“ปฐมบทสู่การกลับมา”
ฤดูกาลผ่านพ้นไปพร้อมกับความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ เป็นสิ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าทีมเล็กๆจากแดนใต้ทีมนี้ ดีขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ “Liebherr Group” ภายใต้การนำของมาคัส ลีบเฮอร์ ได้เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อ กรกฎาคม ปี 2009 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่นักบุญเข้าสู่ช่วงตกต่ำสุดขีด จากการถูกตัดแต้มจนเป็นเหตุให้ตกชั้นไปยัง ลีก วัน ซ้ำยังถูกตัดแต้มก่อนเริ่มฤดูกาล ลีก วัน ถึง 10 คะแนน ซึ่งทีมจบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับที่ 7 (ทีมจะได้สิทธิ์เพลออฟเลื่อนชั้นหากไม่โดนตัดแต้ม) กระนั้นทีมที่มี “อลัน พาร์ดีว” คุมบังเหียนก็ยังได้แชมป์ ลีก โทรฟี่ ทว่าในปีถัดมาทีมได้เปลี่ยนกุนซือมาเป็น “ไนเจล แอดกิ้น” ที่ถูกดึงมาจากสคันธอร์ป ท่ามกลางเสียงคัดค้านไม่พอใจจากแฟนบอล แต่แอดกิ้นก็ตอกกลับทุกคำวิจารณ์ด้วยการนำทีมเลื่อนชั้นกลับไปในเดอะ แชมป์เปียนชิพ ด้วยตำแหน่งรองแชมป์ โมเมนตัมของทีมนักบุญยังไม่สุดอยู่แค่นั้นเมื่อน้องใหม่แต่หน้าเก่าเดินเครื่องเข้าป้ายเป็นรองแชมป์ลีกอันดับสองของแดนผู้ดีทะยานกลับลีกสูงสุดอีกครั้งนับตั้งแต่ตกชั้นไปเมื่อปี 2005 และใช้เวลาเพียง 3 ปีนับแต่เปลี่ยนเจ้าของสโมสรใหม่...
“ลีกสูงสุด ผู้เล่นลีก วัน”
อย่างไรก็ตามการกลับมาลีกสูงสุดครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบเสียแล้วเมื่อนักบุญที่ยังคงทีมด้วยผู้เล่นส่วนใหญ่จากชุดที่ฝ่าฟันกันมาจากลีก วัน ต้องเจอโคตรทีมอย่าง แมนฯซิตี้, แมนฯยูไนเต็ด และอาเซน่อล ในสี่นัดแรกของฤดูกาล ทำให้ทีมพบกับการปราชัยรวดทุกนัดนอนจมบ๊วยตั้งแต่ออกสตาร์ท และถึงแม้ว่าทีมจะพัฒนาฟอร์มการเล่นของตัวเองได้ดีขึ้นจนกระโดดขึ้นไปรั้งอันดับ 13 ในบางช่วง แต่บอร์ดบริหารกลับตัดสินใจปลดไนเจล แอดกิ้น ออกจากตำแหน่งกุนซือแล้วตัดสินใจแต่งตั้ง “เมาริซิโอ ปอเชตติโน่” ขงเบ้งชาวอาเจนไตน์ที่เพิ่งโดนไล่ออกจากทีมเอสปันญ่อลหมาดๆ ให้มาคุมบังเหียนชนิดช็อคกันทั้งบาง ทว่าก็เป็นอีกครั้งที่การตัดสินใจเปลี่ยนกุนซือของบอร์ดบริหารตอกกลับทุกเสียงวิจารณ์ด้วยการที่ทีมในยุคของปอเชต์เล่นบอลมีระบบมากขึ้น เน้นถ่ายบอล เพรสซิ่งบีบเกมส์เร็ว เกมส์รับเหนียวแน่นและเสียประตูเพียง 20 ประตูซึ่งน้อยกว่าสมัยแอดกิ้นทำทีมถึง 50เปอร์เซนต์แลยทีเดียว อีกหนึ่งเหตุผลที่นักบุญยุคใหม่นี้ได้รับการจับตามองมากคือการเล่นแบบไม่กลัวใคร และสู้ได้ทุกทีม คำตอบก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วจากนัดที่ชนะยักษ์ใหญ่อย่างแมนฯซิตี้, ลิเวอร์พูล และเชลซี แม้ว่าจะยังทำผลงานไม่สม่ำเสมอเท่าที่ควรกับทีมระดับเดียวกันแต่การรอดตกชั้นแบบไม่ต้องเหนื่อยเท่าไหร่ในฤดูกาลแรกของกลับมาสู่ลีกสูงสุดคงสร้างความสุขให้กับสาวก “เดอะ เซนต์ส” ได้ไม่น้อย....
“ยุคต่อไปของนักบุญ”
ด้วยการที่มีเจ้าของสโมสรเป็นถึงมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจอุสาหกรรมโครงสร้างสร้างยักษ์ใหญ่อย่าง “Liebherr Group” ที่มีทรัพย์สินถึง 8.3 พันล้านยูโร ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องขายสตาร์ของทีมออกไป ลุค ชอว์, เนธาเนียล ไคลน์ และ มอร์แกน ชไนเดอลิน ต่างออกมายืนยันแล้วว่าจะอยู่กับทีมต่อไปแม้จะได้รับความสนใจจากทีมใหญ่ก็ตาม ด้วยงบเสริมทัพเบื้องต้น 30-50 ล้านปอนด์สำหรับให้ปอเชตติโน่ได้จับจ่ายใช้สอยในซัมเมอร์นี้แล้ว นักบุญยังมีสิ่งที่หลายๆทีมอิจฉานั่นคือ “อคาเดมี่” เป็นที่รู้กันดีว่าโรงเรียนมหาเวทย์แห่งนี้ผลิตนักเตะระดับคุณภาพออกมาไม่เว้นแต่ละปี ที่ออกจากทีมไปแล้วอย่าง วัลคอตต์, เบลล์, อ๊อกเลช แชมเบอร์เลน หรือแม้กระทั่งเนธาน ดายเออร์ และที่ขึ้นมาเป็นตัวหลักในชุดปัจจุบันทั้ง กัปตันลัลลาน่า, ชอว์, ชไนเดอลิน, วอร์ด พราวส์ และกลุ่มที่จะถูกดันขึ้นมาในปีหน้าอย่าง คัลลัม แชมเบอร์ส, แจค สตีเว่น และ เจค ซินแคลร์น้องชายแท้ๆของสก๊อต ซินแคลร์ปีกของซิตี้นั่นเอง แน่นอนการเสริมทัพยังต้องเกิดขึ้นครั้งใหญ่ จะได้เห็นนักเตะที่ปอเชตติโน่ได้เลือกซื้อเข้ามาสู่ทีมเองบ้าง ลิสต์รายชื่อที่เข้ามาอยู่ในข่ายเสริมทีมอาจไม่เกรดเอ แต่ก็ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาแล้วทั้งเฆซุส กาเมซ(มาลาก้า), เดยัน ลอฟเรน(ลียง), ดาวิเด อัสโตรี่(กายารี่),สก็อต ซินแคลร์(แมนฯซิตี้), โจน เบอดู(เอสปันญ่อล), อาเดรียน โลเปส(แอตฯมาดริด) รวมถึงดาวรุ่งอย่าง อัลแบโต้ บูเอโน่(นาซิอองนาล) เป็นผู้เล่นที่กุนซือหนุ่มต้องการเข้ามาสู่ทีม เมื่อบวกกับผู้เล่นเดิม และแนวทางการเล่นแบบเดิมทำให้นักบุญหลังจากนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ แต่ถึงกระนั้นต้องถามว่าทีมเล็กๆจากแดนใต้ทีมนี้ น่าดึงดูดแค่ไหนสำหรับนักเตะที่มีคุณภาพแบบนั้น ถึงแม้เรื่องเงินจะไม่เป็นปัญหาแต่บอร์ดบริหารก็ไม่เคยใช้เงินอู้ฟู่เหมือนทีมใหญ่ๆทีมอื่น ซึ่งตรงนี้ทำให้นักบุญไม่มีบัญชีแดงเหมือนทีมรวยๆหลายทีม เรียกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมาในทางที่ถูกที่ควรแล้ว ที่เหลือเราก็ต้องคอยดูบทต่อไปของทีมจากแดนใต้ทีมนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป...
เครดิต
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=841002&start=0&postdays=0&postorder=asc&highlight
สำหรับสาวกนักบุญครับ
http://www.facebook.com/Saintsthailand
เปิดตำราบทต่อไปกับ “นักบุญ” มหาเวทย์แห่งแดนใต้
“ปฐมบทสู่การกลับมา”
ฤดูกาลผ่านพ้นไปพร้อมกับความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ เป็นสิ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าทีมเล็กๆจากแดนใต้ทีมนี้ ดีขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ “Liebherr Group” ภายใต้การนำของมาคัส ลีบเฮอร์ ได้เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อ กรกฎาคม ปี 2009 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่นักบุญเข้าสู่ช่วงตกต่ำสุดขีด จากการถูกตัดแต้มจนเป็นเหตุให้ตกชั้นไปยัง ลีก วัน ซ้ำยังถูกตัดแต้มก่อนเริ่มฤดูกาล ลีก วัน ถึง 10 คะแนน ซึ่งทีมจบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับที่ 7 (ทีมจะได้สิทธิ์เพลออฟเลื่อนชั้นหากไม่โดนตัดแต้ม) กระนั้นทีมที่มี “อลัน พาร์ดีว” คุมบังเหียนก็ยังได้แชมป์ ลีก โทรฟี่ ทว่าในปีถัดมาทีมได้เปลี่ยนกุนซือมาเป็น “ไนเจล แอดกิ้น” ที่ถูกดึงมาจากสคันธอร์ป ท่ามกลางเสียงคัดค้านไม่พอใจจากแฟนบอล แต่แอดกิ้นก็ตอกกลับทุกคำวิจารณ์ด้วยการนำทีมเลื่อนชั้นกลับไปในเดอะ แชมป์เปียนชิพ ด้วยตำแหน่งรองแชมป์ โมเมนตัมของทีมนักบุญยังไม่สุดอยู่แค่นั้นเมื่อน้องใหม่แต่หน้าเก่าเดินเครื่องเข้าป้ายเป็นรองแชมป์ลีกอันดับสองของแดนผู้ดีทะยานกลับลีกสูงสุดอีกครั้งนับตั้งแต่ตกชั้นไปเมื่อปี 2005 และใช้เวลาเพียง 3 ปีนับแต่เปลี่ยนเจ้าของสโมสรใหม่...
“ลีกสูงสุด ผู้เล่นลีก วัน”
อย่างไรก็ตามการกลับมาลีกสูงสุดครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบเสียแล้วเมื่อนักบุญที่ยังคงทีมด้วยผู้เล่นส่วนใหญ่จากชุดที่ฝ่าฟันกันมาจากลีก วัน ต้องเจอโคตรทีมอย่าง แมนฯซิตี้, แมนฯยูไนเต็ด และอาเซน่อล ในสี่นัดแรกของฤดูกาล ทำให้ทีมพบกับการปราชัยรวดทุกนัดนอนจมบ๊วยตั้งแต่ออกสตาร์ท และถึงแม้ว่าทีมจะพัฒนาฟอร์มการเล่นของตัวเองได้ดีขึ้นจนกระโดดขึ้นไปรั้งอันดับ 13 ในบางช่วง แต่บอร์ดบริหารกลับตัดสินใจปลดไนเจล แอดกิ้น ออกจากตำแหน่งกุนซือแล้วตัดสินใจแต่งตั้ง “เมาริซิโอ ปอเชตติโน่” ขงเบ้งชาวอาเจนไตน์ที่เพิ่งโดนไล่ออกจากทีมเอสปันญ่อลหมาดๆ ให้มาคุมบังเหียนชนิดช็อคกันทั้งบาง ทว่าก็เป็นอีกครั้งที่การตัดสินใจเปลี่ยนกุนซือของบอร์ดบริหารตอกกลับทุกเสียงวิจารณ์ด้วยการที่ทีมในยุคของปอเชต์เล่นบอลมีระบบมากขึ้น เน้นถ่ายบอล เพรสซิ่งบีบเกมส์เร็ว เกมส์รับเหนียวแน่นและเสียประตูเพียง 20 ประตูซึ่งน้อยกว่าสมัยแอดกิ้นทำทีมถึง 50เปอร์เซนต์แลยทีเดียว อีกหนึ่งเหตุผลที่นักบุญยุคใหม่นี้ได้รับการจับตามองมากคือการเล่นแบบไม่กลัวใคร และสู้ได้ทุกทีม คำตอบก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วจากนัดที่ชนะยักษ์ใหญ่อย่างแมนฯซิตี้, ลิเวอร์พูล และเชลซี แม้ว่าจะยังทำผลงานไม่สม่ำเสมอเท่าที่ควรกับทีมระดับเดียวกันแต่การรอดตกชั้นแบบไม่ต้องเหนื่อยเท่าไหร่ในฤดูกาลแรกของกลับมาสู่ลีกสูงสุดคงสร้างความสุขให้กับสาวก “เดอะ เซนต์ส” ได้ไม่น้อย....
“ยุคต่อไปของนักบุญ”
ด้วยการที่มีเจ้าของสโมสรเป็นถึงมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจอุสาหกรรมโครงสร้างสร้างยักษ์ใหญ่อย่าง “Liebherr Group” ที่มีทรัพย์สินถึง 8.3 พันล้านยูโร ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องขายสตาร์ของทีมออกไป ลุค ชอว์, เนธาเนียล ไคลน์ และ มอร์แกน ชไนเดอลิน ต่างออกมายืนยันแล้วว่าจะอยู่กับทีมต่อไปแม้จะได้รับความสนใจจากทีมใหญ่ก็ตาม ด้วยงบเสริมทัพเบื้องต้น 30-50 ล้านปอนด์สำหรับให้ปอเชตติโน่ได้จับจ่ายใช้สอยในซัมเมอร์นี้แล้ว นักบุญยังมีสิ่งที่หลายๆทีมอิจฉานั่นคือ “อคาเดมี่” เป็นที่รู้กันดีว่าโรงเรียนมหาเวทย์แห่งนี้ผลิตนักเตะระดับคุณภาพออกมาไม่เว้นแต่ละปี ที่ออกจากทีมไปแล้วอย่าง วัลคอตต์, เบลล์, อ๊อกเลช แชมเบอร์เลน หรือแม้กระทั่งเนธาน ดายเออร์ และที่ขึ้นมาเป็นตัวหลักในชุดปัจจุบันทั้ง กัปตันลัลลาน่า, ชอว์, ชไนเดอลิน, วอร์ด พราวส์ และกลุ่มที่จะถูกดันขึ้นมาในปีหน้าอย่าง คัลลัม แชมเบอร์ส, แจค สตีเว่น และ เจค ซินแคลร์น้องชายแท้ๆของสก๊อต ซินแคลร์ปีกของซิตี้นั่นเอง แน่นอนการเสริมทัพยังต้องเกิดขึ้นครั้งใหญ่ จะได้เห็นนักเตะที่ปอเชตติโน่ได้เลือกซื้อเข้ามาสู่ทีมเองบ้าง ลิสต์รายชื่อที่เข้ามาอยู่ในข่ายเสริมทีมอาจไม่เกรดเอ แต่ก็ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาแล้วทั้งเฆซุส กาเมซ(มาลาก้า), เดยัน ลอฟเรน(ลียง), ดาวิเด อัสโตรี่(กายารี่),สก็อต ซินแคลร์(แมนฯซิตี้), โจน เบอดู(เอสปันญ่อล), อาเดรียน โลเปส(แอตฯมาดริด) รวมถึงดาวรุ่งอย่าง อัลแบโต้ บูเอโน่(นาซิอองนาล) เป็นผู้เล่นที่กุนซือหนุ่มต้องการเข้ามาสู่ทีม เมื่อบวกกับผู้เล่นเดิม และแนวทางการเล่นแบบเดิมทำให้นักบุญหลังจากนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ แต่ถึงกระนั้นต้องถามว่าทีมเล็กๆจากแดนใต้ทีมนี้ น่าดึงดูดแค่ไหนสำหรับนักเตะที่มีคุณภาพแบบนั้น ถึงแม้เรื่องเงินจะไม่เป็นปัญหาแต่บอร์ดบริหารก็ไม่เคยใช้เงินอู้ฟู่เหมือนทีมใหญ่ๆทีมอื่น ซึ่งตรงนี้ทำให้นักบุญไม่มีบัญชีแดงเหมือนทีมรวยๆหลายทีม เรียกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมาในทางที่ถูกที่ควรแล้ว ที่เหลือเราก็ต้องคอยดูบทต่อไปของทีมจากแดนใต้ทีมนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป...
เครดิต http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=841002&start=0&postdays=0&postorder=asc&highlight
สำหรับสาวกนักบุญครับ
http://www.facebook.com/Saintsthailand