ดิฉันอาจจะกลายเป็นสลิ่มก็คราวนี้แหละ

กระทู้สนทนา
เกริ่น

ดิฉันมีพี่สาวสุดที่รักเป็นสลิ่ม  เป็นคนเดียวในครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ  เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยเอกชนในกรุงเทพฯ  ทำงานโรงแรม 5 ดาว  เงินเดือน+เซอร์วิสชาร์ทใกล้ ๆ แสนขาดไม่กี่พัน  มีแฟนเป็นนายทหารสัญญาบัตรทำงานอยู่ในวัง (มีสร้อยตามหลังชื่อนามแฝงใน FB ว่า  "รัก.............." ไม่บอกก็คงรู้ว่าแฟนเธอสีอะไร)  ตั้งแต่เธอจากบ้านไปเรียนจนถึงทำงานเธอกลับบ้านนับครั้งได้  ปีละ 2-3 หนประมาณนี้  

บท 1 น้ำตาสลิ่ม

เวลาพี่สาวกลับบ้านพวกเราทั้งครอบครัวจะมีความสุขมาก  แม่จะทำกับข้าวอร่อย ๆ ที่เธอชอบเตรียมไว้รอ  พ่อก็จะมีโครงการพาคนทั้งครอบครัวไปพักผ่อนตามรีสอร์ทหรือทะเลใกล้ ๆ เพื่อให้ทุกคนทิ้งภารกิจอยู่พร้อมหน้ากันอย่างมีความสุข  ช่วงแรก ๆ ที่ประเทศไทยมีการแบ่งสีกัน (ปี 48-50)  ความสุขจะจบลงด้วยน้ำตาเกือบทุกครั้ง   พี่สาวมักจะแสดงทัศนะทางการเมืองที่ไม่เหมือนใครในครอบครัวออกมา  โดยเฉพาะเรื่อง  "ทักษิณโกงชาติ"  พอมีคนโต้แย้งด้วยข้อมูล  เธอเถียงไม่ได้ก็จะน้ำตาคลอเบ้า  โดยมีแฟนเธอคอยปลอบอยู่ใกล้ ๆ เวลาเก็บกระเป๋าขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ  ทีไรเธอมักจะทิ้งท้ายไว้ให้ทุกคนคิดเสมอว่า...  

"หนูไม่อยากกลับบ้านเพราะอย่างนี้แหละ"  
"หนูอยากให้คนไทยหายโง่  รู้ทันทักษิณ  แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนในบ้านหนูเอง"
"คราวหน้าหนูจะเอา CD มาให้ดูกัน  คนกรุงเทพเขาไม่โง่กันหรอก"

บท 2 สลิ่มรักชาติกว่าใครทั้งหมด

หลังจากที่มีเหตุการณ์หอบน้ำตาออกจากบ้านหลาย ๆ ครั้ง แม่เลยตั้งกฎไว้ว่าห้ามทุกคนพูดเรื่องการเมือง  เวลาพี่สาวกลับบ้าน  เวลาพี่สาวพูดอะไรเกี่ยวกับการเมืองขึ้นมา  ให้นิ่งเสีย  หรือเปลี่ยนเรื่องพูดไป  ดิฉันโต้แย้งแม่เล็กน้อยว่า  "ทำไมแม่ไม่ห้ามพี่ล่ะ"  แม่ให้เหตุผลว่าแม่จะห้ามเฉพาะคนที่ห้ามได้ ขนาดแม่เคยห้ามพี่ใช้เฟซบุ๊คแชร์  ไลค์  เพจหรือความคิดเห็นทางการเมืองเพราะอาชีพพี่เป็นอาชีพบริการเดี๋ยวจะมีปัญหาในการทำงานได้  แต่แม่ก็ถูกย้อนทันทีว่า  

"แม่ไม่รักชาติหรือ  ถ้าเราไม่ช่วยกันเผยแพร่ก็เท่ากับเราสนับสนุนคนขายชาตินะ"  เอากะเธอซิ
เธอกู่ไม่กลับแล้วจริง ๆ ค่ะ

เรื่องไลค์  แชร์นี้  ตอนที่มีเรื่องแอร์คาเธ่ พ่อบอกว่าโทรไปเตือนเธอด้วยความเป็นห่วงเช่นกันเพราะหลายครั้งที่เธอมักแสดงทัศนะว่าเกลียดคนนั้นคนนี้ด้วยคำแรง ๆ เสมอ  โดยเสนอแนะให้ทำแบบดิฉัน...

"ทำแบบจำปูนซิ  เฟซที่ใช้กับคนรู้จัก  คนในครอบครัวก็ใช้เฟซหนึ่ง  เราจะแชร์อะไรที่มันไม่เป็นกลางก็ใช้อีกเฟซหนึ่ง  อย่าใช้ชื่อจริง"

ผลที่ออกมาก็คือ  วันนั้นหลังจากคุยกับพ่อ  เธอก็โทรหาดิฉัน
"จำปูน  ในฐานะที่เราเห็นว่าแกเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุดในบ้าน  ไม่เคยทะเลาะกับเราเลย  ถามจริง  แกรัก........หรือเปล่า"
"รักซิ"  ดิฉันตอบ
"ระหว่าง..........กับทักษิณแกรักใครมากกว่ากัน"
"ทำไมแกพูดแบบนี้  แกเอาสามัญชนไปเทียบกับท่านได้ยังไง  ท่านอยู่เหนือการเมือง  ถ้าแกรักท่าน  แกอย่าดึงท่านลงมาแบบนี้เลย"
ผลออกมาหลังจากนั้น  เธอพูดต่ออีกเป็นชั่วโมง  ประมาณนี้
"................ทักษิณขายชาติ....................ทักษิณล้ม........................ทักษิณโกง......................"
วันนั้นชีวิตอันสงบของดิฉันก็ถูกทำลายลงทันที.....พ่อนะพ่อ

บท 3 จำปูนรักพี่จะลองหัดเป็นสลิ่มดู (The end)

หลังจากที่พ่อเตือน  เธอเลิกแชร์  หรือแสดงทัศนะทางการเมืองไปนานทีเดียว  แต่เมื่อไม่นานมานี้เธอลาออกจากงานเพื่อเตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศกับแฟนเธอ  ช่วงที่ว่างไม่มีอะไรทำ  (เธอบ่นในเฟซ) เธอก็เริ่มมีการเมืองเข้ามาปนในเพซอีกครั้ง   มีชวนพรรคพวกนัดแนะกันไปใส่หน้ากากชุมนุม    มันทำให้ดิฉันสะดุด  เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะนี่เมื่อเดือนเมษาที่ผ่านมา  เธอไปช่วยดิฉันย้ายหอพักที่มหาวิทยาลัย  ขนของจัดห้อง  สอนสั่งเรื่องการดำรงชีวิต  การอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น  ก่อนไปยังแอบยัดตังค์ใส่มือแล้วก็พูดให้ซึ้ง  "เอาไว้ซื้อของที่แกอยากได้  หลังจากนี้แกกับเราคงไม่ได้เจอกันง่าย ๆ  อาจจะอีกหลายปี  เราจะลาออกไปอยู่ต่างประเทศแล้ว  แกอยู่ไกลบ้านก็ดูแลตัวเองให้ดี  ค่ำมืดอย่าไปไหน  ขาดเหลือก็หลังไมค์หาเรา  เราจะโอนมาให้"

พี่สาวที่แสนดี  ความรักที่เธอแสดงออกต่อน้องสาวอย่างสม่ำเสมอ  คิดแล้วมันทำให้ดิฉันตกอยู่ในภวังค์หลายครั้ง  รักและคิดถึงพี่เหลือเกิน  ถึงเธอจะเป็นสลิ่ม  แต่เธอก็คือคนดี  คือพี่ที่ห่วงน้องเสมอ  4-5 วันมานี้  ดิฉันเข้าพันทิปน้อยลง  แทบจะไม่สนใจข่าวการตายของเจ้าพ่อแชร์ชาเตอร์ด้วยซ้ำ  ไม่อยากตั้งกระทู้  ดิฉันอาจจะใช้เวลาวันหยุดบินมาอยู่กับพี่สาว  ตามเธอไปชุมนุม ใส่หน้ากากตามเธอ  จนกว่าเธอจะไปอยู่ที่ห่างไกล  

pompomพี่น้องชาวราชดำเนิน  เอาใจช่วยด้วยนะคะ  ดิฉันอาจจะกลายเป็นสลิ่มก็คราวนี้แหละ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่