เห็นหลาย ๆ คนมีอาวุธแค่ ซื้อ-ขายหุ้นไทย เลยมี 2 ข้อเสนอแนะที่อยากให้ไว้ เป็นเหมือนอาวุธเพิ่มเติมสำหรับรายย่อยอย่างพวกเรา
1. เปิดบัญชี future แล้ว short SET50 โดยคำนวนจำนวนเงินให้เท่ากับหุ้นที่มี (ถ้าค่า beta ของ port ใกล้ 1 ยิ่งดี) เท่ากับปิดความเสี่ยงในการขาดทุนจากการร่วงของ SET รวมถึงปิดโอกาสในการทำกำไรช่วงนั้นไป เหมาะที่จะใช้เทคนิคนี้ในกรณีที่ตลาดหุ้นดูไม่น่าไว้วางใจ และเราไม่อยากขายหุ้นทิ้ง
2. ชาวต่างชาติย้ายเงินออกไปต่างประเทศ ทำไมเราถึงจะย้ายบ้างไม่ได้ แนะนำให้เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นแบบ offshore ซึ่งจะซื้อขายหุ้นได้ทุกตลาดหลัก ๆ ทั่วโลก ขอแนะนำตลาดหุ้นอเมริกาด้วยเหตุผลดังนี้
- เป็นการกระจายความเสี่ยง ตัวอย่างเช่นกรณีต้มยำกุ้ง หุ้นอเมริกาไม่เห็นตกแบบหุ้นไทย และใครที่มีหุ้นอยู่ในอเมริกาจังหวะที่ค่าเงินจาก 25 บาท พุ่งไป 50 บาท เท่ากับว่าคุณรวยขึ้น 1 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่มีแต่หุ้นไทย และเหตุการณ์บางอย่างก็กระทบแต่ ภูมิภาค หรือกระทบแต่ประเทศไทย เช่นการเมือง ฯลฯ ดังนั้นหากคุณแบ่งสัดส่วนการลงทุนไปทวีปอื่น ๆ ก็จะทำให้ได้รับผลกระทบน้อยลง
- ความผันผวนของตลาดหุ้นอเมริกาน้อยกว่า: เนื่องจากตลาดหุ้นไทยถือว่าเป็น emerging market เวลาแกว่งตัว จะแกว่งแรงกว่า รวยเร็วกว่า แต่จะขาดทุนย่อยยับก็เร็วกว่าเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ช่วง hamberger crisis อเมริกาเป็นศูนย์กลางแท้ ๆ แต่หุ้นอเมริกากลับตกน้อยกว่าหุ้นไทย
- ความเข้มแข็งของบริษัทจดทะเบียน: บริษัท world class ต่าง ๆ ในหุ้นอเมริกามีให้เลือกมากมาย ลองนึกชื่อบริษัทดัง ๆ ของโลก แล้วมาเทียบกับบริษัท domestic ของไทย คุณคิดว่าบริษัทไหนจะเข้มแข็งกว่ากัน ในกรณีที่มองยาว ๆ 50 ปี ซื้อหุ้น blue chip ถือยาว ๆ สบายใจครับ ราคาไม่ผันผวนมาก ขึ้นลงวันละ 0-1% แต่มั่นคงกว่าหุ้นไทยหลาย ๆตัว ขึ้น-ลงวันละ 5-10%
- Insider issue: ไม่นานมานี้ หลาย ๆ คนคงได้เห็นข่าวที่มีคนไทย โดนอเมริกายึดทรัพย์ เพราะทำ insider trading
ข้อเสียเดียวคือการเปิดบัญชี offshore จากในบล.ไทย ค่า commission รวมถึงค่าโอนเงินจะสูง ดังนั้นซื้อขายบ่อย ๆ ไม่ดี เหมาะกับพวกซื้อแล้วถือยาวตลอดชีวิตครับ
บางคนอาจจะบอกว่าเดี๋ยว AEC จะมา หุ้นไทยจะก้าวไกล อยากให้คิดอีกมุมว่า ถ้ามันจะก้าวไกลจริง ทำไมตอนนี้ต่างชาติหนีตายกันออกมาหละ
และตอนนี้อเมริกาก็กำลังจะได้ shale gas ผมว่าดูน่าสนใจกว่าอีก
ใครมีข้อคิดเห็นยังไง แลกเปลี่ยนกันได้ครับ
ปล. ไม่ได้จะบอกให้ย้ายเงินจากหุ้นไทยมาหุ้นต่างประเทศทั้งหมด แต่อยากแนะนำให้พิจารณาการแบ่งสัดส่วนการลงทุนออกมาต่างประเทศบ้างครับ
ต่างชาติขนเงินออก ทำไมเราไม่ขนเงินออกตามไปบ้าง
1. เปิดบัญชี future แล้ว short SET50 โดยคำนวนจำนวนเงินให้เท่ากับหุ้นที่มี (ถ้าค่า beta ของ port ใกล้ 1 ยิ่งดี) เท่ากับปิดความเสี่ยงในการขาดทุนจากการร่วงของ SET รวมถึงปิดโอกาสในการทำกำไรช่วงนั้นไป เหมาะที่จะใช้เทคนิคนี้ในกรณีที่ตลาดหุ้นดูไม่น่าไว้วางใจ และเราไม่อยากขายหุ้นทิ้ง
2. ชาวต่างชาติย้ายเงินออกไปต่างประเทศ ทำไมเราถึงจะย้ายบ้างไม่ได้ แนะนำให้เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นแบบ offshore ซึ่งจะซื้อขายหุ้นได้ทุกตลาดหลัก ๆ ทั่วโลก ขอแนะนำตลาดหุ้นอเมริกาด้วยเหตุผลดังนี้
- เป็นการกระจายความเสี่ยง ตัวอย่างเช่นกรณีต้มยำกุ้ง หุ้นอเมริกาไม่เห็นตกแบบหุ้นไทย และใครที่มีหุ้นอยู่ในอเมริกาจังหวะที่ค่าเงินจาก 25 บาท พุ่งไป 50 บาท เท่ากับว่าคุณรวยขึ้น 1 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่มีแต่หุ้นไทย และเหตุการณ์บางอย่างก็กระทบแต่ ภูมิภาค หรือกระทบแต่ประเทศไทย เช่นการเมือง ฯลฯ ดังนั้นหากคุณแบ่งสัดส่วนการลงทุนไปทวีปอื่น ๆ ก็จะทำให้ได้รับผลกระทบน้อยลง
- ความผันผวนของตลาดหุ้นอเมริกาน้อยกว่า: เนื่องจากตลาดหุ้นไทยถือว่าเป็น emerging market เวลาแกว่งตัว จะแกว่งแรงกว่า รวยเร็วกว่า แต่จะขาดทุนย่อยยับก็เร็วกว่าเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ช่วง hamberger crisis อเมริกาเป็นศูนย์กลางแท้ ๆ แต่หุ้นอเมริกากลับตกน้อยกว่าหุ้นไทย
- ความเข้มแข็งของบริษัทจดทะเบียน: บริษัท world class ต่าง ๆ ในหุ้นอเมริกามีให้เลือกมากมาย ลองนึกชื่อบริษัทดัง ๆ ของโลก แล้วมาเทียบกับบริษัท domestic ของไทย คุณคิดว่าบริษัทไหนจะเข้มแข็งกว่ากัน ในกรณีที่มองยาว ๆ 50 ปี ซื้อหุ้น blue chip ถือยาว ๆ สบายใจครับ ราคาไม่ผันผวนมาก ขึ้นลงวันละ 0-1% แต่มั่นคงกว่าหุ้นไทยหลาย ๆตัว ขึ้น-ลงวันละ 5-10%
- Insider issue: ไม่นานมานี้ หลาย ๆ คนคงได้เห็นข่าวที่มีคนไทย โดนอเมริกายึดทรัพย์ เพราะทำ insider trading
ข้อเสียเดียวคือการเปิดบัญชี offshore จากในบล.ไทย ค่า commission รวมถึงค่าโอนเงินจะสูง ดังนั้นซื้อขายบ่อย ๆ ไม่ดี เหมาะกับพวกซื้อแล้วถือยาวตลอดชีวิตครับ
บางคนอาจจะบอกว่าเดี๋ยว AEC จะมา หุ้นไทยจะก้าวไกล อยากให้คิดอีกมุมว่า ถ้ามันจะก้าวไกลจริง ทำไมตอนนี้ต่างชาติหนีตายกันออกมาหละ
และตอนนี้อเมริกาก็กำลังจะได้ shale gas ผมว่าดูน่าสนใจกว่าอีก
ใครมีข้อคิดเห็นยังไง แลกเปลี่ยนกันได้ครับ
ปล. ไม่ได้จะบอกให้ย้ายเงินจากหุ้นไทยมาหุ้นต่างประเทศทั้งหมด แต่อยากแนะนำให้พิจารณาการแบ่งสัดส่วนการลงทุนออกมาต่างประเทศบ้างครับ