บทลงโทษผู้ที่ด่าทออัลลอฮฺ

กระทู้สนทนา
บรรดาอุละมาอ์มีมติเอกฉันท์ว่าผู้ที่ด่าทออัลลอฮฺต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างหนัก นั่นคือประหารชีวิตในฐานะของการปฏิเสธ และจะต้องไม่ปฏิบัติต่อเขาผู้นั้นด้วยบัญญัติแห่งอิสลามหลังจากเสียชีวิตแล้ว กล่าวคือ ต้องไม่อาบน้ำศพ ไม่ห่อ ไม่ละหมาด ไม่ฝังในสุสานของชาวมุสลิม และไม่ขอดุอาอ์ให้แก่ศพด้วย เพราะเขามิใช่มุสลิม

        
ความเห็นของอุละมาอ์ต่อประเด็นนี้ แบ่งออกเป็นสองทัศนะ


ทัศนะที่หนึ่ง

          เป็นทัศนะของท่านอุมัรฺ บิน อัล-ค็อฏฏอบ, อิบนุ อับบาส และอะหฺมัด บิน หันบัล และบรรดานักนิติศาสตร์อิสลามอีกหลายท่านมีความเห็นว่า อัลลอฮฺจะไม่รับการเตาบะฮฺของเขา และต้องประหารชีวิตของเขาโดยที่ไม่ต้องให้เขายอมรับในความผิดก่อนแต่อย่างใด ส่วนอัลลอฮฺจะให้อภัยแก่เขาในวันอาคิเราะฮฺหรือไม่นั้นก็แล้วแต่พระองค์

         อันที่จริงการลงโทษทันฑ์นั้นถูกบัญญัติขึ้นมาด้วยเหตุผล ดังนี้

1. เพื่อที่จะเป็นการดัดนิสัยของผู้กระทำความผิด อีกทั้งยังเป็นการชำระความผิดของเขาด้วย

2. และเพื่อเป็นข้อเตือนใจและยับยั้งผู้อื่นที่จะพูดหรือกระทำเยี่ยงเขา

ดังนั้น การที่กล่าวว่าอัลลอฮฺจะทรงรับการเตาบะฮฺของเขา จะทำให้เป้าหมายทั้งสองประการของบทลงโทษนี้ไร้ผลโดยสิ้นเชิง


ทัศนะที่สอง

          เป็นทัศนะของบรรดานักนิติศาสตร์อิสลามส่วนใหญ่มีความเห็นว่าจะต้องให้เขากลับเนื้อกลับตัวก่อนที่จะลงโทษ หากเขายอมรับผิดด้วยความสัจจริงและจะไม่กระทำความดังกล่าวอีกแล้ว ก็ต้องยอมรับในการกลับใจของเขา

           ประเด็นนี้ต่างจากการด่าทอท่านนบี  ที่จะต้องลงโทษผู้กระทำผิดดังกล่าว เนื่องจากว่าท่านนบี ไม่ได้ให้อภัยแก่ผู้ที่ด่าทอท่านทุกๆ คน เพราะท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้น ผู้ที่ด่าทอท่านนบี  จะต้องได้รับโทษอย่างสาสม ต้องถูกประหารชีวิตสถานเดียว เพราะการด่าทอท่านนบี  ถือเป็นการปฏิเสธศรัทธา

           และเนื่องจากว่าการด่าทอท่านนบี เป็นการลดสถานะของท่าน ทำให้ความน่าเชื่อถือในตัวท่านลดน้อยถอยลง ซึ่งเหตุผลดังกล่าวเห็นได้ชัดเจนว่ามีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างการด่าทออัลลอฮฺกับการด่าทอท่านนบี กล่าวคือการด่าทออัลลอฮฺมิได้ลดสถานะของพระองค์แต่อย่างใด


สรุปทัศนะของบรรดาอุละมาอ์

           จากทัศนะมุมมองและเหตุผลของบรรดาอุละมาอ์ทั้งสองกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้นเราพอที่จะสรุปได้ว่า ผู้ใดก็แล้วแต่ที่ด่าทออัลลอฮฺจะต้องได้รับโทษอย่างหนักด้วยการประหารชีวิต โดยที่ไม่ต้องให้โอกาสในการกลับใจ และอัลลอฮฺจะทรงตอบแทนเขาเองในวันกิยามะฮฺด้วยความยุติธรรมของพระองค์ หรืออาจจะให้อภัยแก่เขาก็ได้หากพระองค์ทรงประสงค์ สำหรับผู้ที่ด่าทออัลลอฮฺแล้วมีความรู้สึกสำนึกผิด กลับเนื้อกลับตัว กลับใจด้วยความบริสุทธิ์ และประกาศการกลับใจก่อนที่จะถูกนำตัวมาตัดสิน อย่างนี้ต้องรับการกลับใจของเขา และให้ปฏิบัติต่อเขาเช่นเดียวกับผู้ปฏิเสธที่เข้ารับอิสลามด้วยความจริงใจ ถึงแม้นเขาจะยอมจำนนว่าเขาเคยด่าทออัลลอฮฺมาก่อนที่จะเข้ารับอิสลามก็ตาม



ประเภทของการด่าทออัลลอฮฺ  



การด่าทออัลลอฮฺมีสองประเภท ดังนี้


ประเภทที่หนึ่ง การด่าทอโดยตรง อย่างตรงไปตรงมา

         เช่น การสาปแช่ง การตำหนิ การใส่คล้ายพระองค์ ลักษณะดังกล่าวคือความหมายของการด่าทออัลลอฮฺตามทัศนะของบรรดาอุละมาอ์ ทั้งหมดนี้ให้ดำเนินการลงโทษดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น


ประเภทที่สอง การด่าทออัลลอฮฺโดยทางอ้อม

           หมายถึง การตำหนิการบริหารจัดการของอัลลอฮฺต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา และการจัดการของพระองค์ในสิ่งที่ได้กำหนดมาแล้ว โดยที่มนุษย์ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น เช่นการเลือกกระทำสิ่งใดของคนๆ หนึ่ง การทำงาน การขวนขวาย รวมถึงการด่าทอกาลเวลา ด่าวัน ด่าเดือน ด่าปี ด่าช่วงเวลาต่างๆ ด่าดวงดาวต่างๆ ที่เป็นปรากฏการณ์ในจักรวาล เป็นต้น กรณีเช่นนี้เราต้องไม่ตัดสินเช่นเดียวกับการด่าทออัลลอฮฺโดยตรง นอกจากว่าคำพูดของเขาส่อไปในทางการตำหนิ ด่าว่า ใส่ร้ายอัลลอฮฺอย่างเห็นได้ชัด

ท่านนบี  กล่าวว่า

«قَالَ اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ يُؤْذِينِي ابْنُ آدَمَ يَسُبُّ الدَّهْرَ وَأَنَا الدَّهْرُ بِيَدِي الْأَمْرُ أُقَلِّبُ اللَّيْلَ وَالنَّهَارَ» [رواه البخاري ومسلم]

“อัลลอฮฺกล่าวว่า มนุษย์รังแกข้า เขาด่าว่ากาลเวลา

ข้าเป็นผู้ลิขิตทุกสิ่งให้เกิดขึ้นตามกาลเวลา กิจการทั้งหมดอยู่ในมือของข้า ข้าเป็นผู้สับเปลี่ยนกลางคืนและกลางวัน”

(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข : 4826 และ7491  และมุสลิม หมายเลข : 2246)

ท่านนบี  กล่าวว่า

«يُؤْذِينِي ابْنُ آدَمَ، يَقُولُ يَا خَيْبَةَ الدَّهْرِ، فَلَا يَقُولَنَّ أَحَدُكُمْ يَا خَيْبَةَ الدَّهْرِ، فَإِنِّي أَنَا الدَّهْرُ، أُقَلِّبُ لَيْلَهُ وَنَهَارَهُ، فَإِذَا شِئْتُ قَبَضْتُهُمَا» [رواه مسلم]

“มนุษย์รังแกข้า เขาพูดว่า ”ช่วงเวลาแห่งความซวย” ผู้หนึ่งในหมู่พวกเจ้าอย่าได้กล่าวว่า ”เวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความซวย”

เพราะข้าเป็นผู้ที่ลิขิตทุกสิ่งให้เกิดขึ้นตามกาลเวลา ข้าเป็นผู้ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปของกลางคืนและกลางวัน หากข้าประสงค์เมื่อไร ฉันก็จะยับยั้งทั้งสองไว้ก็ได้”

(บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข : 2246)

         ดังนั้น ทั้งดวงดาว ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลากลางวันและกลางคืน และห้วงเวลาต่างๆ ทั้งหมดได้เกิดขึ้นตามการกำหนดของอัลลอฮฺทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดที่โคจรตามความต้องการของมันเอง ดังนั้น การด่าทอสิ่งเหล่านี้เหมือนกับการด่าทอ การไม่พอใจ และการไม่ยอมรับต่อผู้ที่บริหารและกำหนดให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นนั่นเอง ด้วยเหตุนี้เองที่อัลลอฮฺห้ามมิให้คนๆ หนึ่งด่าทอกาลเวลา เพราะเท่ากับว่าเป็นการด่าทออัลลอฮฺผู้กำหนดนั่นเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่