
ต้องขอออกตัวก่อนว่า ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนสวยเริศเรออะไร แค่รู้สึกว่ามันดีขึ้น ดูได้มากขึ้นเมื่อมีคนทักเรื่อยๆและเอารูปเก่าๆมาดู จนต้องบอกว่ามันก็ “อัศจรรย์” เหมือนกันนะ “กาลเวลา” เนี๊ยะ ดังนั้นอย่าได้ท้อเชียวสาวๆ ให้ถือสุภาษิตที่ว่า "ยิ่งโตยิ่งสวย ยิ่งแก่ยิ่งมันส์"
เด็กตัวดำๆ หัวหยิกๆ ใต้ตาดำปี๋ ฟันเหยินๆ สิ่งที่พกติดตัวมาตั้งแต่เกิด เพราะเป็นลูกคนใต้โดยแท้ ไม่เสี้ยว ไม่ครึ่ง มาเต็ม!!! ก็เลยหลีกเลี่ยงยีนส์เด่นทั้งหมดไม่ได้สักสิ่ง บวกกับความไม่สนใจตัวเอง ผิวแห้งก็ปล่อยให้ตกสะเก็ดเป็นปลาเกยตื้น ล้างหน้ากับน้ำเปล่า เห็นจะมีสิ่งเดียวที่พยายามจะเปลี่ยนมันคือหัวหยิกๆที่ไปยืดผมมาตั้งแต่เด็กๆ จวบจนเริ่มโตเข้าหน่อย ก็รู้จักการควบคุมอาหารและน้ำหนัก ออกกำลังกาย เพราะเป็นคนตัวสูง 170กว่าๆมาตั้งแต่มัทธยม ไม่อยากตัวอ้วนใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น เลยจริงจังกับเรื่องนี้มาก น้ำหนักไม่เคยเกิน50Kg.มาตลอดตั้งแต่อายุ16จนปัจจุบัน สู้อุตสาห์ไม่กินข้าวเลยแม้แต่เม็ดเดียว กินแต่กับข้าว น้ำเต้าหู้ กล้วย ไข่ มาตั้งแต่ ม.2จนจบมหาลัย เข้าฟิตเนส วิ่งรอบสนามฟุตบอลวันละ 10 รอบ ซิตอัพวันละ 500 ครั้ง ทู๊ก....วัน!!!(เพื่อนคิดว่าติดผู้ชาย) จึงมีแต่คนมองว่าบุคลิกค่อนข้างดี สูง ผอม เฟิร์ม และตู้ม!!! แต่อย่ามองหน้านะ ลืมๆมันไป ฟิ้ว!...
พอเข้ามหาลัยก็รู้จักสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า “เครื่องสำอาง” มากขึ้น ก็เริ่มรักสวยรักงามขึ้นบ้าง แต่ก็เหมือนลิงได้แหวน ใช้ไม่เป็นก็เลยdHไม่สามารถเอาคุณสมบัติของมันมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพได้บวกกับเบี้ยน้อยหอยน้อยไม่มีปัญญาจะซื้อมาใช้มากมาย เก่งๆก็น้ำยาอุทัยขวดใหญ่ไม่กี่บาท เอามาแบ่งขวดเล็กทาปากแดง วาสลีนกระปุกไม่กี่ตังค์ใช้บำรุงตั้งแต่หัวจรดเท้า ทาผม ขนตา ปาก ข้อศอก เข่า ตาตุ่ม ไปจนถึงส้นเท้า ไม่เหมือนเด็กสมัยนี้เงินถุงเงินถังไม่รู้ไปเอามาจากไหน แห่ซื้อเครื่องสำอางเค้าเตอร์ในห้างกันจ้าละหวั่น จนโตเริ่มทำงานก็เริ่มซื้อเล็กซื้อน้อย ตามเงินในกระเป๋าที่พอใช้ได้หลังจากส่งให้พ่อให้แม่แล้ว ด้วยเหตุนี้วิวัฒนาการตั้งแต่ช่วงวัยเด็กจวบจนจบมหาลัยจึงไม่ค่อยมีความเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ เพราะความสวยผันผวนตามทุนทรัพย์นั่นเอง เอาเข้าจริงๆความเปลี่ยนแปลงเห็นได้อย่างชัดเจนช่วงที่เริ่มมีรายรับมากขึ้นก็คือช่วงวัยเข้าเบญจเพส ความเปลี่ยนแปลงก็เข้ามาเยือนพร้อมๆกับUrban Decay Naked1 เริ่มรู้จักการทำทรีทเม้นต์ เลเซอร์ รู้ว่าหน้าเราควรต้องทาครีมบำรุงบ้าง และการล้างหน้าหลังจากผจญกับเครื่องสำอางค์และฝุ่นควันก็ต้องใช้cleansingที่เหมาะกับสภาพผิวหรือมีคุณสมบัติในการเช็ดล้างมาสคาร่า ตั้งแต่บัดนั้น กิจกรรมความงามจึงกลายเป็นงานหลักในการดำรงชีวิต เอาไว้จะเล่าให้ฟังเรื่อยๆนะค่ะว่าทำยังไงบ้าง ใช้ผลิตภัณฑ์หรือวิธีการไหนบ้าง ความเปลี่ยนแปลงเป็นยังไงบ้าง เผื่อเอาไว้แลกเปลี่ยนกัน
วิวัฒนาการ สวยขึ้นได้ ของดำตับเป็ดหรือข้าวนอกนา!!!
ต้องขอออกตัวก่อนว่า ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนสวยเริศเรออะไร แค่รู้สึกว่ามันดีขึ้น ดูได้มากขึ้นเมื่อมีคนทักเรื่อยๆและเอารูปเก่าๆมาดู จนต้องบอกว่ามันก็ “อัศจรรย์” เหมือนกันนะ “กาลเวลา” เนี๊ยะ ดังนั้นอย่าได้ท้อเชียวสาวๆ ให้ถือสุภาษิตที่ว่า "ยิ่งโตยิ่งสวย ยิ่งแก่ยิ่งมันส์"
เด็กตัวดำๆ หัวหยิกๆ ใต้ตาดำปี๋ ฟันเหยินๆ สิ่งที่พกติดตัวมาตั้งแต่เกิด เพราะเป็นลูกคนใต้โดยแท้ ไม่เสี้ยว ไม่ครึ่ง มาเต็ม!!! ก็เลยหลีกเลี่ยงยีนส์เด่นทั้งหมดไม่ได้สักสิ่ง บวกกับความไม่สนใจตัวเอง ผิวแห้งก็ปล่อยให้ตกสะเก็ดเป็นปลาเกยตื้น ล้างหน้ากับน้ำเปล่า เห็นจะมีสิ่งเดียวที่พยายามจะเปลี่ยนมันคือหัวหยิกๆที่ไปยืดผมมาตั้งแต่เด็กๆ จวบจนเริ่มโตเข้าหน่อย ก็รู้จักการควบคุมอาหารและน้ำหนัก ออกกำลังกาย เพราะเป็นคนตัวสูง 170กว่าๆมาตั้งแต่มัทธยม ไม่อยากตัวอ้วนใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น เลยจริงจังกับเรื่องนี้มาก น้ำหนักไม่เคยเกิน50Kg.มาตลอดตั้งแต่อายุ16จนปัจจุบัน สู้อุตสาห์ไม่กินข้าวเลยแม้แต่เม็ดเดียว กินแต่กับข้าว น้ำเต้าหู้ กล้วย ไข่ มาตั้งแต่ ม.2จนจบมหาลัย เข้าฟิตเนส วิ่งรอบสนามฟุตบอลวันละ 10 รอบ ซิตอัพวันละ 500 ครั้ง ทู๊ก....วัน!!!(เพื่อนคิดว่าติดผู้ชาย) จึงมีแต่คนมองว่าบุคลิกค่อนข้างดี สูง ผอม เฟิร์ม และตู้ม!!! แต่อย่ามองหน้านะ ลืมๆมันไป ฟิ้ว!...
พอเข้ามหาลัยก็รู้จักสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า “เครื่องสำอาง” มากขึ้น ก็เริ่มรักสวยรักงามขึ้นบ้าง แต่ก็เหมือนลิงได้แหวน ใช้ไม่เป็นก็เลยdHไม่สามารถเอาคุณสมบัติของมันมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพได้บวกกับเบี้ยน้อยหอยน้อยไม่มีปัญญาจะซื้อมาใช้มากมาย เก่งๆก็น้ำยาอุทัยขวดใหญ่ไม่กี่บาท เอามาแบ่งขวดเล็กทาปากแดง วาสลีนกระปุกไม่กี่ตังค์ใช้บำรุงตั้งแต่หัวจรดเท้า ทาผม ขนตา ปาก ข้อศอก เข่า ตาตุ่ม ไปจนถึงส้นเท้า ไม่เหมือนเด็กสมัยนี้เงินถุงเงินถังไม่รู้ไปเอามาจากไหน แห่ซื้อเครื่องสำอางเค้าเตอร์ในห้างกันจ้าละหวั่น จนโตเริ่มทำงานก็เริ่มซื้อเล็กซื้อน้อย ตามเงินในกระเป๋าที่พอใช้ได้หลังจากส่งให้พ่อให้แม่แล้ว ด้วยเหตุนี้วิวัฒนาการตั้งแต่ช่วงวัยเด็กจวบจนจบมหาลัยจึงไม่ค่อยมีความเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ เพราะความสวยผันผวนตามทุนทรัพย์นั่นเอง เอาเข้าจริงๆความเปลี่ยนแปลงเห็นได้อย่างชัดเจนช่วงที่เริ่มมีรายรับมากขึ้นก็คือช่วงวัยเข้าเบญจเพส ความเปลี่ยนแปลงก็เข้ามาเยือนพร้อมๆกับUrban Decay Naked1 เริ่มรู้จักการทำทรีทเม้นต์ เลเซอร์ รู้ว่าหน้าเราควรต้องทาครีมบำรุงบ้าง และการล้างหน้าหลังจากผจญกับเครื่องสำอางค์และฝุ่นควันก็ต้องใช้cleansingที่เหมาะกับสภาพผิวหรือมีคุณสมบัติในการเช็ดล้างมาสคาร่า ตั้งแต่บัดนั้น กิจกรรมความงามจึงกลายเป็นงานหลักในการดำรงชีวิต เอาไว้จะเล่าให้ฟังเรื่อยๆนะค่ะว่าทำยังไงบ้าง ใช้ผลิตภัณฑ์หรือวิธีการไหนบ้าง ความเปลี่ยนแปลงเป็นยังไงบ้าง เผื่อเอาไว้แลกเปลี่ยนกัน