ผมอยากทราบความคิดเห็นของชาวพุทธ ว่าผมสมควรจะเรียกว่าตัวเองเป็นพุทธมามกะได้หรือไม่ หรือควรจะถือตัวเองเป็นเป็นคนที่มีศาสนาไม่ชัดเจนครับ
หากนับเป็นชาวพุทธ ผมถือว่าเป็นชาวพุทธสายใด และจำเป็นต้องแก้ไขอย่างไรบ้างเพื่อไม่ให้เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
1. ผมคิดว่าความเชื่อในเรื่องนรก - สวรรค์ เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และไม่ควรไปเสียเวลาศึกษาเป็นจริงจัง นอกจากอ่านเอาความบันเทิง เพราะพอเทียบเคียงหลายๆ ศาสนาแล้ว (หรือแม่แต่ศาสนาพุทธคนละนิกาย) ก็รู้สึกว่า สวรรค์ - นรกที่ควรมีเป็นหนึ่งเดียวกลับมีข้อแตกต่างกันมากมาย ความเชื่อเรื่องนรก - สวรรค์ในเชิงของภพ - ภูมิจึงขาดความน่าเชื่อถือไปมากสำหรับผม
2. พระอภิธรรมดีมีประโยชน์ แต่ศึกษาได้ยากยิ่ง เพราะภาษาที่ใช้ในพระอภิธรรมอ่านยากมาก ทำความเข้าใจยาก พระสุตตันตปิฎกอ่านแล้วทำความเข้าใจง่ายกว่า
3. พระไตรปิฏกดีมาก แต่อาจจะไม่บริสุทธิ์ เพราะผ่านการสังคายนามาหลายครั้งโดยคนรุ่นหลังมาหลายครั้ง
4. คำสอนของพระพุทธองค์ตรัสดีแล้ว แต่อาจจะมีที่คล้ายขัดกันอยู่บ้างด้วยเรื่องของการปรับใช้ตามกาลเทศะ เหมือนดังคำสุภาษิตที่ว่า "ช้าๆ ได้พร้าสองเล่มงาม" กับ "น้ำขึ้นให้รีบตัก" ที่แม้จะฟังดูขัดกัน แต่ต่างก็ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
5. ขอเขื่อคำสอนของสาวกเฉพาะที่ไม่ขัดกับคำสอนของพระพุทธองค์ จะเป็นสาวกสมัยพุทธกาลหรือสมัยปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน
6. การบรรลุถึงนิพพานอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องใช้ความเพียรในการปฏิบัติ หากไม่มีความเพียรในการปฏิบัติจนเกิดเป็นความเคยชินเป็นปกติแล้ว แม้จะมีวาสนาได้บรรลุถึงนิพพาน สภาวะนั้นก็คงจะก็ไม่อาจตั้งได้นาน เป็นเพียงแค่สภาวะที่อยู่เพียงชั่วคราว หากหวังสำเร็จ คงจะต้องมีัทั้ง สติ+ปัญญา+ความเพียร
7. พระพุทธรูปเป็นของที่เกินความจำเป็น แต่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปลบหลู่ได้
ผมจำได้ว่าในพระไตรปิฏกมีบันทึกไว้ว่า หลังจากพระพุทธองค์ดับขันธ์แล้ว พระองค์ให้ใช้พระธรรมและพระธาตุเป็นเครื่องระลึกถึงพระองค์เท่านั้น ผมจึงคิดว่าการสร้างพระุพุทธรูปเป็นการกระทำที่เกินความจำเป็น แต่ไม่ได้หมายความว่าพระพุทธรูปเป็นของต่ำ อย่างน้อยเราก็ควรทำความเคารพบูชาในฐานะสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์ยามที่พบเห็น แต่เพื่อความสะดวกและเป็นการละเว้นสิ่งที่ไม่จำเป็น เราจึงไม่ควรสนับสนุนการสร้างเพิ่มขึ้นอย่างพร่ำเพรื่อหรือดิ้นรนขวนขวายมาครอบครอง
8. การสอนของหลายๆ นิกาย และอาจารย์หลายๆ ท่านต่างก็มีคุณค่าที่จะศึกษา ตราบเท่าที่ไม่ขัดกับคำสอนของพระพุทธองค์
การศึกษาพระธรรมของพระพุทธองค์ในพระไตรปิฏกไปแต่ละบท และการปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดนั้นดี น่าจะมีความครบถ้วน เป็นลำดับขั้นตอน แต่มีส่วนที่ลำบากสำหรับผมตรงที่ใช้ต้องเวลานานกว่าจะทำความเข้าใจได้แต่ละบท และมีความเสี่ยงว่าจะเน้นแต่การท่องอ่านโดยไม่คิดวิเคราะห์จนกลายเป็นพวกท่องจำโดยขาดการเข้าใจและการปฏิบัติ ผมจึงนิยมศึกษาจากหนังสือรุ่นหลังๆ ที่เขียนขึ้นเป็นภาษาปัจจุบันและสรุปถึงสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก่อน
การสอนตามแบบของนิกายเซนนั้นก็ดี เพราะกระุตุ้นให้ใช้ปัญญาทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้คำสอนที่เราอาจจะศึกษามาและท่องจำมาเป็นตัวหนังสือ เพียงแต่การสอนรูปแบบของนิกายเซนนั้น มักจะยกขึ้นมาโดดๆ ไม่มีคำอธิบายโดยละเอียด ไม่มีลำดับขั้นตอน ในการศึกษาจึงมีความจำเป็นต้องศึกษาพระไตรปิฏกฉบับเต็มไปด้วยเพื่อเป็นรากฐานทางความคิดและความสมบูรณ์ครบถ้วน
9. ผมให้ความสนใจศึกษาคำสอนและให้ความเคารพแก่ศาสนาและ่ลัทธิอื่นๆ ที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธด้วย หากมีความไม่ชอบใจหรือความคิดเห็นขัดแย้ง ก็จะพยายามสอบถามและปรึกษาถึงคำสอนของศาสนาอื่นๆ ไปตามเรื่องตามราว โดยที่หลีกเลี่ยงการวิพากษณ์วิจารณ์ถึงตัวองค์ศาสดาหรือศาสนิกเหล่านั้น
10. มีหลายครั้งที่ผมเองก็วิพากษ์วิจารณ์คำสอนในศาสนาพุทธ โดยเฉพาะเรื่องของนรก-สวรรค์และอภิญญา ว่าเป็นสิ่งที่เกินความจำเป็นและพิสูจน์ได้ยาก น่าจะเป็นเพียงกุศโลบายให้ตีความ หรือมีไว้เพื่อโน้มน้าวให้คนมานับถือศาสนาพุทธและสำนึกถึงเรื่องกรรมและบาปบุญคุณโทษเท่านั้น
จากทั้งหมดที่ผมบรรยายมา ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดที่ผมควรแก้ไขปรับปรุงหรือไม่ครับ
ขอคำวิจารณ์จากเพื่อนชาวพุทธถึงแนวคิดของผม เพื่อตรวจสอบตนเองครับ
หากนับเป็นชาวพุทธ ผมถือว่าเป็นชาวพุทธสายใด และจำเป็นต้องแก้ไขอย่างไรบ้างเพื่อไม่ให้เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
1. ผมคิดว่าความเชื่อในเรื่องนรก - สวรรค์ เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และไม่ควรไปเสียเวลาศึกษาเป็นจริงจัง นอกจากอ่านเอาความบันเทิง เพราะพอเทียบเคียงหลายๆ ศาสนาแล้ว (หรือแม่แต่ศาสนาพุทธคนละนิกาย) ก็รู้สึกว่า สวรรค์ - นรกที่ควรมีเป็นหนึ่งเดียวกลับมีข้อแตกต่างกันมากมาย ความเชื่อเรื่องนรก - สวรรค์ในเชิงของภพ - ภูมิจึงขาดความน่าเชื่อถือไปมากสำหรับผม
2. พระอภิธรรมดีมีประโยชน์ แต่ศึกษาได้ยากยิ่ง เพราะภาษาที่ใช้ในพระอภิธรรมอ่านยากมาก ทำความเข้าใจยาก พระสุตตันตปิฎกอ่านแล้วทำความเข้าใจง่ายกว่า
3. พระไตรปิฏกดีมาก แต่อาจจะไม่บริสุทธิ์ เพราะผ่านการสังคายนามาหลายครั้งโดยคนรุ่นหลังมาหลายครั้ง
4. คำสอนของพระพุทธองค์ตรัสดีแล้ว แต่อาจจะมีที่คล้ายขัดกันอยู่บ้างด้วยเรื่องของการปรับใช้ตามกาลเทศะ เหมือนดังคำสุภาษิตที่ว่า "ช้าๆ ได้พร้าสองเล่มงาม" กับ "น้ำขึ้นให้รีบตัก" ที่แม้จะฟังดูขัดกัน แต่ต่างก็ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
5. ขอเขื่อคำสอนของสาวกเฉพาะที่ไม่ขัดกับคำสอนของพระพุทธองค์ จะเป็นสาวกสมัยพุทธกาลหรือสมัยปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน
6. การบรรลุถึงนิพพานอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องใช้ความเพียรในการปฏิบัติ หากไม่มีความเพียรในการปฏิบัติจนเกิดเป็นความเคยชินเป็นปกติแล้ว แม้จะมีวาสนาได้บรรลุถึงนิพพาน สภาวะนั้นก็คงจะก็ไม่อาจตั้งได้นาน เป็นเพียงแค่สภาวะที่อยู่เพียงชั่วคราว หากหวังสำเร็จ คงจะต้องมีัทั้ง สติ+ปัญญา+ความเพียร
7. พระพุทธรูปเป็นของที่เกินความจำเป็น แต่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปลบหลู่ได้
ผมจำได้ว่าในพระไตรปิฏกมีบันทึกไว้ว่า หลังจากพระพุทธองค์ดับขันธ์แล้ว พระองค์ให้ใช้พระธรรมและพระธาตุเป็นเครื่องระลึกถึงพระองค์เท่านั้น ผมจึงคิดว่าการสร้างพระุพุทธรูปเป็นการกระทำที่เกินความจำเป็น แต่ไม่ได้หมายความว่าพระพุทธรูปเป็นของต่ำ อย่างน้อยเราก็ควรทำความเคารพบูชาในฐานะสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์ยามที่พบเห็น แต่เพื่อความสะดวกและเป็นการละเว้นสิ่งที่ไม่จำเป็น เราจึงไม่ควรสนับสนุนการสร้างเพิ่มขึ้นอย่างพร่ำเพรื่อหรือดิ้นรนขวนขวายมาครอบครอง
8. การสอนของหลายๆ นิกาย และอาจารย์หลายๆ ท่านต่างก็มีคุณค่าที่จะศึกษา ตราบเท่าที่ไม่ขัดกับคำสอนของพระพุทธองค์
การศึกษาพระธรรมของพระพุทธองค์ในพระไตรปิฏกไปแต่ละบท และการปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดนั้นดี น่าจะมีความครบถ้วน เป็นลำดับขั้นตอน แต่มีส่วนที่ลำบากสำหรับผมตรงที่ใช้ต้องเวลานานกว่าจะทำความเข้าใจได้แต่ละบท และมีความเสี่ยงว่าจะเน้นแต่การท่องอ่านโดยไม่คิดวิเคราะห์จนกลายเป็นพวกท่องจำโดยขาดการเข้าใจและการปฏิบัติ ผมจึงนิยมศึกษาจากหนังสือรุ่นหลังๆ ที่เขียนขึ้นเป็นภาษาปัจจุบันและสรุปถึงสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก่อน
การสอนตามแบบของนิกายเซนนั้นก็ดี เพราะกระุตุ้นให้ใช้ปัญญาทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้คำสอนที่เราอาจจะศึกษามาและท่องจำมาเป็นตัวหนังสือ เพียงแต่การสอนรูปแบบของนิกายเซนนั้น มักจะยกขึ้นมาโดดๆ ไม่มีคำอธิบายโดยละเอียด ไม่มีลำดับขั้นตอน ในการศึกษาจึงมีความจำเป็นต้องศึกษาพระไตรปิฏกฉบับเต็มไปด้วยเพื่อเป็นรากฐานทางความคิดและความสมบูรณ์ครบถ้วน
9. ผมให้ความสนใจศึกษาคำสอนและให้ความเคารพแก่ศาสนาและ่ลัทธิอื่นๆ ที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธด้วย หากมีความไม่ชอบใจหรือความคิดเห็นขัดแย้ง ก็จะพยายามสอบถามและปรึกษาถึงคำสอนของศาสนาอื่นๆ ไปตามเรื่องตามราว โดยที่หลีกเลี่ยงการวิพากษณ์วิจารณ์ถึงตัวองค์ศาสดาหรือศาสนิกเหล่านั้น
10. มีหลายครั้งที่ผมเองก็วิพากษ์วิจารณ์คำสอนในศาสนาพุทธ โดยเฉพาะเรื่องของนรก-สวรรค์และอภิญญา ว่าเป็นสิ่งที่เกินความจำเป็นและพิสูจน์ได้ยาก น่าจะเป็นเพียงกุศโลบายให้ตีความ หรือมีไว้เพื่อโน้มน้าวให้คนมานับถือศาสนาพุทธและสำนึกถึงเรื่องกรรมและบาปบุญคุณโทษเท่านั้น
จากทั้งหมดที่ผมบรรยายมา ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดที่ผมควรแก้ไขปรับปรุงหรือไม่ครับ