เมื่อเช้าได้ฟังพี่ที่รู้จักเขาคุยกัน พี่ผู้ชายคนนี้แต่งงานมีลูกแล้ว 2 คน
ความสัมพันธ์ของครอบครัวเขาที่เราเห็นเขาอัพเดตบ่อยๆในเฟส
เป็นครอบครัวอบอุ่นเลยทีเดียว อีกอย่างพี่ผู้ชายคนนนี้เฟรนลี่ค่ะ
เขาเผยเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พี่อีกคนฟัง
ว่าถึงแม้เขาจะมีลูกแล้วสองคน แต่เขากับภรรยาก็ยังต้องมีเวลาพิเศษด้วยกันเสมอ
คือทุกวันพุธเป็นเวลาของเขาและภรรยา ไม่มีลูกเข้ามาเกี่ยวข้อง
จะไปกินข้าว ทานไอศครีม ดูหนังหรือไปนวดตัว หรือที่เรียกว่าเดทแล้วเนี่ยะแหละ
เขาจะพยายามไม่ให้มีอะไรมาซ้อนเวลานี้เด็ดขาดหรือหลีกเลี่ยงเลย
หลังเลิกงานวันพุธเป็นเวลาแค่เขาสองคนเท่านั้น
เท่าที่เห็นไม่ค่อยได้เจอคู่สามีภรรยาที่ทำแบบนี้เท่าไหร่ ส่วนมากตั้งแต่มีลูกก็จะทุ่มเทเวลา
ทุกนาทีให้กับลูก คือเอาง่าย ๆ ลูกมาก่อนเสมอ พ่อแม่จะเป็นยังไงก็ค่อยว่ากันทีหลัง
พี่เขาก็บอกว่าสามีภรรยาจำเป็นที่จะต้องรักษาความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันนะ
เพราะรากฐานครอบครัวที่แข็งแรงก็คือความรักของพ่อแม่ที่มีให้ซึ่งกันและกันเนี่ยะแหละ
อีกอย่างไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้รักลูก ที่ฝากลูกให้ไปอยู่กับคนอื่นในช่วงนี้
ลูกเขาเคยถามว่าทำไมต้องทิ้งเขาไปด้วย ทำไมไม่เอาเขาไปเที่ยวด้วยกัน
เขาก็เลยอธิบายให้ลูกฟังว่าทุกวันเรามีเวลาให้ลูกอยู่แล้ว แต่นี่คือเวลาของพ่อแม่นะ
ลูกต้องเข้าใจว่าพ่อแม่เองก็ต้องมีเวลาส่วนตัวด้วยกัน เวลาไปเที่ยวเขาก็จะเอาของติดไม้ติดมือเอาไปฝากลูก
จากนั้นลูกก็ให้เขาไปบ่อย ๆ เพราะจะได้ของฝาก ลูก ๆ อาจจะแค่รู้สึกในช่วงแรกแต่หลังจากนั้นเขาก็จะเข้าใจ
และมันจะเป็นไปโดยธรรมชาติ เมื่อเราเป็นแบบอย่างให้ลูกต่อไปเขาก็ต้องเอาไปปฏิบัติตามเพราะนั่นคือสิ่งที่เขาเห็นเป็นประจำ
ปัจจุบันเราให้ลูกมาก่อนที่หนึ่งเสมอ ยิ่งบ้านไหนมีลูกคนเดียวก็จะเอาทุกอย่างให้ลูก ต่อไปลูกก็จะเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดภายในบ้าน
ไม่ใช่ว่าเขามีสิทธิสั่งเราแต่หมายถึงเราจะโฟกัสที่ลูก ทุกสิ่งอย่างต้องมาจากความต้องการของลูก
มันจำเป็นที่จะทำให้ลูกรู้ว่าเขาไม่ได้คือทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้านเพียงคนเดียว ให้เขาได้รู้ว่าพ่อแม่ก็ต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองบ้าง
ต่อไปข้างหน้าวันหนึ่งลูกก็ต้องแยกตัวออกไปมีครอบครัว เขาไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยกับเราตลอดเวลา
แต่คนที่จะอยู่กับเราคือคนข้าง ๆ ตัวเรามากกว่า หากเราไม่ดูแลซึ่งกันแล้วกันมันจะเกิดอะไรขึ้น?
พี่เขายังได้เล่าเพิ่มเติมอีกว่าคนเราทุกคนอ่ะนะ จำเป็นที่จะต้องมีคนที่คอยรับฟัง
อย่างภรรยาเขามีปัญหาอะไรก็จะมาพูดๆ เขามีหน้าที่รับฟังก็ฟังไปพอภรรยาเขาพูดเสร็จอารมณ์ของเขาก็จะดีขึ้นเอง
เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถที่จะพูด จะเคลียร์ต่อหน้าลูกได้ เวลาที่เขาอยู่สองคนนอกจากจะเป็นเวลาเติมความหวานแล้ว
ยังเป็นเวลาของการปรับความเข้าใจซึ่งกันและกันอีกด้วย
ทุกคนย่อมมีปัญหาเข้ามาในชีวิตจึงจำเป็นที่จะต้องมีคนมารับฟังเรา ถ้าสามีภรรยาไม่คุยกัน
แล้วเขาจะไปคุยกับใคร? บางทีก็ไประบายกับรุ่นน้อง รุ่นพี่ที่ทำงาน ปรับทุกข์กับคนอื่นที่ไม่ใช่สามีภรรยาตัวเอง
ความรู้สึกดีๆ มันจะก่อตัวกับคนที่เราเอาเรื่องราวต่างๆนี้แหละไปพูดให้เขาฟัง แล้วตอนนั้นเราจะโทษใคร
โทษคนที่ไปคุยกับคนอื่นหรือโทษตัวเองที่ไม่เคยมีเวลาให้กัน
ยิ่งสมัยนี้ความเสี่ยงมันมีสูงน่ะ หากเราไม่ได้รักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมันไม่ยากเลยที่เขาจะไปพูดกับคนอื่น
พี่เขาเองก็ยอมรับว่าถ้าแฟนเขาไม่ยอมรับฟังเวลาเขามีปัญหา เขาเองก็จะไปคุยกับคนอื่นเช่นเดียวกัน
ตอนพี่เขาเล่าให้ฟังเราก็แอบคิดในใจ ที่ผ่านมาส่วนมากมักจะนึกถึงความสำคัญของลูกเพียงอย่างเดียว
จนละเลยให้ความสำคัญกับอีกคนหนึ่งที่เคย ร่วมทุกข์ ร่วมสุขมาด้วยกัน
นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะเป็นตัวกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยา การที่เราแบ่งเวลาให้งาน
แบ่งเวลาให้ลูกไม่ใช่เรื่องผิดแต่เราควรแบ่งเวลาให้ถูกและให้เป็น การที่สามีภรรยาจะเดินจูงมือกัน
ลาพักร้อนด้วยกัน เดินทางไกลๆกันสองคนโดยที่ไม่ลูกไปด้วย มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเรื่องเลวร้ายขนาดนั้น
แต่มันเป็นจุดที่สำคัญมากสำหรับคำว่าครอบครัว ทุกสิ่งอย่างจะดีหรือไม่อยู่ที่ความสัมพันธ์ของพ่อแม่เนี่ยะแหละ
*พิมพ์ยาวมากเลยไม่รู้อ่านกันจบหรือเปล่า นี่เป็นความคิดเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น อาจจะถูกใจหรือขัดใจใครบ้างก็ขอ อภัยด้วยนะคะ
คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับหลาย ๆ คน หากไม่เคยทำก็ลองดูนะคะบางทีความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาจะดีขึ้นก็ได้ ^__^
ขอแบ่งปันเรื่องราวดีๆสำหรับคู่สามีภรรยาค่ะ
ความสัมพันธ์ของครอบครัวเขาที่เราเห็นเขาอัพเดตบ่อยๆในเฟส
เป็นครอบครัวอบอุ่นเลยทีเดียว อีกอย่างพี่ผู้ชายคนนนี้เฟรนลี่ค่ะ
เขาเผยเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พี่อีกคนฟัง
ว่าถึงแม้เขาจะมีลูกแล้วสองคน แต่เขากับภรรยาก็ยังต้องมีเวลาพิเศษด้วยกันเสมอ
คือทุกวันพุธเป็นเวลาของเขาและภรรยา ไม่มีลูกเข้ามาเกี่ยวข้อง
จะไปกินข้าว ทานไอศครีม ดูหนังหรือไปนวดตัว หรือที่เรียกว่าเดทแล้วเนี่ยะแหละ
เขาจะพยายามไม่ให้มีอะไรมาซ้อนเวลานี้เด็ดขาดหรือหลีกเลี่ยงเลย
หลังเลิกงานวันพุธเป็นเวลาแค่เขาสองคนเท่านั้น
เท่าที่เห็นไม่ค่อยได้เจอคู่สามีภรรยาที่ทำแบบนี้เท่าไหร่ ส่วนมากตั้งแต่มีลูกก็จะทุ่มเทเวลา
ทุกนาทีให้กับลูก คือเอาง่าย ๆ ลูกมาก่อนเสมอ พ่อแม่จะเป็นยังไงก็ค่อยว่ากันทีหลัง
พี่เขาก็บอกว่าสามีภรรยาจำเป็นที่จะต้องรักษาความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันนะ
เพราะรากฐานครอบครัวที่แข็งแรงก็คือความรักของพ่อแม่ที่มีให้ซึ่งกันและกันเนี่ยะแหละ
อีกอย่างไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้รักลูก ที่ฝากลูกให้ไปอยู่กับคนอื่นในช่วงนี้
ลูกเขาเคยถามว่าทำไมต้องทิ้งเขาไปด้วย ทำไมไม่เอาเขาไปเที่ยวด้วยกัน
เขาก็เลยอธิบายให้ลูกฟังว่าทุกวันเรามีเวลาให้ลูกอยู่แล้ว แต่นี่คือเวลาของพ่อแม่นะ
ลูกต้องเข้าใจว่าพ่อแม่เองก็ต้องมีเวลาส่วนตัวด้วยกัน เวลาไปเที่ยวเขาก็จะเอาของติดไม้ติดมือเอาไปฝากลูก
จากนั้นลูกก็ให้เขาไปบ่อย ๆ เพราะจะได้ของฝาก ลูก ๆ อาจจะแค่รู้สึกในช่วงแรกแต่หลังจากนั้นเขาก็จะเข้าใจ
และมันจะเป็นไปโดยธรรมชาติ เมื่อเราเป็นแบบอย่างให้ลูกต่อไปเขาก็ต้องเอาไปปฏิบัติตามเพราะนั่นคือสิ่งที่เขาเห็นเป็นประจำ
ปัจจุบันเราให้ลูกมาก่อนที่หนึ่งเสมอ ยิ่งบ้านไหนมีลูกคนเดียวก็จะเอาทุกอย่างให้ลูก ต่อไปลูกก็จะเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดภายในบ้าน
ไม่ใช่ว่าเขามีสิทธิสั่งเราแต่หมายถึงเราจะโฟกัสที่ลูก ทุกสิ่งอย่างต้องมาจากความต้องการของลูก
มันจำเป็นที่จะทำให้ลูกรู้ว่าเขาไม่ได้คือทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้านเพียงคนเดียว ให้เขาได้รู้ว่าพ่อแม่ก็ต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองบ้าง
ต่อไปข้างหน้าวันหนึ่งลูกก็ต้องแยกตัวออกไปมีครอบครัว เขาไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยกับเราตลอดเวลา
แต่คนที่จะอยู่กับเราคือคนข้าง ๆ ตัวเรามากกว่า หากเราไม่ดูแลซึ่งกันแล้วกันมันจะเกิดอะไรขึ้น?
พี่เขายังได้เล่าเพิ่มเติมอีกว่าคนเราทุกคนอ่ะนะ จำเป็นที่จะต้องมีคนที่คอยรับฟัง
อย่างภรรยาเขามีปัญหาอะไรก็จะมาพูดๆ เขามีหน้าที่รับฟังก็ฟังไปพอภรรยาเขาพูดเสร็จอารมณ์ของเขาก็จะดีขึ้นเอง
เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถที่จะพูด จะเคลียร์ต่อหน้าลูกได้ เวลาที่เขาอยู่สองคนนอกจากจะเป็นเวลาเติมความหวานแล้ว
ยังเป็นเวลาของการปรับความเข้าใจซึ่งกันและกันอีกด้วย
ทุกคนย่อมมีปัญหาเข้ามาในชีวิตจึงจำเป็นที่จะต้องมีคนมารับฟังเรา ถ้าสามีภรรยาไม่คุยกัน
แล้วเขาจะไปคุยกับใคร? บางทีก็ไประบายกับรุ่นน้อง รุ่นพี่ที่ทำงาน ปรับทุกข์กับคนอื่นที่ไม่ใช่สามีภรรยาตัวเอง
ความรู้สึกดีๆ มันจะก่อตัวกับคนที่เราเอาเรื่องราวต่างๆนี้แหละไปพูดให้เขาฟัง แล้วตอนนั้นเราจะโทษใคร
โทษคนที่ไปคุยกับคนอื่นหรือโทษตัวเองที่ไม่เคยมีเวลาให้กัน
ยิ่งสมัยนี้ความเสี่ยงมันมีสูงน่ะ หากเราไม่ได้รักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมันไม่ยากเลยที่เขาจะไปพูดกับคนอื่น
พี่เขาเองก็ยอมรับว่าถ้าแฟนเขาไม่ยอมรับฟังเวลาเขามีปัญหา เขาเองก็จะไปคุยกับคนอื่นเช่นเดียวกัน
ตอนพี่เขาเล่าให้ฟังเราก็แอบคิดในใจ ที่ผ่านมาส่วนมากมักจะนึกถึงความสำคัญของลูกเพียงอย่างเดียว
จนละเลยให้ความสำคัญกับอีกคนหนึ่งที่เคย ร่วมทุกข์ ร่วมสุขมาด้วยกัน
นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะเป็นตัวกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยา การที่เราแบ่งเวลาให้งาน
แบ่งเวลาให้ลูกไม่ใช่เรื่องผิดแต่เราควรแบ่งเวลาให้ถูกและให้เป็น การที่สามีภรรยาจะเดินจูงมือกัน
ลาพักร้อนด้วยกัน เดินทางไกลๆกันสองคนโดยที่ไม่ลูกไปด้วย มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเรื่องเลวร้ายขนาดนั้น
แต่มันเป็นจุดที่สำคัญมากสำหรับคำว่าครอบครัว ทุกสิ่งอย่างจะดีหรือไม่อยู่ที่ความสัมพันธ์ของพ่อแม่เนี่ยะแหละ
*พิมพ์ยาวมากเลยไม่รู้อ่านกันจบหรือเปล่า นี่เป็นความคิดเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น อาจจะถูกใจหรือขัดใจใครบ้างก็ขอ อภัยด้วยนะคะ
คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับหลาย ๆ คน หากไม่เคยทำก็ลองดูนะคะบางทีความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาจะดีขึ้นก็ได้ ^__^