เคยตั้งกระทู้ในพันทิปไปรอบนึง
ณ วันนี้ แพแตก เรือแตกเรียบร้อยละ
ผมตอนนี้อายุ 25 ย่าง 26 แระ จบการศึกษา ม รัฐแห่งนึง เคยทำงานประสบความสำเร็จในสายงานขายมีรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน
สถานะ รายได้ ไม่มีเงินเข้ามา 3 เดือนแล้ว
รายจ่ายค่าผ่อนคอนโด 1.5 หมื่นบาท ค่าผ่อนรถ 2 หมื่นบาท ค่าน้ำไฟโทสับจิปาถะ 5 พันบาท / ต่อเดือน
หนี้บัตรเครดิตทั้งหมด 6 ใบ รวมวงเงินไม่รวมดอกเบี้ยนะ ณ วันนี้เกือบ 5 ล้านบาท
ไม่ได้จ่ายค่าบัตรเครดิตหลายใบ จ่ายช้าบ้าง หมุนบ้าง ติดแบลลิสบ้าง
ล่าสุด ตกงาน
เงินคงเหลือในบัญชีตอนนี้ 4 แสนกว่า
รับผิดชอบน้องสาว กับย่า เดือนละ 2 หมื่น
จนย้ายบริษัทไปมา ล่าสุดได้ร่วมงานกับบริษัท ชื่อดังข้ามชาติ มาจากฝั่งเกาหลี
คือผมได้ย้ายมารับตำแหน่งแต่งตั้งเป็นระดับผู้บริหารฝ่ายขาย ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายขายที่นี่
แต่มีปัญหาในการแต่บตั้งมาตลอด คือผมได้รับการติดต่อโดยตรงจาก ผอ ของส่วนงานนี้ซึ่งไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว
แต่ที่ตัดสินใจมาร่วมงานที่นี้เพราะบริษัทใหญ่และผลตอบแทนดีน่าสนใจ คือง่ายๆว่าเงินดีกว่าที่อื่นๆนั่นเองก็เคยรีบตอบตกลงมาร่วมงานกัน
แรกๆก่อนมารับตำแหน่งทุกอย่างดีหมด แต่มารู้ตอนหลังว่า ผอ ที่เรามาสังกัดอยู่ด้วยอยากให้เรารับตำแหน่งเป็นแค่ผู้จัดการสายงานเท่านั้นเค้ามองว่าเรายังเด็กไปสำหรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย แต่เราก็รู้ว่าผลประโยชนั่นแหละที่สำคัญเพราะหากเราเป็นแค่ ผจก สายงานเค้าจะได้รับเปอรเซนสูงถึง 26% แต่ถ้าเราเป็น ผู้ช่วยฯ เค้าจะได้รับแค่ 4 % ดูซิว่ามันต่างกันขนาดไหน แต่เราก็ไม่ยอมเพราะในเมื่อเรามีความสามารถจะเป็นได้ในตำแหน่งที่สูงกว่า เราก็เลยไปประสานงานตรงกับบริษัทสำนักงานใหญ่เรื่องตำแหน่งจนในที่สุดก็ได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย ที่เราตั้งใจไว้ในตอนแรก แต่มามีประปัญหาการทำงานกับผอคนนี้มากๆ จนในที่สุดเค้าก็กดดันเราทำเรื่องตัดสัญญาและยกเลิกการแต่งตั้งเราโดยอ้างว่าเราไม่ให้ความร่วมมือกับบริษัทฯ บลาๆ คือมาถึงจุดนี้แล้วเราก็ยังไม่ได้ทำไรจะเข้าไปคุยที่ สนงใหญ่ก็ไม่รู้จักใครพรรคพวกเค้าหมด ถ้าเค้าไม่เห็นความสามารถในตัวเราก็ไม่อยากจะไปอยู่กับคนใจแคบแบบนี้ อีกอย่างเรามีทีมงานที่ต้องดูแลอีกหลายชีวิตพอมาเจอเรื่องแบบนี้ทุกคนก็โดนหมด จะมาดึงคนเราบ้าง ไรบ้าง เราเริ่มถอดใจ ใครจะไปไหนทำอะไร ก็เชิญ เหมือนเรือมันแตกแล้ว พายุมันซัดเข้ามาแบบนี้เราไม่ไหวแล้ว ช่วยเหลือตัวเองนะทุนๆท่านๆ ภาระความรับผิดชอบที่เราแบกมันหนักเหลือเกินที่มาถึงตอนนี้อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ที่เราไม่ต้องรับผิดชอบอะไรต่อไปแล้ว ที่ผ่านมาเราต้องรับผิดชอบแบกรับภาระค่าใช้จ่ายของทีมงานเยอะมาก ทั้งให้ลูกน้องยืมเงินเอ่ย มีหลายคนก็หลายหมื่นละ ค่ากิน ค่าอยู่ ค่ารถ เรียกว่ามาอยู่กันกันกับเราที่บ้านเลย เราก็ถือว่ามาลำบากด้วยกัน มาช่วยกันทำงาน เพื่ออนาคตแต่ตอนนี้ทุกอย่างพังทลายหมดละ ถึงเวลาที่เราจะปลกปล่อยตัวเองซ่ะที ตอนนี้ก็เริ่มจะไปหางานใหม่ละ เพื่อนๆที่เคยต้องรับผิดชอบก็ปล่อย เราลงทุนไปกับคนเยอะมากแต่ไม่เคยได้รับอะไรกลับมาเลยนอกจากความว่างเปล่า เพื่อนมายืมเงินไปเป็นแสนๆก็ไม่กล้าไปทวง มาหลอกเงินเราไปก็เยอะทุกวันนี้ก็ยังคุยกันปกติ เหมือนชาติที่แล้วคงไปเอามาจากเค้าเยอะละมั้งมาชาตินี้เลยต้องชดใช้คืนเค้าคิดงี้จะได้สบายใจ เห้อได้ปลดปล่อยละ ขอบใจเพื่อนที่มาอ่านนะ
เรือแตก แพแตกแล้ว !! งามไส้ ชีวิตพังซ่ะที เห้อ !!
ณ วันนี้ แพแตก เรือแตกเรียบร้อยละ
ผมตอนนี้อายุ 25 ย่าง 26 แระ จบการศึกษา ม รัฐแห่งนึง เคยทำงานประสบความสำเร็จในสายงานขายมีรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน
สถานะ รายได้ ไม่มีเงินเข้ามา 3 เดือนแล้ว
รายจ่ายค่าผ่อนคอนโด 1.5 หมื่นบาท ค่าผ่อนรถ 2 หมื่นบาท ค่าน้ำไฟโทสับจิปาถะ 5 พันบาท / ต่อเดือน
หนี้บัตรเครดิตทั้งหมด 6 ใบ รวมวงเงินไม่รวมดอกเบี้ยนะ ณ วันนี้เกือบ 5 ล้านบาท
ไม่ได้จ่ายค่าบัตรเครดิตหลายใบ จ่ายช้าบ้าง หมุนบ้าง ติดแบลลิสบ้าง
ล่าสุด ตกงาน
เงินคงเหลือในบัญชีตอนนี้ 4 แสนกว่า
รับผิดชอบน้องสาว กับย่า เดือนละ 2 หมื่น
จนย้ายบริษัทไปมา ล่าสุดได้ร่วมงานกับบริษัท ชื่อดังข้ามชาติ มาจากฝั่งเกาหลี
คือผมได้ย้ายมารับตำแหน่งแต่งตั้งเป็นระดับผู้บริหารฝ่ายขาย ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายขายที่นี่
แต่มีปัญหาในการแต่บตั้งมาตลอด คือผมได้รับการติดต่อโดยตรงจาก ผอ ของส่วนงานนี้ซึ่งไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว
แต่ที่ตัดสินใจมาร่วมงานที่นี้เพราะบริษัทใหญ่และผลตอบแทนดีน่าสนใจ คือง่ายๆว่าเงินดีกว่าที่อื่นๆนั่นเองก็เคยรีบตอบตกลงมาร่วมงานกัน
แรกๆก่อนมารับตำแหน่งทุกอย่างดีหมด แต่มารู้ตอนหลังว่า ผอ ที่เรามาสังกัดอยู่ด้วยอยากให้เรารับตำแหน่งเป็นแค่ผู้จัดการสายงานเท่านั้นเค้ามองว่าเรายังเด็กไปสำหรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย แต่เราก็รู้ว่าผลประโยชนั่นแหละที่สำคัญเพราะหากเราเป็นแค่ ผจก สายงานเค้าจะได้รับเปอรเซนสูงถึง 26% แต่ถ้าเราเป็น ผู้ช่วยฯ เค้าจะได้รับแค่ 4 % ดูซิว่ามันต่างกันขนาดไหน แต่เราก็ไม่ยอมเพราะในเมื่อเรามีความสามารถจะเป็นได้ในตำแหน่งที่สูงกว่า เราก็เลยไปประสานงานตรงกับบริษัทสำนักงานใหญ่เรื่องตำแหน่งจนในที่สุดก็ได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย ที่เราตั้งใจไว้ในตอนแรก แต่มามีประปัญหาการทำงานกับผอคนนี้มากๆ จนในที่สุดเค้าก็กดดันเราทำเรื่องตัดสัญญาและยกเลิกการแต่งตั้งเราโดยอ้างว่าเราไม่ให้ความร่วมมือกับบริษัทฯ บลาๆ คือมาถึงจุดนี้แล้วเราก็ยังไม่ได้ทำไรจะเข้าไปคุยที่ สนงใหญ่ก็ไม่รู้จักใครพรรคพวกเค้าหมด ถ้าเค้าไม่เห็นความสามารถในตัวเราก็ไม่อยากจะไปอยู่กับคนใจแคบแบบนี้ อีกอย่างเรามีทีมงานที่ต้องดูแลอีกหลายชีวิตพอมาเจอเรื่องแบบนี้ทุกคนก็โดนหมด จะมาดึงคนเราบ้าง ไรบ้าง เราเริ่มถอดใจ ใครจะไปไหนทำอะไร ก็เชิญ เหมือนเรือมันแตกแล้ว พายุมันซัดเข้ามาแบบนี้เราไม่ไหวแล้ว ช่วยเหลือตัวเองนะทุนๆท่านๆ ภาระความรับผิดชอบที่เราแบกมันหนักเหลือเกินที่มาถึงตอนนี้อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ที่เราไม่ต้องรับผิดชอบอะไรต่อไปแล้ว ที่ผ่านมาเราต้องรับผิดชอบแบกรับภาระค่าใช้จ่ายของทีมงานเยอะมาก ทั้งให้ลูกน้องยืมเงินเอ่ย มีหลายคนก็หลายหมื่นละ ค่ากิน ค่าอยู่ ค่ารถ เรียกว่ามาอยู่กันกันกับเราที่บ้านเลย เราก็ถือว่ามาลำบากด้วยกัน มาช่วยกันทำงาน เพื่ออนาคตแต่ตอนนี้ทุกอย่างพังทลายหมดละ ถึงเวลาที่เราจะปลกปล่อยตัวเองซ่ะที ตอนนี้ก็เริ่มจะไปหางานใหม่ละ เพื่อนๆที่เคยต้องรับผิดชอบก็ปล่อย เราลงทุนไปกับคนเยอะมากแต่ไม่เคยได้รับอะไรกลับมาเลยนอกจากความว่างเปล่า เพื่อนมายืมเงินไปเป็นแสนๆก็ไม่กล้าไปทวง มาหลอกเงินเราไปก็เยอะทุกวันนี้ก็ยังคุยกันปกติ เหมือนชาติที่แล้วคงไปเอามาจากเค้าเยอะละมั้งมาชาตินี้เลยต้องชดใช้คืนเค้าคิดงี้จะได้สบายใจ เห้อได้ปลดปล่อยละ ขอบใจเพื่อนที่มาอ่านนะ