ส่งออกไทยดูเหมือนจะต้องเผชิญวิบากกรรมซ้ำซาก ล่าสุดเพิ่งเจอปัญหาใหม่ เมื่อมีพวกไม่รักชาติ หัวใสแอบตั้ง "บริษัทกระดาษ" หรือ "Paper Company" ไม่ใช่บริษัทผลิตกระดาษหรือขายกระดาษ แต่เป็นบริษัทมีแต่เอกสาร ก่อตั้ง แต่ไม่มีการทำธุรกิจจริงๆ ตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อออก ใบกำกับภาษีปลอมขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
มีการทำเป็นขบวนการ โดยอาศัยช่องโหว่กฎหมายขอคืนภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่นำเข้าเพื่อผลิตส่งออก แต่ในทางปฏิบัติไม่มีการนำเข้าจริงและผลิตสินค้าออกไปขายจริงทำตัวเลข ส่งออกปลอมขึ้นมาทั้งหมด
เท่าที่มีข้อมูลมีทั้งหมด 30 บริษัท ใช้บ้านร้างเป็นที่ตั้ง รายชื่อกรรมการซ้ำๆ กัน เปิดบริษัทได้ 5-6 เดือนก็จะปิดแล้วเปิดใหม่ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ประเมินความเสียหายจากงานนี้ราวๆ 2,600 ล้านบาท
ไม่เสียภาษีแล้วยังมาโกงภาษีของประชาชนเป็นพันๆ ล้าน
ถามว่าทำไมกรมสรรพากรจึงไม่รู้เรื่องปล่อยให้เกิดได้ยังไงเรื่องอย่างนี้ไม่ใช่ "คดีใหม่" แต่เคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่ประกาศใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ สมัย "คุณสุชาติ เชาว์วิศิษฐ" เป็นอธิบดีเคยเอารายชื่อมาให้ดูเห็นแล้วแทบไม่น่าเชื่อ บริษัทยักษ์ใหญ่ ในไทยส่วนใหญ่ทำกันทั้งนั้น
แต่ตอนหลังคงไม่ทำ ตอนนั้นอาจไม่เข้าใจเพราะภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเรื่องใหม่
ข่าววงในเล่าให้ฟังว่าคนที่ทำมีไม่กี่พวก พวกแรกบริษัท ส่งออกทำเสียเอง ปกติทำธุรกิจส่งออกอยู่แล้วแต่ตั้งบริษัทกระดาษขึ้นมาซ้อน บริษัทจริงส่งออกแค่ 100 ล้านบาท แต่ปริษัทปลอมส่งออกตัวเลขหมื่นล้านเพื่อขอคืนภาษีมากๆ อีกกลุ่มเป็นคนในที่ร่วมกับพวกสำนักงานบัญชี ชิปปิ้ง รวมกลุ่มกันตั้งบริษัทพร้อมๆ กัน 5-6 บริษัท เป็น บริษัท เอ-บี-ซี-ไปเรื่อย รายชื่อกรรมการจึงซ้ำๆ กัน
ความจริงคนสรรพากรเคยมีบทเรียนมาแล้ว หากตรวจสอบเอกสารจริงๆ คงไม่ยาก แต่ว่ากันว่างานนี้เร่งอนุมัติแบบรวดเร็วอย่างผิดสังเกต
ตอนนี้ดีเอสไอรับหน้าที่เขามาตรวจสอบเริ่มเจอตอเบ้อเริ่ม พรรคพวกที่ทำเรื่องนี้เล่าให้ฟังว่าเจ้าหน้าที่สรรพากรบางคนเริ่มออกลายขอเอกสารอะไรมักไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ เหมือนพยายามปกปิดอะไรบางอย่าง ขออะไรไปก็บอกว่าผู้ใหญ่สั่งไม่ให้เปิดเผย ทำงานค่อนข้างลำบาก
เรื่องนี้ความเสียหายจริงๆ ไม่ใช่แค่ 2,600 ล้านเท่านั้น แต่ที่เสียหายกว่าคือ "ตัวเลขส่งออกปลอม" สูงกว่าความจริง ทำให้การคาดการณ์เศรษฐกิจเพี้ยนไปหมด
เครดิต ทวี มีเงิน ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01UQTFNVEV4Tmc9PQ==§ionid=
"ปลอมตัวเลข"ส่งออก
มีการทำเป็นขบวนการ โดยอาศัยช่องโหว่กฎหมายขอคืนภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่นำเข้าเพื่อผลิตส่งออก แต่ในทางปฏิบัติไม่มีการนำเข้าจริงและผลิตสินค้าออกไปขายจริงทำตัวเลข ส่งออกปลอมขึ้นมาทั้งหมด
เท่าที่มีข้อมูลมีทั้งหมด 30 บริษัท ใช้บ้านร้างเป็นที่ตั้ง รายชื่อกรรมการซ้ำๆ กัน เปิดบริษัทได้ 5-6 เดือนก็จะปิดแล้วเปิดใหม่ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ประเมินความเสียหายจากงานนี้ราวๆ 2,600 ล้านบาท
ไม่เสียภาษีแล้วยังมาโกงภาษีของประชาชนเป็นพันๆ ล้าน
ถามว่าทำไมกรมสรรพากรจึงไม่รู้เรื่องปล่อยให้เกิดได้ยังไงเรื่องอย่างนี้ไม่ใช่ "คดีใหม่" แต่เคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่ประกาศใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ สมัย "คุณสุชาติ เชาว์วิศิษฐ" เป็นอธิบดีเคยเอารายชื่อมาให้ดูเห็นแล้วแทบไม่น่าเชื่อ บริษัทยักษ์ใหญ่ ในไทยส่วนใหญ่ทำกันทั้งนั้น
แต่ตอนหลังคงไม่ทำ ตอนนั้นอาจไม่เข้าใจเพราะภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเรื่องใหม่
ข่าววงในเล่าให้ฟังว่าคนที่ทำมีไม่กี่พวก พวกแรกบริษัท ส่งออกทำเสียเอง ปกติทำธุรกิจส่งออกอยู่แล้วแต่ตั้งบริษัทกระดาษขึ้นมาซ้อน บริษัทจริงส่งออกแค่ 100 ล้านบาท แต่ปริษัทปลอมส่งออกตัวเลขหมื่นล้านเพื่อขอคืนภาษีมากๆ อีกกลุ่มเป็นคนในที่ร่วมกับพวกสำนักงานบัญชี ชิปปิ้ง รวมกลุ่มกันตั้งบริษัทพร้อมๆ กัน 5-6 บริษัท เป็น บริษัท เอ-บี-ซี-ไปเรื่อย รายชื่อกรรมการจึงซ้ำๆ กัน
ความจริงคนสรรพากรเคยมีบทเรียนมาแล้ว หากตรวจสอบเอกสารจริงๆ คงไม่ยาก แต่ว่ากันว่างานนี้เร่งอนุมัติแบบรวดเร็วอย่างผิดสังเกต
ตอนนี้ดีเอสไอรับหน้าที่เขามาตรวจสอบเริ่มเจอตอเบ้อเริ่ม พรรคพวกที่ทำเรื่องนี้เล่าให้ฟังว่าเจ้าหน้าที่สรรพากรบางคนเริ่มออกลายขอเอกสารอะไรมักไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ เหมือนพยายามปกปิดอะไรบางอย่าง ขออะไรไปก็บอกว่าผู้ใหญ่สั่งไม่ให้เปิดเผย ทำงานค่อนข้างลำบาก
เรื่องนี้ความเสียหายจริงๆ ไม่ใช่แค่ 2,600 ล้านเท่านั้น แต่ที่เสียหายกว่าคือ "ตัวเลขส่งออกปลอม" สูงกว่าความจริง ทำให้การคาดการณ์เศรษฐกิจเพี้ยนไปหมด
เครดิต ทวี มีเงิน ข่าวสด http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01UQTFNVEV4Tmc9PQ==§ionid=