
พญ.พรทิพย์ชี้คดี “เอกยุทธ” ฆาตกรรมอำพรางไม่ต่าง “สมชาย นีละไพจิตร” ระบุตำรวจเก็บหลักฐานศพไม่ละเอียด แนะเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายการเมืองต้องระมัดระวังการก้าวก่ายคดีและต้องโปร่งใสกว่านี้เพื่อไม่ให้ถูกครหาว่าดำเนินการไม่สุด-เข้าข่ายรัฐตำรวจ ยันช่วยอะไรไม่ได้เพราะถูกย้ายเป็นผู้ตรวจราชการแล้วยกเว้นผู้บังคับบัญชาสั่ง
“คดีนี้มันก็ไม่ต่างจากกรณีของคุณสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งเรายังไม่รู้ประเด็นว่าคืออะไร แต่ผู้ตายไม่ใช่ประชาชนธรรมดาที่ไม่เคยมีเรื่องกับอำนาจรัฐ เพราะฉะนั้น ถ้าพูดกันตรงๆ
คุณเอกยุทธถือเป็นตัวอย่างของคนที่สู้กับอำนาจรัฐ จะเป็นฝั่งอะไรก็ช่าง แต่เมื่อมีการตาย เจ้าหน้าที่รัฐและการเมืองต้องระวัง ระวังต่อการเข้าไปก้าวก่าย ระวังต่อการที่ทำให้เห็นได้ว่ามันมีการดำเนินการไม่สุด” พญ.พรทิพย์กล่าว
อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่เพิ่งถูก ครม.สั่งย้ายให้มาเป็นผู้ตรวจราชการฯ กล่าวต่อว่า
โดยหลักการในต่างประเทศซึ่งเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่จะไม่มีการผูกขาดอำนาจอย่างในประเทศไทยเช่นปัจจุบัน โดยผู้ตรวจเก็บพยานหลักฐาน ผู้ตรวจพิสูจน์ และผู้ทำสำนวนต้องไม่เป็นหน่วยงานเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันผู้ดำเนินการเกี่ยวกับคดีดังกล่าวเกี่ยวพันกับตำรวจ และผู้ถืออำนาจรัฐทั้งหมด ซึ่งทำให้ประชาชนครหาได้ว่าปัจจุบันรัฐไทยเป็น “รัฐตำรวจ”
“ทำอย่างไรถึงจะตอบได้ว่า ที่เขาตรวจพิสูจน์มันมีความโปร่งใสจริง เก็บมาเต็มที่ แต่ถ้าถามว่าหมอเห็นจากภาพที่เอาศพขึ้น ก็ตอบได้เลยค่ะว่ามันทำอะไรได้มากกว่านั้นเยอะค่ะ” พญ.พรทิพย์ระบุ และเสริมว่า เท่าที่ตนเห็นจากสื่อทำให้เกิดความเป็นห่วง เพราะคดีนี้ถือเป็นฆาตกรรมอำพราง ซึ่งตำรวจไม่ควรสืบทางโทรทัศน์ ซึ่งตำรวจจับผู้ต้องหามาแถลงทีนึง เมื่อมีผู้ต้องสงสัยก็กลับไปหาหลักฐานมาเพิ่มอีกที ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ
ประเด็นต่อมาคือ ข้อมูลและหลักฐานอื่นๆ เช่น ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของผู้ต้องหาทางเจ้าหน้าที่กลับไม่ทำให้ปรากฎออกมา ทั้งนี้
แม้ทางญาติของผู้เสียชีวิตอยากให้ตนเข้าไปตรวจสอบคดีนี้เพิ่มเติมเหมือนในอดีต ตนก็คงทำไม่ได้เนื่องจากบทบาทของตนเองในปัจจุบันคือผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม แม้จะมีสถานะของความเป็นผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์อยู่ก็ตาม
“หมอไม่สามารถทำงานได้ ถ้าไม่มีเครื่องมือหรือมีทีม แต่ถ้า (ผู้บังคับบัญชา) สั่งการมาให้ครบมันก็ทำอะไรได้อยู่แล้วค่ะ ... พอลำบากทีก็จะคิดถึงเราทุกที” พญ.พรทิพย์กล่าว โดยเมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าเมื่อถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรมมีภารกิจอะไรบ้าง พญ.พรทิพย์ตอบว่า “
ตรวจกระดาษมั้งคะ”
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000071375
ว่าอยู่ เรื่องแบบนี้หมอผีหายไปไหน
ก็เป็นซะอย่างนี้ เค้าถึงส่งให้ไปตรวจดาษ
หมอพรทิพย์ยก เอกยุทธถือเป็นตัวอย่างของคนที่สู้กับอำนาจรัฐ
พญ.พรทิพย์ชี้คดี “เอกยุทธ” ฆาตกรรมอำพรางไม่ต่าง “สมชาย นีละไพจิตร” ระบุตำรวจเก็บหลักฐานศพไม่ละเอียด แนะเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายการเมืองต้องระมัดระวังการก้าวก่ายคดีและต้องโปร่งใสกว่านี้เพื่อไม่ให้ถูกครหาว่าดำเนินการไม่สุด-เข้าข่ายรัฐตำรวจ ยันช่วยอะไรไม่ได้เพราะถูกย้ายเป็นผู้ตรวจราชการแล้วยกเว้นผู้บังคับบัญชาสั่ง
“คดีนี้มันก็ไม่ต่างจากกรณีของคุณสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งเรายังไม่รู้ประเด็นว่าคืออะไร แต่ผู้ตายไม่ใช่ประชาชนธรรมดาที่ไม่เคยมีเรื่องกับอำนาจรัฐ เพราะฉะนั้น ถ้าพูดกันตรงๆ คุณเอกยุทธถือเป็นตัวอย่างของคนที่สู้กับอำนาจรัฐ จะเป็นฝั่งอะไรก็ช่าง แต่เมื่อมีการตาย เจ้าหน้าที่รัฐและการเมืองต้องระวัง ระวังต่อการเข้าไปก้าวก่าย ระวังต่อการที่ทำให้เห็นได้ว่ามันมีการดำเนินการไม่สุด” พญ.พรทิพย์กล่าว
อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่เพิ่งถูก ครม.สั่งย้ายให้มาเป็นผู้ตรวจราชการฯ กล่าวต่อว่า โดยหลักการในต่างประเทศซึ่งเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่จะไม่มีการผูกขาดอำนาจอย่างในประเทศไทยเช่นปัจจุบัน โดยผู้ตรวจเก็บพยานหลักฐาน ผู้ตรวจพิสูจน์ และผู้ทำสำนวนต้องไม่เป็นหน่วยงานเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันผู้ดำเนินการเกี่ยวกับคดีดังกล่าวเกี่ยวพันกับตำรวจ และผู้ถืออำนาจรัฐทั้งหมด ซึ่งทำให้ประชาชนครหาได้ว่าปัจจุบันรัฐไทยเป็น “รัฐตำรวจ”
“ทำอย่างไรถึงจะตอบได้ว่า ที่เขาตรวจพิสูจน์มันมีความโปร่งใสจริง เก็บมาเต็มที่ แต่ถ้าถามว่าหมอเห็นจากภาพที่เอาศพขึ้น ก็ตอบได้เลยค่ะว่ามันทำอะไรได้มากกว่านั้นเยอะค่ะ” พญ.พรทิพย์ระบุ และเสริมว่า เท่าที่ตนเห็นจากสื่อทำให้เกิดความเป็นห่วง เพราะคดีนี้ถือเป็นฆาตกรรมอำพราง ซึ่งตำรวจไม่ควรสืบทางโทรทัศน์ ซึ่งตำรวจจับผู้ต้องหามาแถลงทีนึง เมื่อมีผู้ต้องสงสัยก็กลับไปหาหลักฐานมาเพิ่มอีกที ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ
ประเด็นต่อมาคือ ข้อมูลและหลักฐานอื่นๆ เช่น ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของผู้ต้องหาทางเจ้าหน้าที่กลับไม่ทำให้ปรากฎออกมา ทั้งนี้แม้ทางญาติของผู้เสียชีวิตอยากให้ตนเข้าไปตรวจสอบคดีนี้เพิ่มเติมเหมือนในอดีต ตนก็คงทำไม่ได้เนื่องจากบทบาทของตนเองในปัจจุบันคือผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม แม้จะมีสถานะของความเป็นผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์อยู่ก็ตาม
“หมอไม่สามารถทำงานได้ ถ้าไม่มีเครื่องมือหรือมีทีม แต่ถ้า (ผู้บังคับบัญชา) สั่งการมาให้ครบมันก็ทำอะไรได้อยู่แล้วค่ะ ... พอลำบากทีก็จะคิดถึงเราทุกที” พญ.พรทิพย์กล่าว โดยเมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าเมื่อถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรมมีภารกิจอะไรบ้าง พญ.พรทิพย์ตอบว่า “ตรวจกระดาษมั้งคะ”
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000071375
ว่าอยู่ เรื่องแบบนี้หมอผีหายไปไหน
ก็เป็นซะอย่างนี้ เค้าถึงส่งให้ไปตรวจดาษ