สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ฉันโดนแบบเดียวกันกับคุณเลยเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว และได้เงินคืนเรียบร้อยค่ะ
ถ้าให้เดาคุณน่าจะโดนประกันที่ชื่อ Pro Life 90/5 เหมือนกัน
เพราะต้องจ่าย 6 แสนเหมือนกัน เป็นกระกันที่ได้เงินคืนปีละ 1% ของทุนประกัน (ที่เขาบอกคุณว่าเงินปันผล) และจะได้เงินคืนทั้งหมดเมื่อ "ตาย" หรืออายุ 90 ปี
วิธีการหลอกล่อของทางธนาคารที่ฉันเจอเหมือนคุณเป๊ะ จ่ายเท่ากันคือ 6 แสนได้วิสดอม ถ้าจ่าย 2 แสนได้ Premire
ฉันก็หลงเชื่อใจเพราะ "ผู้จัดการ" มาขอคุยเอง และประเด็นคือตอนนั้นฉันต้องการกู้ซื้อบ้าน กรณีคล้ายๆ ของคุณเลยค่ะ
ตอนสมัครฉันก็ถามเหมือนคุณ ได้เงินคืนจริงไหม เขาก็บอกได้คืนจริง ได้คืนเต็ม แต่ไม่ได้บอกว่าได้คืนเต็มเมื่อฉันตายหรืออายุ 90 เท่านั้น
และไม่ได้พูดถึงเลยว่านี่คือประกัน แต่พูดออกแนวว่ามันคือเงินฝากที่แถมประกัน มีดอกเบี้ยให้เหมือนฝากประกัน
แถมได้บัตรเบ่งวิสด้อม ได้แถมมือถือ (รู้สึกตอนนั้นจะ4S) และที่ล่อตาล่อใจสุดๆ คือมีโอกาสอนุมัติเงินกู้บ้านได้สูง
และที่แสบกว่านั้นคือไม่ให้ "เอกสาร" ที่สำคัญใดๆ หรือบ่งบอกได้เลยว่าฉันกำลังทำประกัน
ในกรณีของฉัน ฉันลองยื่นกู้กับ 3 ธนาคาร มีธนาคารนี้ที่เดียวที่ทำกับฉันแบบนี้ ผลสรุปคือพอผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ธนาคารอื่นอนุมัติวงเงินกู้บ้านเต็ม 100%
แต่ผู้จัดการธนาคารนี้ก็ยังแถกับฉันเหมือนเดิมว่ากำลังรอผลการอนุมัติ
ในตอนนั้นที่ฉันเริ่มเอะใจ และอยากได้เงิน 6 แสนคืนเพราะกู้บ้านผ่านแล้ว เรื่องอื่นๆ มือถือ บัตรเบ่งอะไรฉันไม่สนแล้ว เลยติดต่อผู้จัดการว่าฉันจะขอเงินคืน เนื่องจากทางธนาคารไม่มีทีท่าว่าจะอนุมัติเงินกู้บ้านของฉันเลย
ตอนนี้ที่ลายผู้จัดการเริ่มออก
สรุป ผู้จัดการบอกมาว่าคืนได้ แต่คืนได้นิดเดียว พอๆ กับที่คุณได้รับแจ้งก็คือประมาณไม่กี่หมื่นบาท
ฉันจ่ายไป 6 แสนผ่านไป 2 สัปดาห์เหลือไม่กี่หมื่น บ้าไปแล้วววววว
ตอนนั้นเครียดมาก เงิน 6 แสนสำหรับฉันไม่ใช่เงินน้อยๆ เลย ก็เลยมาหาความรู้ใน Pantip นี้และรู้ว่าเราสามารถส่งคืนกรมธรรม์ได้ภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับกรมธรรม์จากบริษัทประกัน
แต่จะมีหักค่าใช้จ่ายของบริษัท 500 บาท
ตอนนั้นฉันยังไม่เคยได้รับกรมธรรม์ (ไม่แน่ใจว่าผู้จัดการเก็บไว้หรืออย่างไร) ก็เลยโทรไปพูดจาดีๆ กับผู้จัดการว่าฉันไปศึกษามาแล้ว ขอคืนได้ และขอร้องให้เขาทำเรื่องยกเลิกให้
แต่ผู้จัดการก็ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดโน้มน้าว และสุดท้ายพอโน้มน้าวไม่สำเร็จ ก็เลยขู่ว่าคืนไม่ได้ คืนไปก็ได้เงินคืนไม่กี่หมื่นบาท จะเอาเหรอ สู้ก้มหน้าก้มตารอเอาเบี้ยคืนเต็มจำนวนดีกว่า (ย้ำอีกที เบี้ยได้คืนตอน "ตาย" หรือ 90 เท่านั้น)
ฉันก็เลยปรี๊ดแตก หมดความเกรงใจ และบอกให้ผู้จัดการทำเรื่องยกเลิกให้ฉันให้ได้ ไม่งั้นฉันจะฟ้อง คปภ. เอาให้ตายกันไปข้าง ถ้าฉันต้องเสียเงิน 6 แสนแต่แลกกับตำแหน่งผู้จัดการมันก็น่าลองอยู่ เพราะการกระทำของผู้จัดการมันเข้าข่ายหลอกลวงชัดๆ อธิบายไม่ละเอียดแถมไม่ให้เอกสารครบถ้วน
แล้วสุดท้ายก็ได้เงินคืน แต่หักค่าโง่ของฉันไป 500 บาท รอเป็นเดือนค่ะ ตอนจ่าย ฉันจ่ายออกแป๊ปเดียว ตอนคืนรอนานเป็นเดือนๆ
กรณีของคุณไม่แน่ใจว่าได้รับกรมธรรม์เมื่อไหร่ ปล่อยมานานขนาดไหนแล้ว แต่ถ้าคุณสู้ คุณก็น่าจะได้เงินคืนเหมือนกันค่ะ เพราะคุณกำลังถูกหลอกเหมือนฉัน
อย่าไปเกรงใจค่ะคนพวกนี้ คนที่จ้องจะทำร้ายเราแบบนี้ เงินของคุณมากกว่าครึ่งล้าน คุณอย่ายอมให้เขาเอาไปนอนกอดง่ายๆ แต่กลับกันคุณต้องนอนร้องไห้รอได้เงินคืนตอนอายุ 90 หรือตาย
ถ้าเป็นประกันที่เกิดจากความเต็มใจฉันจะไม่ว่าเลย แต่นี่ไม่ได้เต็มใจ แถมถูกหลอก ฉันเข้าใจจิตใจคุณเลยค่ะ สู้ๆ นะคะ
ถ้าเกิดกรณีต้องฟ้อง คุณฟ้องไปเลยค่ะ คุณสุรชัยและคุณรัฐพงศ์อะไรนั่นก็ฟ้องไปด้วย จะไม่เกี่ยวได้ยังไงในเมื่อเค้าเป็นคนรวมหัวมาหลอกคุณ เขาจะกล้าเอาตำแหน่งการงานที่มีมาแลกกับเงิน 6 แสนก็ให้เขาลองดูค่ะ
หลังจากเกิดเรื่องนี้ฉันเลยเข็ดธนาคารนี้ไปอีกนานนนนน แสนนานนนน
แต่ก็ถือว่าเป็นบทเรียนค่ะ เมื่อก่อนขี้เกรงใจมาก ใครขายประกันก็ฟัง ตั้งใจฟัง ตอนนี้ถ้าพนักงานธนาคารเดินเข้ามาหา หรือมีโทรศัพท์มาจากบริษัทประกัน ฉันจะออกตัวแรงก่อนเลยว่า ถ้ามาขายประกันไม่รับนะคะ ฉันไม่ว่างฟัง
และสุดท้ายหลังจากที่พิมพ์มายืดยาว เมื่อไหร่พวกนี้จะหายไปจากแผ่นดินไทยซะทีคะ มีกี่คนแล้วที่โดนหลอก แล้วมีกี่คนที่จะโชคดีได้เงินคืน
เป็นธนาคารใหญ่แต่กลับทำพฤติกรรมแบบนี้ มันสมควรแล้วหรือคะ เฮ่อ
ถ้าให้เดาคุณน่าจะโดนประกันที่ชื่อ Pro Life 90/5 เหมือนกัน
เพราะต้องจ่าย 6 แสนเหมือนกัน เป็นกระกันที่ได้เงินคืนปีละ 1% ของทุนประกัน (ที่เขาบอกคุณว่าเงินปันผล) และจะได้เงินคืนทั้งหมดเมื่อ "ตาย" หรืออายุ 90 ปี
วิธีการหลอกล่อของทางธนาคารที่ฉันเจอเหมือนคุณเป๊ะ จ่ายเท่ากันคือ 6 แสนได้วิสดอม ถ้าจ่าย 2 แสนได้ Premire
ฉันก็หลงเชื่อใจเพราะ "ผู้จัดการ" มาขอคุยเอง และประเด็นคือตอนนั้นฉันต้องการกู้ซื้อบ้าน กรณีคล้ายๆ ของคุณเลยค่ะ
ตอนสมัครฉันก็ถามเหมือนคุณ ได้เงินคืนจริงไหม เขาก็บอกได้คืนจริง ได้คืนเต็ม แต่ไม่ได้บอกว่าได้คืนเต็มเมื่อฉันตายหรืออายุ 90 เท่านั้น
และไม่ได้พูดถึงเลยว่านี่คือประกัน แต่พูดออกแนวว่ามันคือเงินฝากที่แถมประกัน มีดอกเบี้ยให้เหมือนฝากประกัน
แถมได้บัตรเบ่งวิสด้อม ได้แถมมือถือ (รู้สึกตอนนั้นจะ4S) และที่ล่อตาล่อใจสุดๆ คือมีโอกาสอนุมัติเงินกู้บ้านได้สูง
และที่แสบกว่านั้นคือไม่ให้ "เอกสาร" ที่สำคัญใดๆ หรือบ่งบอกได้เลยว่าฉันกำลังทำประกัน
ในกรณีของฉัน ฉันลองยื่นกู้กับ 3 ธนาคาร มีธนาคารนี้ที่เดียวที่ทำกับฉันแบบนี้ ผลสรุปคือพอผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ธนาคารอื่นอนุมัติวงเงินกู้บ้านเต็ม 100%
แต่ผู้จัดการธนาคารนี้ก็ยังแถกับฉันเหมือนเดิมว่ากำลังรอผลการอนุมัติ
ในตอนนั้นที่ฉันเริ่มเอะใจ และอยากได้เงิน 6 แสนคืนเพราะกู้บ้านผ่านแล้ว เรื่องอื่นๆ มือถือ บัตรเบ่งอะไรฉันไม่สนแล้ว เลยติดต่อผู้จัดการว่าฉันจะขอเงินคืน เนื่องจากทางธนาคารไม่มีทีท่าว่าจะอนุมัติเงินกู้บ้านของฉันเลย
ตอนนี้ที่ลายผู้จัดการเริ่มออก
สรุป ผู้จัดการบอกมาว่าคืนได้ แต่คืนได้นิดเดียว พอๆ กับที่คุณได้รับแจ้งก็คือประมาณไม่กี่หมื่นบาท
ฉันจ่ายไป 6 แสนผ่านไป 2 สัปดาห์เหลือไม่กี่หมื่น บ้าไปแล้วววววว
ตอนนั้นเครียดมาก เงิน 6 แสนสำหรับฉันไม่ใช่เงินน้อยๆ เลย ก็เลยมาหาความรู้ใน Pantip นี้และรู้ว่าเราสามารถส่งคืนกรมธรรม์ได้ภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับกรมธรรม์จากบริษัทประกัน
แต่จะมีหักค่าใช้จ่ายของบริษัท 500 บาท
ตอนนั้นฉันยังไม่เคยได้รับกรมธรรม์ (ไม่แน่ใจว่าผู้จัดการเก็บไว้หรืออย่างไร) ก็เลยโทรไปพูดจาดีๆ กับผู้จัดการว่าฉันไปศึกษามาแล้ว ขอคืนได้ และขอร้องให้เขาทำเรื่องยกเลิกให้
แต่ผู้จัดการก็ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดโน้มน้าว และสุดท้ายพอโน้มน้าวไม่สำเร็จ ก็เลยขู่ว่าคืนไม่ได้ คืนไปก็ได้เงินคืนไม่กี่หมื่นบาท จะเอาเหรอ สู้ก้มหน้าก้มตารอเอาเบี้ยคืนเต็มจำนวนดีกว่า (ย้ำอีกที เบี้ยได้คืนตอน "ตาย" หรือ 90 เท่านั้น)
ฉันก็เลยปรี๊ดแตก หมดความเกรงใจ และบอกให้ผู้จัดการทำเรื่องยกเลิกให้ฉันให้ได้ ไม่งั้นฉันจะฟ้อง คปภ. เอาให้ตายกันไปข้าง ถ้าฉันต้องเสียเงิน 6 แสนแต่แลกกับตำแหน่งผู้จัดการมันก็น่าลองอยู่ เพราะการกระทำของผู้จัดการมันเข้าข่ายหลอกลวงชัดๆ อธิบายไม่ละเอียดแถมไม่ให้เอกสารครบถ้วน
แล้วสุดท้ายก็ได้เงินคืน แต่หักค่าโง่ของฉันไป 500 บาท รอเป็นเดือนค่ะ ตอนจ่าย ฉันจ่ายออกแป๊ปเดียว ตอนคืนรอนานเป็นเดือนๆ
กรณีของคุณไม่แน่ใจว่าได้รับกรมธรรม์เมื่อไหร่ ปล่อยมานานขนาดไหนแล้ว แต่ถ้าคุณสู้ คุณก็น่าจะได้เงินคืนเหมือนกันค่ะ เพราะคุณกำลังถูกหลอกเหมือนฉัน
อย่าไปเกรงใจค่ะคนพวกนี้ คนที่จ้องจะทำร้ายเราแบบนี้ เงินของคุณมากกว่าครึ่งล้าน คุณอย่ายอมให้เขาเอาไปนอนกอดง่ายๆ แต่กลับกันคุณต้องนอนร้องไห้รอได้เงินคืนตอนอายุ 90 หรือตาย
ถ้าเป็นประกันที่เกิดจากความเต็มใจฉันจะไม่ว่าเลย แต่นี่ไม่ได้เต็มใจ แถมถูกหลอก ฉันเข้าใจจิตใจคุณเลยค่ะ สู้ๆ นะคะ
ถ้าเกิดกรณีต้องฟ้อง คุณฟ้องไปเลยค่ะ คุณสุรชัยและคุณรัฐพงศ์อะไรนั่นก็ฟ้องไปด้วย จะไม่เกี่ยวได้ยังไงในเมื่อเค้าเป็นคนรวมหัวมาหลอกคุณ เขาจะกล้าเอาตำแหน่งการงานที่มีมาแลกกับเงิน 6 แสนก็ให้เขาลองดูค่ะ
หลังจากเกิดเรื่องนี้ฉันเลยเข็ดธนาคารนี้ไปอีกนานนนนน แสนนานนนน
แต่ก็ถือว่าเป็นบทเรียนค่ะ เมื่อก่อนขี้เกรงใจมาก ใครขายประกันก็ฟัง ตั้งใจฟัง ตอนนี้ถ้าพนักงานธนาคารเดินเข้ามาหา หรือมีโทรศัพท์มาจากบริษัทประกัน ฉันจะออกตัวแรงก่อนเลยว่า ถ้ามาขายประกันไม่รับนะคะ ฉันไม่ว่างฟัง
และสุดท้ายหลังจากที่พิมพ์มายืดยาว เมื่อไหร่พวกนี้จะหายไปจากแผ่นดินไทยซะทีคะ มีกี่คนแล้วที่โดนหลอก แล้วมีกี่คนที่จะโชคดีได้เงินคืน
เป็นธนาคารใหญ่แต่กลับทำพฤติกรรมแบบนี้ มันสมควรแล้วหรือคะ เฮ่อ
ความคิดเห็นที่ 96
อัพเดทข้อมูลล่าสุดให้สมาชิกทุกท่านทราบครับ
ทางผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ติดต่อผมกลับมาแล้วนะครับ และแจ้งว่า
ได้เข้ามาตรวจสอบและประสานไปยังสาขาโลตัสบางกะปิให้เป็นกรณีพิเศษ (ผมขอขอบคุณ) ซึ่งก็ได้รับข้อมูลเดียวกันกับผม (ผมรู้มานานแล้วครับ) ว่าทางสาขาให้ข้อมูลกับทางผู้ใหญ่ว่า เค้าได้ทำทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ทางผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ จึงคิดว่าทางออกที่น่าจะทำได้ดีที่สุด คือ อยากจะขอนัดผมเข้าไปเจรจาที่ คปภ. พร้อมกันทุกส่วน
ผมขอฝากประเด็นสงสัยและคำถามตรงนี้ให้กับเจ้าหน้าที่กสิกร (ถ้าได้อ่านแล้วช่วยทำความเข้าใจและตอบตัวเองให้กระจ่างด้วยนะครับ)
- คุณสุรชัย และคุณรัฐพงศ์ ผู้จัดการและรองผู้จัดการ จะกล้าบอกไหม ? ว่าตัวเองได้ใช้กลอุบายในการขายประกันให้ทางผู้ใหญ่ทราบ ?
- คุณสุรชัย และคุณรัฐพงศ์ พวกคุณรู้อยู่แก่ใจว่าคุณทำอะไร วันที่คุณมาขายคุณไม่ยื่นแม้กระทั่งบัตรตัวแทนประกันชีวิต วันนั้นผมไม่รู้กฏขายประกัน แต่วันนี้ผมรู้แล้ว
- พวกคุณอาศัยความชำนาญในการใช้คำพูด ปิดบังข้อเท็จจริง พวกคุณรู้อยู่แก่ใจ
- ถ้าถึงขั้นต้องดำเนินคดี ทั้งร้านผมมีกล้องวงจรปิดหลายตัวอยู่ พวกคุณไปคิดดูให้ดี
ความเห็นนี้อาจจะแรง เพราะผมรู้สึกว่าฝางเส้นสุดท้ายมันขาดไปล่ะ ความเมตตาที่ผมมีต่อเพื่อนมนุษย์ที่ไม่อยากจะเอาเรื่อง 2 คนนั้นได้หมดลง และทำให้ผมรู้ว่าการมองโลกในแง่ดีใช้ไม่ได้กับคนบางชนิด
เพื่อนสมาชิก พอจะมีคนแนะนำไหมครับว่าควรจะติดต่อใครใน คปภ. เป็นพิเศษ
เพื่อนสมาชิกท่านใด อยากจะไปด้วยเชิญหลังไมค์ ได้นะครับ ^^
ขอบคุณกระทู้นี้ที่ให้พื้นที่ ในการร้องเรียนสิทธิ์ และความเป็นธรรมให้กับผม
ทางผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ติดต่อผมกลับมาแล้วนะครับ และแจ้งว่า
ได้เข้ามาตรวจสอบและประสานไปยังสาขาโลตัสบางกะปิให้เป็นกรณีพิเศษ (ผมขอขอบคุณ) ซึ่งก็ได้รับข้อมูลเดียวกันกับผม (ผมรู้มานานแล้วครับ) ว่าทางสาขาให้ข้อมูลกับทางผู้ใหญ่ว่า เค้าได้ทำทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ทางผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ จึงคิดว่าทางออกที่น่าจะทำได้ดีที่สุด คือ อยากจะขอนัดผมเข้าไปเจรจาที่ คปภ. พร้อมกันทุกส่วน
ผมขอฝากประเด็นสงสัยและคำถามตรงนี้ให้กับเจ้าหน้าที่กสิกร (ถ้าได้อ่านแล้วช่วยทำความเข้าใจและตอบตัวเองให้กระจ่างด้วยนะครับ)
- คุณสุรชัย และคุณรัฐพงศ์ ผู้จัดการและรองผู้จัดการ จะกล้าบอกไหม ? ว่าตัวเองได้ใช้กลอุบายในการขายประกันให้ทางผู้ใหญ่ทราบ ?
- คุณสุรชัย และคุณรัฐพงศ์ พวกคุณรู้อยู่แก่ใจว่าคุณทำอะไร วันที่คุณมาขายคุณไม่ยื่นแม้กระทั่งบัตรตัวแทนประกันชีวิต วันนั้นผมไม่รู้กฏขายประกัน แต่วันนี้ผมรู้แล้ว
- พวกคุณอาศัยความชำนาญในการใช้คำพูด ปิดบังข้อเท็จจริง พวกคุณรู้อยู่แก่ใจ
- ถ้าถึงขั้นต้องดำเนินคดี ทั้งร้านผมมีกล้องวงจรปิดหลายตัวอยู่ พวกคุณไปคิดดูให้ดี
ความเห็นนี้อาจจะแรง เพราะผมรู้สึกว่าฝางเส้นสุดท้ายมันขาดไปล่ะ ความเมตตาที่ผมมีต่อเพื่อนมนุษย์ที่ไม่อยากจะเอาเรื่อง 2 คนนั้นได้หมดลง และทำให้ผมรู้ว่าการมองโลกในแง่ดีใช้ไม่ได้กับคนบางชนิด
เพื่อนสมาชิก พอจะมีคนแนะนำไหมครับว่าควรจะติดต่อใครใน คปภ. เป็นพิเศษ
เพื่อนสมาชิกท่านใด อยากจะไปด้วยเชิญหลังไมค์ ได้นะครับ ^^
ขอบคุณกระทู้นี้ที่ให้พื้นที่ ในการร้องเรียนสิทธิ์ และความเป็นธรรมให้กับผม
ความคิดเห็นที่ 53
จขกท ซื่อบื่อ และหน้าบางไปครับ
ของแบบนี้ต้องลุย ต้องกดดัน ต้องประจาน ให้มากที่สุดและกว้างที่สุด
เฟซบุ้ค เวบต่างๆ ทุกห้องพันทิป บุกเข้าไปในด่าcall center ทุกวัน เล่นสงครามประสาท
มัวแต่รอขอความเมตตา ชาติหน้ามั้งครับ
ส่วน K8888 ทำอะไรไม่ได้มากครับ อย่าไปหวัง
"แค่ถ่วงเวลา รอให้สัปดาห์หน้า ให้กระทู้คุณตกไปเท่านั้น"
เนื่องจากธนาคารนี้ห่วยกากมากที่สุด
เค้าจึงต้องจ้างพนักงาน มาเฝ้าเวปเพื่อรับการด่าเบื่องต้นไงครับ
คราวนี้คงเข้าใจดีนะครับ
ของแบบนี้ต้องลุย ต้องกดดัน ต้องประจาน ให้มากที่สุดและกว้างที่สุด
เฟซบุ้ค เวบต่างๆ ทุกห้องพันทิป บุกเข้าไปในด่าcall center ทุกวัน เล่นสงครามประสาท
มัวแต่รอขอความเมตตา ชาติหน้ามั้งครับ
ส่วน K8888 ทำอะไรไม่ได้มากครับ อย่าไปหวัง
"แค่ถ่วงเวลา รอให้สัปดาห์หน้า ให้กระทู้คุณตกไปเท่านั้น"
เนื่องจากธนาคารนี้ห่วยกากมากที่สุด
เค้าจึงต้องจ้างพนักงาน มาเฝ้าเวปเพื่อรับการด่าเบื่องต้นไงครับ
คราวนี้คงเข้าใจดีนะครับ
ความคิดเห็นที่ 94
เรียนจขกท.และสมาชิกทุกท่าน
วันนี้น่าจะเป็นวันที่ 2 ที่จะทราบข้อยุติจากผู้ใหญ่ธนาคารนี้ อยากจะฝากแจ้งธนาคารและทุกท่านในเวปช่วยพิจารณา ดังนี้.-
1. ปัญหาเหล่านี้เกิดเป็นระยะๆเรื่อยมานานหลายปี ไม่ว่าการเปิดบัญชีบัญชีต้องทำบัตรพ่วงประกัน(ถ้าเปิด 10 บัญชี เสียค่าธรรมเนียมบัตร 5000-6000 บาท),กู้เงินต้องทำประกันชีวิต, เช่าตู้นิรภัยก็ต้องประกัน ,พูดให้สำคัญผิดประกันเป็นเงินฝาก (ซึ่งเราจะสามารถพบในเวปนี้เป็นระยะ)ร่วมทั้งเรื่องราวครั้งนี้
ไม่บังคับตั้งเป้าพนักงาน จะมีประชาชนเดือดร้อนโพสในนี้เป็นระยะๆได้อย่างไร ทำไม ไม่แก้ไขป้องกันให้จบ แก้ยากมากหรือเพราะค่าคอม.เข้าใครบ้าง(นอกจากธนาคาร)
2.ส่วนพนักงานนั้น เมื่อถูกบีบ(จนหน้าเขียว)ก็ต้องเลือกจะลาออกหรือทำอย่างเป็นข่าวเดิมๆเช่นนี้ทุกวัน ความโชดร้าย(ขออนุญาต ขอใช้คำว่า" ซวย, ถูกบังคับให้ทำ)จึงตกกับประชาชนตาดำๆ อย่าลืมว่า เงิน 100-200 สำหรับเด็กนักเรียน คนหาเช้ากินค่ำ พนักงานกินเงินเดือนชั้นผู้น้อย ไม่น้อยเลย รวมทั้งคนทำมาหากินที่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต(ย้ำ ส่วนที่เกินความจำเป็น) ที่ละหลายๆแสน
เท่าที่สังเกตพนักงานธนาคารนี้ งานสาขาแต่ละวันก็หัวหมุน พนักงานน้อย (ยังต้องแบ่งกันออกไปหาลูกค้า) เลิกงานมืด(ไม่มีโอที บอกว่าเป็นงานต่อเนื่อง) แล้วประชุมต่อจนถึง 3-4 ทุ่ม บ่อยมา ส่วนวันหยุด ก็ต้องเดินตลาดหาลูกค้าเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้จะหนักเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า หากผู้จัดการ ผู้จัดการเขต ผู้จัดการภาคมาใหม่หรือคนเก่าจะทำตำแหน่งสูงขึ้น
3.ค่าเบี้ยประกัน,ค่าธรรมเนียมที่ประชาชนจ่ายเพิ่ม หากวิเคราะห์ดูมีโอกาสเป็นค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าต้องจ่ายแพงกว่าปกติ เกินความจำเป็นจากที่ธนาคารชาติกำหนดหรือไม่(นอกจากดอกเบี้ย/ค่าธรรมเนียมปกติ)
4.ปัญหาไม่หมดไป เพราะหน่วยงานที่ดูแลยังไม่สามารถปัดเป่าความเดือดร้อนประชาชนเป็นรูปธรรมได้ แล้วเจ้าหน้าที่เหล่านี้ ก็คงเจอเหมือนชาวบ้านทั่วไปเวลาเข้าธนาคาร
5. CC ย่อมาจาก CASE BY CASE ในการแก้ไขปัญหาที่ละราย แทนที่น่าจะป้องกันปัญหาได้แล้ว
หาก จขกท.มีโอกาสเจอผู้บริหารธนาคาร ฝากถามด้วย จะมีมาตรการป้องกันปัญหาข้างต้นอย่างเป็นรูปธรรมได้อย่างไร ไม่ใช้บอกว่า " ไม่ได้บังคับ เป็นการจัดการของสาขา (แล้วผู้บริหารธนาคารบีบพนักงานไหมละ)" อย่าผลักปัญหาไปที่สาขา แล้วปัญหาเดิมๆก็เกิดอีกเป็นระยะๆ
ขอให้เป็นรายสุดท้ายเถอะที่เกิดกับจขกท.(ถ้าปฏิหาริย์มีจริง)
เอาใจช่วยเสมอ.
วันนี้น่าจะเป็นวันที่ 2 ที่จะทราบข้อยุติจากผู้ใหญ่ธนาคารนี้ อยากจะฝากแจ้งธนาคารและทุกท่านในเวปช่วยพิจารณา ดังนี้.-
1. ปัญหาเหล่านี้เกิดเป็นระยะๆเรื่อยมานานหลายปี ไม่ว่าการเปิดบัญชีบัญชีต้องทำบัตรพ่วงประกัน(ถ้าเปิด 10 บัญชี เสียค่าธรรมเนียมบัตร 5000-6000 บาท),กู้เงินต้องทำประกันชีวิต, เช่าตู้นิรภัยก็ต้องประกัน ,พูดให้สำคัญผิดประกันเป็นเงินฝาก (ซึ่งเราจะสามารถพบในเวปนี้เป็นระยะ)ร่วมทั้งเรื่องราวครั้งนี้
ไม่บังคับตั้งเป้าพนักงาน จะมีประชาชนเดือดร้อนโพสในนี้เป็นระยะๆได้อย่างไร ทำไม ไม่แก้ไขป้องกันให้จบ แก้ยากมากหรือเพราะค่าคอม.เข้าใครบ้าง(นอกจากธนาคาร)
2.ส่วนพนักงานนั้น เมื่อถูกบีบ(จนหน้าเขียว)ก็ต้องเลือกจะลาออกหรือทำอย่างเป็นข่าวเดิมๆเช่นนี้ทุกวัน ความโชดร้าย(ขออนุญาต ขอใช้คำว่า" ซวย, ถูกบังคับให้ทำ)จึงตกกับประชาชนตาดำๆ อย่าลืมว่า เงิน 100-200 สำหรับเด็กนักเรียน คนหาเช้ากินค่ำ พนักงานกินเงินเดือนชั้นผู้น้อย ไม่น้อยเลย รวมทั้งคนทำมาหากินที่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต(ย้ำ ส่วนที่เกินความจำเป็น) ที่ละหลายๆแสน
เท่าที่สังเกตพนักงานธนาคารนี้ งานสาขาแต่ละวันก็หัวหมุน พนักงานน้อย (ยังต้องแบ่งกันออกไปหาลูกค้า) เลิกงานมืด(ไม่มีโอที บอกว่าเป็นงานต่อเนื่อง) แล้วประชุมต่อจนถึง 3-4 ทุ่ม บ่อยมา ส่วนวันหยุด ก็ต้องเดินตลาดหาลูกค้าเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้จะหนักเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า หากผู้จัดการ ผู้จัดการเขต ผู้จัดการภาคมาใหม่หรือคนเก่าจะทำตำแหน่งสูงขึ้น
3.ค่าเบี้ยประกัน,ค่าธรรมเนียมที่ประชาชนจ่ายเพิ่ม หากวิเคราะห์ดูมีโอกาสเป็นค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าต้องจ่ายแพงกว่าปกติ เกินความจำเป็นจากที่ธนาคารชาติกำหนดหรือไม่(นอกจากดอกเบี้ย/ค่าธรรมเนียมปกติ)
4.ปัญหาไม่หมดไป เพราะหน่วยงานที่ดูแลยังไม่สามารถปัดเป่าความเดือดร้อนประชาชนเป็นรูปธรรมได้ แล้วเจ้าหน้าที่เหล่านี้ ก็คงเจอเหมือนชาวบ้านทั่วไปเวลาเข้าธนาคาร
5. CC ย่อมาจาก CASE BY CASE ในการแก้ไขปัญหาที่ละราย แทนที่น่าจะป้องกันปัญหาได้แล้ว
หาก จขกท.มีโอกาสเจอผู้บริหารธนาคาร ฝากถามด้วย จะมีมาตรการป้องกันปัญหาข้างต้นอย่างเป็นรูปธรรมได้อย่างไร ไม่ใช้บอกว่า " ไม่ได้บังคับ เป็นการจัดการของสาขา (แล้วผู้บริหารธนาคารบีบพนักงานไหมละ)" อย่าผลักปัญหาไปที่สาขา แล้วปัญหาเดิมๆก็เกิดอีกเป็นระยะๆ
ขอให้เป็นรายสุดท้ายเถอะที่เกิดกับจขกท.(ถ้าปฏิหาริย์มีจริง)
เอาใจช่วยเสมอ.
แสดงความคิดเห็น
ทำยังไงดีครับ พนักงานธนาคารกสิกรไทย มาขายบัตรเครดิต แต่แอบแฝงมาด้วยประกันชีวิต
เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงปลายปีที่แล้ว (2555) ผมและภรรยาได้รับการแนะนำบริการนี้จาก ผู้จัดการ ชื่อว่าคุณสุรชัย และรองผู้จัดการชื่อ คุณรัฐพงศ์ เป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารกสิกรไทย สาขาโลตัสบางกะปิ ซึ่งทราบว่าภรรยาผมประกอบธุรกิจส่วนตัวและได้แจ้งว่า ภรรยาผมมีคุณสมบัติที่ตรงกับเงื่อนไขของบัตรเครดิต Wisdom จึงอยากจะขอแนะนำให้รู้จักกับบัตรเครดิต Wisdom และ สิทธิพิเศษ ต่างๆ ที่หากสมัครใช้บริการแล้วจะมีสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายกว่าบัตรเครดิตทุกใบ และไม่ค่อยมีใครได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้ ซึ่งผมและภรรยาก็พอจะรู้อยู่บ้างว่า เป็นการเข้ามาขายบัตรเครดิตทั่วไป แต่อาจจะพิเศษกว่าบัตรอื่นๆ ที่ถืออยู่ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรในตอนนั้น
แต่ด้วยตำแหน่ง ผู้จัดการและรองผู้จัดการสาขา เอ่ยปากว่าอยากจะขอเข้ามาคุยด้วยตนเอง และการพูดจาที่ดูน่าเชื่อถือ ประกอบกับ หยิบยกประเด็นที่โดนใจผม คือการได้รับสิทธิพิเศษ ในการขอกู้เงินเพื่อซื้อที่ดิน ( ซึ่งตอนนั้นผมมีแผนในการที่จะขยายธุรกิจอยู่แล้ว เลยสนใจประเด็นนี้ทันที) โดยอ้างว่าสิทธิพิเศษที่มากับ Wisdom จะทำได้สะดวกและโอกาสที่จะอนุมัติสูง ประกอบกับคุณสุรชัย ซึ่งเป็นถึงผู้จัดการธนาคาร ได้นัดขอเข้ามาพบผมและภรรยาที่ทำงานด้วยตัวเอง ด้วยความเกรงใจผมและภรรยาจึงตัดสินใจให้ทางผู้จัดการและรองผู้จัดการ เข้ามาแนะนำรายละเอียดของบัตร Wisdom
ช่วงประมาณเดือนธันวาคม ผู้จัดการและรองผู้จัดการเดินทางมาพบผมที่ร้าน ก็แนะนำสิทธิพิเศษและประโยชน์ที่จะได้รับมากมาย ได้แก่
1. ได้รับสิทธิพิเศษในการขอสินเชื่อ ซื้อที่ดิน ( เค้าอ้างมาแล้วว่า มีลูกค้ารายก่อนหน้า กู้ซื้อตึกไป 23 ล้าน)
2. โทรศัพท์ iPhone 5
3. บัตรเติมน้ำมัน
4. โทรทัศน์
5. เข้าพักโรงแรม 5 ดาว ที่ร่วมกับธนาคาร
6. หากเดินทางต่างประเทศได้รับห้องพัก VIP ที่สนามบินทั่วโลก
7. บริการพิเศษจากธนาคารกสิกรไทย เฉพาะสาขาโลตัสบางกะปิ ในเวลาผมจะโอนเงิน ฝาก ถอน โทรเรียกเค้าได้เลยจะมาบริการให้ถึงที่ร้าน ( อยู่ใกล้กัน )
8. ประกันชีวิต
9. เงินปันผลรายปี
สิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่ทางผู้จัดการและรองผู้จัดการรับปากไว้ว่าจะให้ผมและภรรยา ที่ได้เสนอมานั้น ผมสนใจในเรื่องสิทธิในการขอสินเชื่อเป็นพิเศษเพราะกำลังจะหาซื้อที่ดินในการขยายธุรกิจ แต่ด้วยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพื่อใช้บริการบัตร Wisdom ที่สูงมาก ปีละ 600,000 บาท ผมจึงคิดหลายๆ อย่างถึงสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ จากการจ่ายเงิน 600,000 ว่าผมต้องการอะไรบ้าง และผมได้คำตอบกับตัวเองชัดเจน ว่าผมอยากได้โอกาสที่จะได้รับสินเชื่อเพื่อจะขยายธุรกิจของผม และได้เปิดช่องทางการขยายธุรกิจของตัวเองโดยอาศัยการที่ได้รู้จักกับผู้จัดการธนาคาร
ในระหว่างการพูดคุย ผมมีคำถามเป็นระยะ และผมมีคำถามประเด็นเดียวที่จำได้ชัดเจนว่า ในกรณีที่ผมสมัครแล้ว หากอยากจะขอยกเลิก เงิน 600,000 บาทนี้ผมจะได้คืนหรือไม่ และได้เท่าไหร่ เพราะธุรกิจที่ผมทำอยู่อาจจะต้องใช้เงินไปหมุน ก็อาจจะขอยกเลิก ผู้จัดการสาขาบอกกับผมชัดเจนเช่นกันว่า ได้รับเงินคืนเต็มจำนวนแน่นอน แต่อาจจะมีหักค่าดำเนินการไปบ้าง หรือหากอนาคตได้รับเงินปันผลไปก็จะหักส่วนนั้นออก ซึ่งผมย้ำประเด็นนี้มาก และผมก็รับได้ว่าหากจะหักไปบ้างก็ไม่น่าจะมากมายอะไร ถ้าจะแลกกับใบเบิกทางในการ ขอสินเชื่อเพื่อต่อยอดธุรกิจ และได้ Connection กับทางผู้จัดการ
แต่ในวันนั้นผมและภรรยาเองก็ไม่ได้ตอบตกลงสมัครไป เพราะจำนวนเงินค่อนข้างเยอะ เลยสรุปกันว่าจะขอปรึกษากันก่อน แล้วจะโทรแจ้งผู้จัดการอีกครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นเรื่อยมา ทางผู้จัดการเองก็โทรมาตามบ่อยมากจนผมและภรรยาก็เกรงใจ จนสุดท้ายผมและภรรยาก็ตอบตกลงไป เพราะเข้าใจว่าทางผู้จัดการคงต้องการทำยอดด้วย ก็เลยคิดว่าเราช่วยเค้า เค้าช่วยเราล่ะกัน
ต่อมาทางรองผู้จัดการ(คุณรัฐพงศ์) ก็ได้นำเอกสารมาให้ผมและภรรยาที่ร้าน เพื่อลงลายมือชื่อทำเรื่องตกลงสมัครใช้บริการและภรรยาผมได้ชำระเงินไปจำนวน 600,000 บาท
หลายวันต่อมาผมและภรรยาได้ลองติดต่อไปลองขอใช้บริการแรก คือ การขอกู้เงินเพื่อซื้อที่ดินในการก่อสร้างโฮมออฟฟิต ซึ่งก็ได้โทรไปคุยกับคุณรัฐพงศ์ และอธิบายไปตามสิ่งที่ผมต้องการ ซึ่งคุณรัฐพงศ์ก็รับปากว่าจะช่วยดูเรื่องนี้ให้เป็นพิเศษ และไม่กี่วันต่อมา ผมก็ได้รับการติดต่อกับจากคุณรัฐพงศ์ ว่า “ที่ดินตรงนี้ ไม่น่าซื้อ ราคาประเมินได้ 34,000 บ/ตรม. ที่ดินนี้ได้อย่างมากก็ไม่เกิน 5 ล้าน พี่อย่าไปสนใจเลยครับ” แล้วก็จบประเด็นแค่ตรงนี้ครับ ผมสงสัยทันทีเลยครับว่า นี่คือสิทธิพิเศษแล้วหรือ ? ไม่ส่งคนไปวัดพื้นที่ หรือส่งบริษัทประเมิณเข้าไปตรวจพื้นที่ประเมิณราคาให้ดีกว่านี้หน่อยหรือ ? ซึ่งราคา 34,000 บ/ตรม. ผมเองก็เพิ่งค้นหาจาก Google ได้ราคาเดียวกันเป๊ะเลย ผมเลยสงสัยว่า เค้าได้ดำเนินการอะไรให้ผมบ้างมั้ยหรือแค่ไปค้นหาข้อมูลจาก internet มาบอกผม ต่อมาผมได้ลองติดต่อธนาคารธนชาติดูบ้าง ซึ่งผมก็อธิบายเหมือนกันกับที่อธิบายให้คุณรัฐพงศ์ฟัง ว่าความต้องการผมคืออะไร ซึ่งธนาคารธนชาติ ได้มีการส่งเรื่องไปยังบริษัทประเมิน นัดวันเข้าไปวัดพื้นที่เป็นเรื่อง เป็นราว และให้ผมกู้ได้วงเงิน เกิน 10 ล้าน ซึ่งผมคิดว่า ถ้าผมเชื่อคุณรัฐพงศ์ เท่ากับผมเสียโอกาส ในการเติบโตทางธุรกิจหรือไม่ ?
ขณะนั้นผมเริ่มข้องใจกับสิทธิพิเศษที่เค้าอ้างมา ก็เลยลองถามไปยังเรื่องของแถมที่บอกว่าจะนำมาให้ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง คุณรัฐพงษ์ ก็ตอบมาเพียงแค่ “กำลังเร่งดำเนินการให้อยู่นะครับ อาจจะต้องรอหน่อย เพราะว่าตอนนี้คนสมัครเข้าคิวรอเยอะเหมือนกัน” (ผมก็เริ่มงง ไหนตอนแรกบอกว่าบัตรนี้มีคนที่ผ่านเกณฑ์ไม่มาก) แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจเรื่องนี้ เท่ากับเรื่อง ประเมิณราคาที่ดิน
จนมาช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ผมและภรรยาลองเปิดแฟ้มเอกสาร ที่ได้ในวันสมัคร ก็ได้เปิดดูแฟ้มเอกสารไปจนนึกได้ว่า ของแถมหนึ่งคือ กรมธรรม์ประกันชีวิต มันน่าจะมีเอกสาร ก็พยายามหาอยู่นาน ปรากฎว่าไม่มีเอกสารกรมธรรม์ ภรรยาผมเลยโทรไปบอกให้คุณรัฐพงศ์ ให้เอากรมธรรม์ มาให้ดูหน่อย คุณรัฐพงศ์แจ้งมาว่า “ผมให้เอกสารกรมธรรม์มาแล้วนี่ครับ หาไม่เจอหรอครับ ถ้าจะเอาใหม่ งั้นต้องไปแจ้งความหาย ถึงจะออกให้ใหม่ได้นะครับ” ผมกับภรรยางงไปครู่หนึ่ง แล้วแจ้งไปว่าตั้งแต่สมัครบัตร Wisdomไปนั้น ผมและภรรยายังไม่ได้รับเอกสารกรมธรรม์เลย และถ้าจะต้องให้เสียเวลาวิ่งไปสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความอีกก็คงไม่สะดวกไป” ซึ่งทางคุณรัฐพงศ์เลยแนะนำว่าจะให้คนเอาหนังสือมอบอำนาจมาให้เซ็นต์ และจะทำเรื่องขอเอกสารกรมธรรม์ให้ใหม่ ผมก็ให้เค้าส่งคนมาดำเนินการ
ในช่วงเดือนแรกๆ ที่มีการส่งบิลเรียกเก็บค่าบริการบัตรเครดิตทุกๆ เดือน ก็มีปัญหาในเรื่องของที่อยู่จัดส่งเอกสารที่ไม่ส่งมายังที่อยู่ผม มีแต่ข้อความทางโทรศัพท์ที่แจ้งว่ามียอดค้างชำระ แต่ไม่มีการส่งใบแจ้งหนี้มา เลยโทรไปสอบถามคุณรัฐพงศ์ ซึ่งก็บอกเพียงว่าคนอื่นๆในย่านนี้ได้รับหมดแต่จะเช็คให้ ทางเราก็เลยงงเพราะที่อื่นๆส่งมารวมถึงบัตรอื่นเราได้รับเอกสารทุกฉบับไม่เคยขาด ต่อมาบิลที่ 2 ก็เป็นแบบนี้อีก ว่าซึ่งทางภรรยาผมเป็นคนที่เข้มงวดกับเรื่องการชำระเงินอย่างนี้สูงมาก ไม่เคยจ่ายช้าและไม่เคยเสียประวัติในเครดิตทางการเงินสักครั้ง เลยโทรศัพท์ติดต่อไปยัง Call Center บัตรเครดิต Wisdom แจ้งมาว่าภรรยาผมมียอดค้างชำระ พันกว่าบาท และมีการเรียกเก็บดอกเบี้ย งงมากๆ เลย เพราะตอนกรอกใบสมัครได้แจ้งแล้วให้หักผ่านบัญชีธนาคารทุกยอดเต็มจำนวน แต่ปรากฏว่าทาง Call Center แจ้งว่าไม่ได้ระบุไว้ภรรยาผมจึงโทรสอบถามคุณรัฐพงศ์และได้รับคำตอบว่าทางหน่วยงานบัตรเครดิตของธนาคารลืมระบุไว้ อ้าว... แล้วทำไงล่ะ credit ที่สร้างมาไม่เคยเสียประวัติ แต่ตอนหลังก็ได้มาเพียงคำตอบว่าจะไม่คิดดอกเบี้ยในส่วนนั้นไป
เหตุมาทำให้เรายิ่งสงสัยการทำงานของทางคุณรัฐพงศ์ ตรงที่ว่าคุณรัฐพงศ์โทรมาหาภรรยาผมและแจ้งว่าตอนนี้ทางธนาคารได้ยกเลิกการให้ของแถมที่รับปากว่าจะให้ไว้แล้ว มีแบบนี้ด้วยหรอ ….? ภรรยาทำเสียงงงเป็นที่สุด คุณรัฐพงศ์จึงทางถามว่าเราใช้โทรศัพท์ค่ายไหนจะออกเงินกับทางคุณสุรชัย ซึ่งเป็นถึงผู้จัดการธนาคาร คนละครึ่งเพื่อไปซื้อให้แทน แต่จนถึงวันนี้ก็เงียบหายไป
ผมและภรรยารู้สึกผิดหวังอย่างมาก กับอีกหลายๆ เหตุการณ์ก่อนหน้า ทำให้ผมและภรรยาตัดสินใจที่จะขอยกเลิก บัตรเครดิต Wisdom นี้ทันที
ต่อมาเอกสารกรมธรรม์ได้ถูกจัดส่งถึงผมและภรรยาเป็นที่เรียบร้อย ผมจึงได้ทราบจากเอกสารว่าคุณรัฐพงศ์เป็นตัวแทนขายประกันชีวิตของเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งคุณรัฐพงศ์ไม่เคยแสดงตัวให้ผมกับภรรยาทราบมาก่อนว่าคุณรัฐพงศ์เป็นตัวแทนนายหน้าขายประกันด้วยและในตอนนั้นผมไม่สนใจเรื่องเอกสารแล้ว ผมจึงได้ตกลงกับภรรยาว่า เราคงต้องแจ้งทางคุณรัฐพงศ์ เพื่อทำการยกเลิกการใช้บริการบัตรเครดิต Wisdom นี้ แล้วเอาเงินคืน ซึ่งจะหักค่าดำเนินการอะไรก็หักไป แต่คิดว่าไม่อยากเสียความรู้สึกกับ บริการแย่ๆ แบบนี้อีก ซึ่งก็ได้ติดต่อไปยังคุณรัฐพงษ์ และแจ้งขอยกเลิก ซึ่งก็รับเรื่องไว้ แล้วบอกว่าจะดำเนินเรื่องให้ (โดยไม่ถามผมสักคำว่าทำไมถึงจะยกเลิก)
ผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ ไม่มีการติดต่อกลับจากคุณรัฐพงษ์ ผมเองที่ต้องเป็นฝ่ายติดต่อไปตลอด 3-4 ครั้งซึ่งแต่ละครั้งก็ต้อง รอดำเนินเรื่อง อย่างน้อย 1-2 อาทิตย์ รวมเวลาผ่านไปหลายอาทิตย์ คุณรัฐพงษ์ จึงแจ้งกลับมาว่าไม่สามารถคืนเงินให้ได้ เพราะเหตุผลว่า นี่เป็นเงื่อนไขของการทำประกันชีวิตของเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งเค้าเขียนไว้ในกรมธรรม์ ว่าถ้าจะขอยกเลิกจะต้องแจ้งภายในระยะเวลาที่กำหนดหลังจากที่ทำประกัน ……….
ตอนนั้นผมเองได้โทรไปคุยกับคุณรัฐพงษ์ ด้วยท่าที ที่ผมคงจะต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ซึ่งเค้าก็รับปากว่าจะทำเรื่องเสนอไปยังผู้ใหญ่ ให้เป็นกรณีพิเศษ เรียกว่า วีโต้ แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1- 2 อาทิตย์ ผมก็รอการติดตามเรื่อง ซึ่งไม่เคยติดต่อผมกลับมาซักครั้ง ผมต้องเป็นฝ่ายโทรไปตามตลอด และทุกครั้งก็บ่ายเบี่ยง และบอกว่าจะมีเจ้าหน้าที่จากเมืองไทยประกันชีวิตติดต่อมาเพื่ออธิบายให้ฟังเกี่ยวกับ สิทธิในการขอยกเลิก จะได้รับอะไร อย่างไรบ้าง ซึ่งผมบอกปัดไปว่าผมไม่ได้ซื้อประกันทำไมผมต้องคุยกับเจ้าหน้าที่เมืองไทยประกันชีวิต ผมต้องการเงิน 600,000 บาทคืนจากการสมัครบัตร Wisdom กับทางธนาคารกสิกรไทย คุณสุรชัยและคุณรัฐพงศ์จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
และไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ จากเมืองไทยประกันชีวิต โทรมาอธิบายว่าวิธีการคำนวณเงินคืนในกรณีที่ยกเลิก ให้เปิดไปที่ท้ายกรมธรรม์ เปิดตารางตามเค้า แล้วก็อธิบายขั้นตอน จนสุดท้ายผลลัพท์คือ ผมจะได้เงินคืน สองหมื่นกว่าบาท ตามตาราง หลังครบ 1 ปี ซึ่งผมสงสัยจริงๆ ว่าจะมีซักกี่คนที่ จะรู้วิธีคำนวณการคืนเงิน และที่สำคัญที่สุดคือตารางดังกล่าวนี้ คุณรัฐพงศ์ไม่ได้ให้เราดูและอธิบายตั่งแต่แรกตอนมาขายบัตร Wisdom เลย โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยสนใจประกันชีวิตอย่างผม แล้วที่สำคัญทำไมถึงกลายมาเป็นเมืองไทยประกันชีวิตเป็นประเด็นสำคัญในการตัดสินการยกเลิก ไม่ใช่บัตรเครดิต Wisdom ของธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้กำหนด (ผมแอบสงสัยเหมือนกันนะครับว่า นี่เป็นอุบายหนึ่งหรือเปล่าว่าทำไม เอกสารกรมธรรม์ ผมจึงไม่ได้รับตั้งแต่แรก เพราะถ้าผมเห็นตั้งแต่แรก ก็อาจจะยกเลิกได้ทันเวลา)
ผมยังคงติดต่อไปยังคุณรัฐพงศ์ เพื่อให้ช่วยประสานเรื่องนี้ เพราะผมและภรรยารับไม่ได้กับเงินที่จ่ายไป 600,000 บาท และเหลือ สองหมื่นกว่าบาท ในเวลาไม่กี่ 6 เดือน ซึ่งเหมือนเดิม คุณรัฐพงศ์รับปากว่าจะให้ผู้จัดการคือคุณสุรชัย ทำเรื่องขอยกเลิกเป็นกรณีพิเศษ เห็นเค้าเรียกว่า “วีโต้ รอบสอง” และโอกาสที่จะได้เงินจะมีสูงขึ้น แต่คุณรัฐพงศ์ก็ปล่อยเวลาผ่านนานมาก จนผมต้องโทรไปตาม และก็บอกผมมาว่า ล่าสุดตอนนี้อนุมัติเงินคืนอยู่ที่ สองแสนกว่าบาท