Man of Steel (2013)
Genre : Superhero, Action, Adventure
Director : Zack Snyder
Story : David S. Goyer , Christopher Nolan
Screenplay : David S. Goyer
Superman created by : Jerry Siegel, Joe Shuster
สมกับที่รอคอยหนังเรื่องนี้มาร่วม 2 ปีครึ่ง ตั้งแต่ได้ข่าวว่า Nolan กับ S.Goyer เข้ามาคุมโปรเจค ช่วยกันวางโครงเรื่องให้ S.Goyer เอาไปต่อยอดทำ Screenplay แล้วก็ได้ตัวผู้กำกับที่โดดเด่นเรื่องงานภาพและดัดแปลงคอมมิคอย่าง Zack Snyder คือมันเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมาก ๆ สุดยอดด้านภาพ งาน CG มาผสมกับสุดยอดด้านการเขียนบท แถมตัวละครอย่าง Superman ก็เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว เป็นตัวละครที่ยิ่งใหญ่ต้องอาศัยคนมือถึงมาทำให้มันสมราคา superhero เบอร์หนึ่ง ไม่ผิดหวังกับการ reboot เปิดตัวใหม่ครั้งนี้ครับ
ต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่า Man of Steel คือการเปิดตัว Superman ดังนั้นถ้าจะเทียบก็คงต้องชนกับ Batman Begins, Iron Man 1, Amazing Spider-Man หรือ X-Men First Class ถึงจะถูกต้องครับ คนเขียนบทเขาต้องการให้เรารู้จักตัวละคร Superman ฉบับตีความใหม่ให้มากที่สุด ดังนั้นความสำคัญในการต่อสู้กับตัวร้ายอาจจะเป็นเรื่องรองลงไป (ถ้านับเฉพาะการเปิดตัวผมให้ X-men First Class > Man of Steel, Batman Begins > Iron Man > The Amazing Spider-Man)
Man of Steel ภาคนี้คือการปูพื้นตัวตน Superman วัยเด็ก เด็กที่เติบโตมาแบบตัวเองแตกต่างจากเด็กคนอื่นจะต้องผ่านอะไรมาบ้าง โชคดีที่เขามีครอบครัวบุญธรรมที่ดี จึงได้การตีความตัวตน Superman โตมาจากสภาพสังคมแบบไหน และครอบครัวช่วยให้เขาอยู่ในกรอบอย่างไร ส่วนตัวร้ายประจำภาคก็คือ General Zod ก็เป็นตัวร้ายเพราะอุดมการณ์และสิ่งที่ปลูกฝังว่าเขาถูกสร้างให้เป็นนักรบเพื่อปกป้องชาวคริปโตเนี่ยน โดยรวมแม้จะไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบแต่ก็ถือว่าดีมาก ๆ สำหรับหนัง Popcorn Movie และดีพอแล้วสำหรับการ reboot superhero คนนี้ครับ (ถ้าจะรอบทเทพกว่านี้ อาจจะต้องไปลุ้น Director's Cut นะครับ)
ตัวเนื้อเรื่องอาจจะต้องแบ่งเป็นสองส่วนคือ การวางโครงเรื่องว่าจะตีความ Superman ฉบับใหม่อย่างไรให้ยังคงตัวตน Superman และตีความออกมาแล้วจะเล่าเรื่องยังไงให้คนดูเชื่อว่า Superman เป็นแบบที่ตีความใหม่ และจะใส่ตัวร้ายเข้ามายังไงให้หนังมันสมบูรณ์
- ส่วนแรกคือการตีความ Superman สำหรับผมให้ผ่านครับ อย่างฉบับปี 1978 จะเป็น Clark Kent ซื่อบื้อหน่อย ๆ แล้ว Superman ก็ดูจะชอบโปรยเสน่ห์ชอบโชว์พาว ฮ่า ๆ พอมา 2013 ก็มาตีความใหม่ให้วัยเด็กมันดราม่าขึ้นเพราะตัวเองผิดปกติจากคนอื่น พอโตมาก็จริงจังค้นหาตัวเองซ่อนตัวจากสังคม รายละเอียดเล็ก ๆ ก็ใส่มาให้แฟนได้ว้าวได้กรี๊ด เช่น Superman จริง ๆ เหาะไม่ได้นะครับ แต่อาศัยการกระโดดไกล ๆ ซึ่งผมชอบที่ภาคนี้ใส่รายละเอียดตรงนี้ ตอนท้าย General Zod กระโดดเป็นลิงเลยครับ ฮ่า ๆ
- Screenplay ก้ำกึ่งจะให้ดีหรือพอใช้ หนังใส่รายละเอียดเข้ามาพอสมควรแต่มันไม่ได้ถูกดึงมาขยี้ให้หนัก เช่นเรื่องความหวัง ความศรัทธา การสูญเสีย รวมถึงเรื่องตัวตนที่โลกอาจจะไม่ยอมรับ ถ้าพูดถึงแค่รายละเอียดผมว่ามันสมบูรณ์แบบมาก ๆ สำหรับการสร้างหนังสักเรื่องแต่พอนำเสนอออกมายังไม่หนักแบบที่หนังพยายามจะสื่อครับ
ที่ผมชอบอีกอย่างก็คือวิธีการเล่าเรื่องแบบไม่ลำดับเวลา มันไม่ได้ถึงกับชวนงงเพราะมันก็แค่แฟลชแบ๊คไปวัยเด็ก S.Goyer และ Snyder เลือกใช้การให้ Superman มองอะไรสักอย่างแล้วหยุดคิดแฟลชแบ๊คไปนึกถึงสิ่งที่เขาเคยเจอเมื่อวัยเด็ก การเล่าแบบ 1-5-2-4-3 อะไรแบบนี้มันเหมาะกับ Man of Steel มากครับ
ต่อมาฉากแอ๊คชั่นจุดขายของชื่อ Zack Snyder ไม่ผิดหวังครับ ถ้าจินตนาการ Superman ต่อสู้มันต้องแบบนี้แหละครับ ผมก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคาดหวังยังไง ต้องให้บู๊เก่งแบบจา พนม หรือว่าจะให้วางแผนปราบตัวร้ายเหนือชั้นแบบ Batman หรือยังไงไม่ทราบ เพราะพื้นฐาน Superman โตมากับชาวไร่ไม่ได้บ้าฝึกซ้อมต่อสู้ แถมความสามารถก็เน้นที่พละกำลังและความแข็งแรง ฉากแอ๊คชั่น ฉากต่อสู้ออกมาแบบนี้มันจึงอลังการและสมกับเป็น Fight Scene ของ Superman แล้วครับ ให้เต็มฉากแอ๊คชั่นแบบไม่มีข้อกังขาเลยครับ สไตล์เหมือน The Matrix Revolutions ครับ
และผมเชื่อว่าการปูพื้นตัวละคร Superman เอาไว้ดีแบบนี้ เราน่าจะได้เห็นทีเด็ดภาคต่อเหมือนที่ Batman Begins ปูทางให้ความสำเร็จของ The Dark Knight ก็เป็นได้ครับ
9.5/10
ตีความ Superman ในแบบ S.Goyer ผสมงานสร้างตามแบบ Snyder ผลลัพธ์ออกมาเป็น Man of Steel ที่ยอดเยี่ยม
Genre : Superhero, Action, Adventure
Director : Zack Snyder
Story : David S. Goyer , Christopher Nolan
Screenplay : David S. Goyer
Superman created by : Jerry Siegel, Joe Shuster
สมกับที่รอคอยหนังเรื่องนี้มาร่วม 2 ปีครึ่ง ตั้งแต่ได้ข่าวว่า Nolan กับ S.Goyer เข้ามาคุมโปรเจค ช่วยกันวางโครงเรื่องให้ S.Goyer เอาไปต่อยอดทำ Screenplay แล้วก็ได้ตัวผู้กำกับที่โดดเด่นเรื่องงานภาพและดัดแปลงคอมมิคอย่าง Zack Snyder คือมันเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมาก ๆ สุดยอดด้านภาพ งาน CG มาผสมกับสุดยอดด้านการเขียนบท แถมตัวละครอย่าง Superman ก็เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว เป็นตัวละครที่ยิ่งใหญ่ต้องอาศัยคนมือถึงมาทำให้มันสมราคา superhero เบอร์หนึ่ง ไม่ผิดหวังกับการ reboot เปิดตัวใหม่ครั้งนี้ครับ
ต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่า Man of Steel คือการเปิดตัว Superman ดังนั้นถ้าจะเทียบก็คงต้องชนกับ Batman Begins, Iron Man 1, Amazing Spider-Man หรือ X-Men First Class ถึงจะถูกต้องครับ คนเขียนบทเขาต้องการให้เรารู้จักตัวละคร Superman ฉบับตีความใหม่ให้มากที่สุด ดังนั้นความสำคัญในการต่อสู้กับตัวร้ายอาจจะเป็นเรื่องรองลงไป (ถ้านับเฉพาะการเปิดตัวผมให้ X-men First Class > Man of Steel, Batman Begins > Iron Man > The Amazing Spider-Man)
Man of Steel ภาคนี้คือการปูพื้นตัวตน Superman วัยเด็ก เด็กที่เติบโตมาแบบตัวเองแตกต่างจากเด็กคนอื่นจะต้องผ่านอะไรมาบ้าง โชคดีที่เขามีครอบครัวบุญธรรมที่ดี จึงได้การตีความตัวตน Superman โตมาจากสภาพสังคมแบบไหน และครอบครัวช่วยให้เขาอยู่ในกรอบอย่างไร ส่วนตัวร้ายประจำภาคก็คือ General Zod ก็เป็นตัวร้ายเพราะอุดมการณ์และสิ่งที่ปลูกฝังว่าเขาถูกสร้างให้เป็นนักรบเพื่อปกป้องชาวคริปโตเนี่ยน โดยรวมแม้จะไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบแต่ก็ถือว่าดีมาก ๆ สำหรับหนัง Popcorn Movie และดีพอแล้วสำหรับการ reboot superhero คนนี้ครับ (ถ้าจะรอบทเทพกว่านี้ อาจจะต้องไปลุ้น Director's Cut นะครับ)
ตัวเนื้อเรื่องอาจจะต้องแบ่งเป็นสองส่วนคือ การวางโครงเรื่องว่าจะตีความ Superman ฉบับใหม่อย่างไรให้ยังคงตัวตน Superman และตีความออกมาแล้วจะเล่าเรื่องยังไงให้คนดูเชื่อว่า Superman เป็นแบบที่ตีความใหม่ และจะใส่ตัวร้ายเข้ามายังไงให้หนังมันสมบูรณ์
- ส่วนแรกคือการตีความ Superman สำหรับผมให้ผ่านครับ อย่างฉบับปี 1978 จะเป็น Clark Kent ซื่อบื้อหน่อย ๆ แล้ว Superman ก็ดูจะชอบโปรยเสน่ห์ชอบโชว์พาว ฮ่า ๆ พอมา 2013 ก็มาตีความใหม่ให้วัยเด็กมันดราม่าขึ้นเพราะตัวเองผิดปกติจากคนอื่น พอโตมาก็จริงจังค้นหาตัวเองซ่อนตัวจากสังคม รายละเอียดเล็ก ๆ ก็ใส่มาให้แฟนได้ว้าวได้กรี๊ด เช่น Superman จริง ๆ เหาะไม่ได้นะครับ แต่อาศัยการกระโดดไกล ๆ ซึ่งผมชอบที่ภาคนี้ใส่รายละเอียดตรงนี้ ตอนท้าย General Zod กระโดดเป็นลิงเลยครับ ฮ่า ๆ
- Screenplay ก้ำกึ่งจะให้ดีหรือพอใช้ หนังใส่รายละเอียดเข้ามาพอสมควรแต่มันไม่ได้ถูกดึงมาขยี้ให้หนัก เช่นเรื่องความหวัง ความศรัทธา การสูญเสีย รวมถึงเรื่องตัวตนที่โลกอาจจะไม่ยอมรับ ถ้าพูดถึงแค่รายละเอียดผมว่ามันสมบูรณ์แบบมาก ๆ สำหรับการสร้างหนังสักเรื่องแต่พอนำเสนอออกมายังไม่หนักแบบที่หนังพยายามจะสื่อครับ
ที่ผมชอบอีกอย่างก็คือวิธีการเล่าเรื่องแบบไม่ลำดับเวลา มันไม่ได้ถึงกับชวนงงเพราะมันก็แค่แฟลชแบ๊คไปวัยเด็ก S.Goyer และ Snyder เลือกใช้การให้ Superman มองอะไรสักอย่างแล้วหยุดคิดแฟลชแบ๊คไปนึกถึงสิ่งที่เขาเคยเจอเมื่อวัยเด็ก การเล่าแบบ 1-5-2-4-3 อะไรแบบนี้มันเหมาะกับ Man of Steel มากครับ
ต่อมาฉากแอ๊คชั่นจุดขายของชื่อ Zack Snyder ไม่ผิดหวังครับ ถ้าจินตนาการ Superman ต่อสู้มันต้องแบบนี้แหละครับ ผมก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคาดหวังยังไง ต้องให้บู๊เก่งแบบจา พนม หรือว่าจะให้วางแผนปราบตัวร้ายเหนือชั้นแบบ Batman หรือยังไงไม่ทราบ เพราะพื้นฐาน Superman โตมากับชาวไร่ไม่ได้บ้าฝึกซ้อมต่อสู้ แถมความสามารถก็เน้นที่พละกำลังและความแข็งแรง ฉากแอ๊คชั่น ฉากต่อสู้ออกมาแบบนี้มันจึงอลังการและสมกับเป็น Fight Scene ของ Superman แล้วครับ ให้เต็มฉากแอ๊คชั่นแบบไม่มีข้อกังขาเลยครับ สไตล์เหมือน The Matrix Revolutions ครับ
และผมเชื่อว่าการปูพื้นตัวละคร Superman เอาไว้ดีแบบนี้ เราน่าจะได้เห็นทีเด็ดภาคต่อเหมือนที่ Batman Begins ปูทางให้ความสำเร็จของ The Dark Knight ก็เป็นได้ครับ
9.5/10