ตามหัวกระทู้ครับ ด้วยความอลังการที่ไม่แพ้หนังฮีโร่เรื่องไหนๆ บนพื้นพิภพ ทำให้ man of steel มีความบันเทิงเทียบเท่า(หรือมากกว่า?) หนังฮีโร่อลังการเรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะ ธอร์ ไออ้อนแมน หรือแม้แต่อาเวนเจอร์

แต่สิ่งที่ man of steel มีมากกว่าหนังกลุ่มข้างต้นคือความจริงจังด้านเนื้อหา นับเฉพาะความเป็น "ภาคเปิด" เนื้อหาหนักกว่าธอร์ หรือไออ้อนแมนเยอะครับ พอฟัดพอเหวี่ยงกับแบทแมนบีกินส์ แต่ถามว่าเท่าดาร์กไนท์ไหม ก็ไม่ขนาดนั้น (นับเฉพาะด้านเนื้อหา ไม่นับความอลังการซึ่งบอกไปแล้วว่าไม่แพ้ หรือ มากกว่าหนังใดๆ บนพื้นพิภพ)

หนังอยู่ในระดับดี เป็นสองชั่วโมงกว่าที่ไม่น่าเบื่อ แต่ก็ไม่พีค(ในด้านเนื้อหา แต่ในด้านแอคชั่นคนที่คาดหวังด้านนี้คงสาแก่ใจแน่นอนครับ) หนังมี "มิติ" น่าสนใจ ไม่ ขาวจัด ดำจัด ผู้ดี ผู้ร้าย ตามสูตรสำเร็จง่ายๆ เพียงแต่ยังเล่นประเด็นนี้ได้ไม่สุดอย่างที่ TDK เคยทำได้ (บางทีเราอาจต้องรอภาค 2 ที่ไม่ต้องเสียเวลาปูเรื่องอะไรกันแล้ว เราอาจจะหวังกับความลึกแบบ TDK ได้ เพราะแม้แต่แบทแมน ภาคแรกก็ใช่ว่าจะพีคในเรื่องความลึกอะไรสักเท่าไหร่ ก็ประมาณๆ เดียวกับ man of steel นี่แหละ คือประเด็นมี แต่ไปไม่สุด)

สิ่งที่ TDK ทำให้ผมรู้สึกคือ "ขนลุก" กับหลายๆฉาก man of steel ทำได้ขนาดนั้นไหม ก็เกือบๆ ครับแต่ยังไม่ลุก(ฮา) เอาว่าเขาเอาแอ๊คชั่นมาทดแทนด้านนี้แล้วกัน (เห็นหลายคนชอบฉากแอ๊คชั่น แต่ผมออกจะเฉยๆ)

สรุป ดูได้เลยครับ ไม่ผิดหวัง แต่โปรดอย่าตั้งความหวังเยอะเกินไปเท่านั้นเอง (ฮา)

ปล. สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่ามัน "แป้ก" ไปนิดคือคำว่า "ความหวัง" เป็น "ตัวแทนของอุดมคติให้แก่มวลมนุษย์" ตามสโลแกนในโฆษณา ผมว่าเนี่ย ออกจะเลือนรางและไม่เก็ตว่าในหนังมัน ทำให้เห็นถึงประเด็นนี้ได้อย่างไร ในขณะที่ แบทแมนบีกินส์ ตั้งคำถามถึงความ "ยุติธรรม" เออ เรารู้สึกว่าหนังพยายามจะตอบประเด็นนี้จริงๆ ว่าอะไรคือความยุติธรรม อะไรคือความแตกต่างของนิยามคำว่ายุติธรรมระหว่างวิธีคิดของแบทแมนกับราช อังกูล แต่เนี่ย "ความหวัง" "ตัวแทนของอุดมคติให้มวลมนุษย์" ผมกลับไม่ค่อยเห็นในหนังเรื่องนี้ ถ้าคุณ ๆ เห็นแง่มุมนี้ลองแลกเปลี่ยนชี้แนะให้ผมทราบก็จะขอบคุณครับ