจ้าของใช่ไหมคะ? เพราะเป็นครัวเปิด มี chef หน้าตาท่าทางดีอยู่ในครัว คำตอบที่ได้คือ ร้านนี้เป็นของ Chef เอียน แห่ง Iron Chef เบนเองเคยได้ยินชื่อ แต่เคยดู Iron Chef Thailand แค่ครั้งเดียว เพราะโฆษณามันเยอะ แถมดูเรื่องอาหารตอนกลางคืนมันทรมานมาก ต้องไป Romantic จ้องตู้เย็นตอนเที่ยงคืน
ปกติก่อนที่เบนจะเอาร้านไหนมาเขียนเบนจะต้องไปแล้วอย่างน้อยสองครั้ง ร้านนี้ไปมาแค่ครั้งเดียว แต่เบนคิดว่ากลับไปอีกครั้งคุณภาพก็เหมือนเดิมแน่ เพราะฉะนั้นเลยกล้าที่จะเอามา share กัน
ความจริงแล้วเบนมีรูปอาหารพร้อมคำอธิบายอีกเยอะเลยคะ ซึ่งถ้าใครอยากดูข้อมูลเพิ่มเติมก็ลองตามไปดูกันในนี้ได้ค่ะ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.531054030286466.1073741843.396853500373187&type=1
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น