สวัสดีค่ะ
วันนี้ทวีตไปยาวมากกกกกก แล้วมีเพื่อน ๆ บอกว่าอยากให้มาตั้งกระทู้ด้วย
ก็เลยรวบรวมและเรียบเรียงใหม่มาให้อ่านกันค่ะ
.
จากข่าวไทยรัฐ
http://m.thairath.co.th/content/oversea/351070 สัมภาษณ์ท่านอัครราชทูตญี่ปุ่นกรณียกเว้นวีซ่าให้ชาวไทยนั้น มีข้อน่าสนใจหลายข้อดังนี้ (เน้นว่าเป็นท่านอัครราชทูตนะคะ ไม่ใช่ท่านเอกอัครราชทูต)
1.
"การอนุมัติยกเว้นวีซ่าสำหรับชาวไทยเป็นแบบถาวร ไม่ใช่แค่เฉพาะแค่ช่วงพิเศษ แต่เป็นการให้แบบไม่กำหนดระยะเวลา"
อันนี้ต้องขออุทาน เรียกว่าสึโก้ยเกินคาด
ทีแรกกะ ๆ เล็ง ๆ ไว้ว่าอาจจะยกเว้นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเพียงสั้น ๆ แต่พอท่านเผยไต๋มาแบบนี้ เล่นเอาคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว
แสดงว่าในสายตารัฐบาลญี่ปุ่นนั้น ให้เครดิตคนไทยมากทีเดียว แต่ทั้งนี้ อย่าลืมว่าบรรทัดต่อมา
2.
"กรณีของประเทศ"มาเลเซีย" ที่ผ่านการอนุมัติในครั้งนี้ด้วยนั้น เป็นการกลับมาให้สิทธิใหม่ หลังจากที่เคยให้ไปแล้ว แต่มีการระงับไปชั่วคราว โดยไม่ได้อธิบายว่าเพราะเหตุใด"
ชี้ให้เห็นว่าญป.เคยยกเว้นวีซ่าให้มาเลเซียไปแล้ว และเคยระงับไป แม้ไม่แจ้งสาเหตุ แต่ก็น่าจะเดาๆกันได้
ฉะนั้นแล้วชาวไทยอย่าทำให้ชาวไทยด้วยกันต้องลำบากนะคะ
3.
"แต่จำนวนวันที่สามารถพำนักอยู่ในญี่ปุ่นกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น"
ฉะนั้นก็ยังลุ้นกันต่อไปว่าจะอยู่ได้กี่วันนะคะ ถ้าเป็น15วัน ก็แล้วไป ( สำหรับคนที่ได้วีซ่ามัลติเพิลแล้ว ถือว่าเสมอตัว )
แต่ถ้าเป็น30วัน หรือ90วัน.. ผู้ที่ได้วีซ่ามัลติเพิลไปแล้ว(อย่างข้าพเจ้า) อาจจะมีกัดริมผ้าเช็ดหน้าเล็กๆ ( ก็มันมากกว่า15วันนี่นา ฮือๆๆๆ )
แต่ก็ดีใจแหละน่า ได้อยู่ญี่ปุ่นนานกว่าเดิม.. เนอะ (^_^ )
ไทยนั้นติดอันดับ6ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าญป.มากที่สุด โดย5อันดับแรกได้รับสิทธิ์เดินทางเข้าญป.โดยไม่ต้องขอวีซ่าได้นานถึง90วัน
ก็มาร่วมลุ้นกันต่อไปนะคะ ว่าไทยเราจะได้90วันเหมือน5อันดับแรกไหม หรือจะ15วันพอกรุบกริบๆ อีกไม่นานก็คงได้รู้กันค่ะ
4. ท่านอัครราชทูตกล่าวว่าสำหรับผู้ที่กังวลว่ายกเว้นวีซ่าแล้วจะต้องไปลุ้นกันมือเท้าเย็นที่หน้าด่านเหมือนเกาหลีใต้นั้น
"ขอให้คลายความกังวลใจ"
คำแนะนำของท่านก็สอดคล้องกับที่ว่านทวิตไปก่อนหน้านี้ ว่าขอให้เตรียมหลักฐานต่างๆไว้ให้พร้อม
- นักเรียนนักศึกษาเตรียมสำเนาบัตรนักเรียน/นศ.
- คนทำงานก็เตรียมหลักฐานในการทำงาน จดหมายรับรองต่างๆ นามบัตร ไปด้วย
- ถ้าเป็นฟรีแลนซ์ก็ปริ้นต์การงานต่างๆไปเผื่อๆ
สำหรับคนที่เป็นฟรีแลนซ์แบบไม่มีใบอนุญาต(คือไม่ใช่สถาปนิก แต่เป็นนักแปล พริตตี้ รัยงิ) ก็อาจจะปรับใช้หลักฐานตามแบบที่เวลาขอวีซ่าก็ได้ค่ะ
อย่างเวลาขอวีซ่า สถานทูตเขาระบุไว้ว่า
"ในกรณีที่ผู้ยื่นไม่มีอาชีพ หรือประกอบอาชีพที่ไม่สามารถแสดงหนังสือรับรองการทำงาน หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท หรือทะเบียนการค้าได้ กรุณาทำหนังสืออธิบายอาชีพและรายได้โดยละเอียด"
ก็เอาตรงนี้มาปรับใช้ เขียนจดหมายชี้แจงอาชีพและที่มาของรายได้ ว่านเคยเขียนวิธีแนะนำการเขียนจดหมายนี้ไว้แล้ว เข้าไปอ่านได้เลยค่ะ
http://wan-nam.com/jp-multiple-entry-visa/ … ดูช่วงๆข้อ6.4 เป็นต้นไป
- มีตั๋วเครื่องบินขากลับ หลักฐานการจองห้องพักให้เรียบร้อย
- จะไปเที่ยวไหนอะไรยังไง ก็ใส่ใจรู้ไว้บ้าง ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ เพื่อนจัดการให้ เลยตอบท่านตม. ได้แต่"ไม่รู้ จำไม่ได้"
อันนี้ถ้าเข้าประเทศ"ไม่ได้"บ้าง ก็โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองนะคะ
ถึงเพื่อนจัดการก็ทำตารางการเที่ยวสักหน่อย พกกันไว้คนละสำเนา พักที่ไหน เที่ยวที่ไหน เผื่อตัวเองหลงทาง จะได้รู้เหนือรู้ใต้ด้วยค่ะ =)
เดี๋ยวนี้เกือบทุกคนใช้smartphone ก็ใช้ประโยชน์มันให้คุ้มค่ากันนะคะ
- การแต่งกายก็ควรจะสุภาพพอประมาณ ไม่ต้องถึงขนาดปกปิดมิดชิด
สำหรับคนที่อกโต/อกล่ำ ขาสวย เข้าใจว่ามีดีก็อยากโชว์ แต่กรุณาเก็บความสะท้านทรวงของคุณไว้แสดงต่อสายตาประชาชนหลังผ่านตม. ไปแล้วดีกว่า
5.
"ในระยะแรกที่ยกเว้นวีซ่า จะต้องมีการจับตาดูนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยเป็นพิเศษบ้าง แต่คนที่เข้าไปท่องเที่ยวจริงๆ ก็ไม่ต้องกังวล"
ใครที่จะเข้าญป.ช่วงแรกๆที่มีผลบังคับใช้ ก็ขอให้เตรียมตัว เตรียมเวลา และเตรียมใจไว้สักหน่อย
คนที่จะจองJR Passชนิดกะจะแลกตั๋วแล้วโดดขึ้นรถไฟเลย ก็แนะนำว่าให้เผื่อเวลาไว้บ้าง อย่าให้มันกระชั้นจนเกินไป เพราะเผื่อเราหรือเพื่อนเราอาจจะได้เป็นผู้โชคดีเข้าไปเที่ยวห้องเย็นแดนปลาดิบขึ้นมา จะได้ไม่ประสาทเสียจนเที่ยวไม่สนุก
อีกอย่างการพิจารณาของตม. ก็อาจจะนานขึ้น ส่งผลให้การเข้าคิวที่ตม. ยาวขึ้น ใช้เวลาในการตรวจลงตรามากขึ้น..
จัดแจงตารางรถไฟ เผื่อเวลารถไฟไว้หน่อยนะคะ =)
6.
"อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองผู้ประทับตราที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจะเป็นผู้พิจารณาขั้นสุดท้ายว่าสมควรอนุญาตพำนักอยู่ในญี่ปุ่นนานนานเพียงใด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับโปรแกรมการท่องเที่ยวของแต่ละบุคคลด้วย"
ย้ำอีกที ฉะนั้นอย่าลืมนะคะ"เผื่อไว้ก่อน"
จากนี้ก็มาร่วมติดตามสถานการณ์ยกเว้น(ยกเว้นนะ ไม่ใช่ยกเลิก คนละความหมายกันเลยล่ะ)วีซ่าญี่ปุ่นกันต่อไป
ว่าจะมีผลบังคับใช้วันไหน และยกเว้นให้พำนักได้กี่วัน
ขอให้โชคดี ได้ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นสมดังหวังทุกคนนะคะ =)
ใครคิดถึงไปคุยกันได้ค่ะ แต่จะพยายามมาพันทิปบ่อยกว่าเดิมนะคะ
http://www.facebook.com/wannampantip
http://twitter.com/wan_nam
[กรณียกเว้นวีซ่าญี่ปุ่นให้กับชาวไทย] ว่านน้ำขอยกส่วนที่น่าสนใจจากบทสัมภาษณ์ท่านอัครราชทูตญี่ปุ่นมาคุยกัน (^_^ )
วันนี้ทวีตไปยาวมากกกกกก แล้วมีเพื่อน ๆ บอกว่าอยากให้มาตั้งกระทู้ด้วย
ก็เลยรวบรวมและเรียบเรียงใหม่มาให้อ่านกันค่ะ
.
จากข่าวไทยรัฐ http://m.thairath.co.th/content/oversea/351070 สัมภาษณ์ท่านอัครราชทูตญี่ปุ่นกรณียกเว้นวีซ่าให้ชาวไทยนั้น มีข้อน่าสนใจหลายข้อดังนี้ (เน้นว่าเป็นท่านอัครราชทูตนะคะ ไม่ใช่ท่านเอกอัครราชทูต)
1. "การอนุมัติยกเว้นวีซ่าสำหรับชาวไทยเป็นแบบถาวร ไม่ใช่แค่เฉพาะแค่ช่วงพิเศษ แต่เป็นการให้แบบไม่กำหนดระยะเวลา"
อันนี้ต้องขออุทาน เรียกว่าสึโก้ยเกินคาด
ทีแรกกะ ๆ เล็ง ๆ ไว้ว่าอาจจะยกเว้นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเพียงสั้น ๆ แต่พอท่านเผยไต๋มาแบบนี้ เล่นเอาคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว
แสดงว่าในสายตารัฐบาลญี่ปุ่นนั้น ให้เครดิตคนไทยมากทีเดียว แต่ทั้งนี้ อย่าลืมว่าบรรทัดต่อมา
2. "กรณีของประเทศ"มาเลเซีย" ที่ผ่านการอนุมัติในครั้งนี้ด้วยนั้น เป็นการกลับมาให้สิทธิใหม่ หลังจากที่เคยให้ไปแล้ว แต่มีการระงับไปชั่วคราว โดยไม่ได้อธิบายว่าเพราะเหตุใด"
ชี้ให้เห็นว่าญป.เคยยกเว้นวีซ่าให้มาเลเซียไปแล้ว และเคยระงับไป แม้ไม่แจ้งสาเหตุ แต่ก็น่าจะเดาๆกันได้
ฉะนั้นแล้วชาวไทยอย่าทำให้ชาวไทยด้วยกันต้องลำบากนะคะ
3. "แต่จำนวนวันที่สามารถพำนักอยู่ในญี่ปุ่นกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น"
ฉะนั้นก็ยังลุ้นกันต่อไปว่าจะอยู่ได้กี่วันนะคะ ถ้าเป็น15วัน ก็แล้วไป ( สำหรับคนที่ได้วีซ่ามัลติเพิลแล้ว ถือว่าเสมอตัว )
แต่ถ้าเป็น30วัน หรือ90วัน.. ผู้ที่ได้วีซ่ามัลติเพิลไปแล้ว(อย่างข้าพเจ้า) อาจจะมีกัดริมผ้าเช็ดหน้าเล็กๆ ( ก็มันมากกว่า15วันนี่นา ฮือๆๆๆ )
แต่ก็ดีใจแหละน่า ได้อยู่ญี่ปุ่นนานกว่าเดิม.. เนอะ (^_^ )
ไทยนั้นติดอันดับ6ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าญป.มากที่สุด โดย5อันดับแรกได้รับสิทธิ์เดินทางเข้าญป.โดยไม่ต้องขอวีซ่าได้นานถึง90วัน
ก็มาร่วมลุ้นกันต่อไปนะคะ ว่าไทยเราจะได้90วันเหมือน5อันดับแรกไหม หรือจะ15วันพอกรุบกริบๆ อีกไม่นานก็คงได้รู้กันค่ะ
4. ท่านอัครราชทูตกล่าวว่าสำหรับผู้ที่กังวลว่ายกเว้นวีซ่าแล้วจะต้องไปลุ้นกันมือเท้าเย็นที่หน้าด่านเหมือนเกาหลีใต้นั้น "ขอให้คลายความกังวลใจ"
คำแนะนำของท่านก็สอดคล้องกับที่ว่านทวิตไปก่อนหน้านี้ ว่าขอให้เตรียมหลักฐานต่างๆไว้ให้พร้อม
- นักเรียนนักศึกษาเตรียมสำเนาบัตรนักเรียน/นศ.
- คนทำงานก็เตรียมหลักฐานในการทำงาน จดหมายรับรองต่างๆ นามบัตร ไปด้วย
- ถ้าเป็นฟรีแลนซ์ก็ปริ้นต์การงานต่างๆไปเผื่อๆ
สำหรับคนที่เป็นฟรีแลนซ์แบบไม่มีใบอนุญาต(คือไม่ใช่สถาปนิก แต่เป็นนักแปล พริตตี้ รัยงิ) ก็อาจจะปรับใช้หลักฐานตามแบบที่เวลาขอวีซ่าก็ได้ค่ะ
อย่างเวลาขอวีซ่า สถานทูตเขาระบุไว้ว่า "ในกรณีที่ผู้ยื่นไม่มีอาชีพ หรือประกอบอาชีพที่ไม่สามารถแสดงหนังสือรับรองการทำงาน หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท หรือทะเบียนการค้าได้ กรุณาทำหนังสืออธิบายอาชีพและรายได้โดยละเอียด"
ก็เอาตรงนี้มาปรับใช้ เขียนจดหมายชี้แจงอาชีพและที่มาของรายได้ ว่านเคยเขียนวิธีแนะนำการเขียนจดหมายนี้ไว้แล้ว เข้าไปอ่านได้เลยค่ะ http://wan-nam.com/jp-multiple-entry-visa/ … ดูช่วงๆข้อ6.4 เป็นต้นไป
- มีตั๋วเครื่องบินขากลับ หลักฐานการจองห้องพักให้เรียบร้อย
- จะไปเที่ยวไหนอะไรยังไง ก็ใส่ใจรู้ไว้บ้าง ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ เพื่อนจัดการให้ เลยตอบท่านตม. ได้แต่"ไม่รู้ จำไม่ได้"
อันนี้ถ้าเข้าประเทศ"ไม่ได้"บ้าง ก็โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองนะคะ
ถึงเพื่อนจัดการก็ทำตารางการเที่ยวสักหน่อย พกกันไว้คนละสำเนา พักที่ไหน เที่ยวที่ไหน เผื่อตัวเองหลงทาง จะได้รู้เหนือรู้ใต้ด้วยค่ะ =)
เดี๋ยวนี้เกือบทุกคนใช้smartphone ก็ใช้ประโยชน์มันให้คุ้มค่ากันนะคะ
- การแต่งกายก็ควรจะสุภาพพอประมาณ ไม่ต้องถึงขนาดปกปิดมิดชิด
สำหรับคนที่อกโต/อกล่ำ ขาสวย เข้าใจว่ามีดีก็อยากโชว์ แต่กรุณาเก็บความสะท้านทรวงของคุณไว้แสดงต่อสายตาประชาชนหลังผ่านตม. ไปแล้วดีกว่า
5. "ในระยะแรกที่ยกเว้นวีซ่า จะต้องมีการจับตาดูนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยเป็นพิเศษบ้าง แต่คนที่เข้าไปท่องเที่ยวจริงๆ ก็ไม่ต้องกังวล"
ใครที่จะเข้าญป.ช่วงแรกๆที่มีผลบังคับใช้ ก็ขอให้เตรียมตัว เตรียมเวลา และเตรียมใจไว้สักหน่อย
คนที่จะจองJR Passชนิดกะจะแลกตั๋วแล้วโดดขึ้นรถไฟเลย ก็แนะนำว่าให้เผื่อเวลาไว้บ้าง อย่าให้มันกระชั้นจนเกินไป เพราะเผื่อเราหรือเพื่อนเราอาจจะได้เป็นผู้โชคดีเข้าไปเที่ยวห้องเย็นแดนปลาดิบขึ้นมา จะได้ไม่ประสาทเสียจนเที่ยวไม่สนุก
อีกอย่างการพิจารณาของตม. ก็อาจจะนานขึ้น ส่งผลให้การเข้าคิวที่ตม. ยาวขึ้น ใช้เวลาในการตรวจลงตรามากขึ้น..
จัดแจงตารางรถไฟ เผื่อเวลารถไฟไว้หน่อยนะคะ =)
6. "อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองผู้ประทับตราที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจะเป็นผู้พิจารณาขั้นสุดท้ายว่าสมควรอนุญาตพำนักอยู่ในญี่ปุ่นนานนานเพียงใด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับโปรแกรมการท่องเที่ยวของแต่ละบุคคลด้วย"
ย้ำอีกที ฉะนั้นอย่าลืมนะคะ"เผื่อไว้ก่อน"
จากนี้ก็มาร่วมติดตามสถานการณ์ยกเว้น(ยกเว้นนะ ไม่ใช่ยกเลิก คนละความหมายกันเลยล่ะ)วีซ่าญี่ปุ่นกันต่อไป ว่าจะมีผลบังคับใช้วันไหน และยกเว้นให้พำนักได้กี่วัน
ขอให้โชคดี ได้ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นสมดังหวังทุกคนนะคะ =)
ใครคิดถึงไปคุยกันได้ค่ะ แต่จะพยายามมาพันทิปบ่อยกว่าเดิมนะคะ
http://twitter.com/wan_nam