จะบอกภรรยายังไงว่า นมแม่ ยังมีประโยชน์สำหรับลูก

กระทู้คำถาม
ตอนนี้ภรรยาผมให้นมลูกได้เดือนที่ 9 แล้วครับ

แต่ช่วงหลัง ๆ มานี่ จะมีเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน ถามว่า ยังให้นมลูกอีกเหรอ
ยังไม่หยุดอีกเหรอ เลย 6 เดือน ก็ไม่มีสารอาหารแล้ว ให้ลูกกินทำไม

ไม่ใช่เฉพาะในที่ทำงาน แม้แต่ญาติ ๆ ด้วยกัน เป็นทวด เป็นยาย เป็นป้า ก็บ่นคล้าย ๆ กัน ว่า ให้กินทำไม

จนช่วงหลัง ๆ มานี่ ภรรยาผมก็เริ่มเบื่อคนรอบข้าง พูดได้ทุกวี่ทุกวัน บางทีก็มีรำคาญ
เธอเลยคิดว่า จะเลิกปั๊มนมให้ลูกแล้ว เพราะทนคนรอบข้างไม่ไหว และเธอก็ไม่แน่ใจว่า นมแม่ยังมีประโยชน์

คือตัวผมเอง เชื่อว่า นมแม่ยังไงก็ยังมีประโยชน์สำหรับลูก และอยากให้ลูกได้กินนมแม่ไปจนถึง 2 ขวบ
ผมก็ได้แต่ปลอบใจเธอ และให้นึกถึงลูก ว่าเราทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูก อย่าไปเชื่อคนอื่นมากนัก

ผมอยากถามคุณแม่หลาย ๆ ท่านในห้องนี้ว่า จริง ๆ แล้ว นมแม่หลัง 6 เดือน ยังมีประโยชน์อยู่หรือไม่
ถ้ายังมี จะบอกภรรยายังไงดี เพราะคนรอบข้างเขาตอนนี้ มีเพียงผมซึ่งเป็นสามี เพียงคนเดียว
ที่เชื่อว่า หลัง 6 เดือน นมแม่ยังมีประโยชน์ นอกนั้น พูดเ่ป่าหูทุกวัน หรือทุกครั้งที่เห็นภรรยาผมให้ลูกดูดนมจากเต้า
จนบางที ผมก็ชักรำคาญบรรดาญาติ ๆ ทั้งหลายไปด้วยอีกคน
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
นมแม่มีประโยชน์ตลอดแหละ แต่สารอาหารมันต่างกัน ถ้าคิดว่านมแม่ไม่มีประโยชน์ ทำไมถึงคิดแบบนั้น เพราะไปกินนมวัว วัวมันก็มีอายุเหมือนกันนะ นมวัวที่เรากิน ๆ กันอยู่ เราก็ไม่ได้จากแม่วัวท้องอ่อนนะ คนส่วนใหญ่ยังคิดว่ามันมีประโยชน์เลย แล้วนมแม่แท้ ๆ ทำไมจะไม่มี

เราว่าบางทีคนที่เป็นบุคลากรด้านนี้ก็ทำให้คนส่วนใหญ่สับสน  คือตั้งแตเด็ก 1 ขวบ ขึ้นไป การกินนมแม่อย่างเดียวไม่มีประโยชน์ (แต่มันไม่ได้หมายความว่า นมแม่ไม่มีประโยชน์นะ) ที่บอกว่าการกินนมแม่อย่างเดียวไม่มีประโยชน์ เพราะเด็กควรเริ่มหัดกินอาหารจากแหล่งอื่น ซึ่งต่อไปจะเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญเมื่อลูกโตขึ้น (ก็เหมือนเราที่ตอนนี้ทุกคนต้องกินอาหาร กินข้าวเป็นหลัก แต่กินนนมเสริมเฉย ๆ) พอทีนี้บางคนฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียด ไปเหมาะว่า นมแม่ 6 เดือนไม่มีประโยชน์ (แต่ดันให้ลูกกินนมวัวที่มีแต่สารเคมีผสม หรือสารอาหารสังเคราะห์ เฮ้อ)

ลองไปหาข้อมูลของ WHO ก็ได้ค่ะ จริง ๆ สมัยนี้ เค้าส่งเสริมให้กินถึง 2 ขวบด้วยซ้ำ เพราะเค้าทำวิจัยกันมาแล้วว่ามันดี และจุดที่ดีที่สุดคือ 2 ขวบปี นมแม่ไม่ใช่แค่แหล่งอาหาร แต่ยังเป็นเหมือนการเชื่อมสายสัมพันธ์กับลูก ทำให้ลุกโตมาเป็นคนที่มีภาวะอารมณ์มั่นคง ซึ่งของพวกนี้ดูแค่เด็กตอนยังเล็กไม่ได้หรอก โน่นคุณไปเห็นผลตอนโต ตอนที่เค้าเป็นผู้ใหญ่ (ซึ่งป่านนั้นบางคนอาจอยู่ไม่ถึงได้เห็นผลผลิตของตัวเอง)

เรานะ มีเพื่อนที่ทั้ง ๆ ที่ความรู้ก็สูง (จบปริญญาโท ปริญญาเอก) แต่ขอโทษความรู้ด้านโภชนาการต่ำเตื้ยมาก แถมมาไซโคให้คนอื่นคิดตาม ลูกของคุณ คุณต้องคิดเองว่าอันไหนดีที่สุด อย่าไปฟังคนอื่นที่ไม่ค่อยมีความรู้ เพราะถ้าคุณข้อมูลไม่ปึก คุณจะงงด้วย และหมอสูติบางคนในโรงพยาบาล ยังไม่รู้เลย (หรือบางคนรู้แต่แกล้งไม่รู้ เพราะได้ผลประโยชน์มาจากบริษัทนม กรุงเทพฯ ไม่รู้มีเปล่า แต่ตามต่างจังหวัด เยอะมากกกกกกกกกกกกกกก ญาติเราเป็นหมอได้ไปเที่ยวเมืองนอกฟรีทุกปีทั้งครอบครัว ก็บริษัทนมแหละจ่ายเงินให้ไป)

อยากรู้ข้อมูล คุณต้องไปถาม คุณหมอนักโภชนาการ (เอาโภชนาการจริง ๆ นะ ไม่ใช่พวกที่ทำงานอยู่โรงงาน) พวกนี้ก็อีกอะ ได้เงินเดือนเค้าจะบอกของเค้าไม่ดีมันก็ไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่