รถกระเทือนได้ ต้องรีบรักษา ใจสะเทือน ต้องรีบรักษาิยิ่งกว่า(ถูกรถชนท้ายครับ)

เมื่อเวลาประมาณ 21.45 น. ของวันที่ 5มิ.ย.56

    ผมขับรถ Toyota  Yaris กลับมาจาก สระบุรี กำลังจะกลับ ซ12อ.พัฒนานิคม  ถนนตอนนั้นฝนตก ได้กว่า2ชั่วโมงแล้ว      พอมาถึง สี่แยกสาย4  เจอไฟแดง ก็เลยค่อยๆจอด พอจอดสนิท ก็ใส่เกียร์ N ดึงเบรกมือ   จอดได้ แค่  3-4วิ  …..          ตู้ม รถมาชนข้างหลัง  หัวผมกระแทกกับเบาะ แฟนผมถูกกระแทกที่หลัง
(มุ่งหน้าสู่ทิสเหนือ  ถ้า ตรงไปไปซ.12
ถ้าเลี้ยวขวาไป เบทาโกร
ถ้าเลี้ยวซ้ายไป อ.พระบาท)
[img]http://image.ohozaa.com/i/a81/xyP3fx.jpg[/img]
[img]http://image.ohozaa.com/i/801/WHEg94.jpg[/img]




    ผมก็เลยปลด เบลล์ แล้วเดินลงไปหาคนขับ ไปถามว่า “รถเป็นอะไรพี่” (ทำไมต้องมาชนรถผม)

    เขาก็ขอโทษขอโพย  บอกว่ารถพี่เบรกไม่อยู่ และบอกว่า จอดตรงนี้ไม่สะดวก ให้ผมขับข้ามไฟแดงไปจอดริมถนนก่อน
    (จริงๆ ไม่ควรย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุ เพราะว่าถ้าเราแจ้งตำรวจ ตำรวจก็จะมาดูรูปการณ์ที่แท้จริงว่าใครผิด ใครถูก           แต่ผมก็เชื่อใจยอมย้ายไปอีกฝั่ง เพื่อหลบ รถมีวิ่งกันขวักไขว่ และไวมาก โดยเฉพาะ แถวนั้นรถบรรทุกเยอะมาก ไม่อยากจอดขวางแบบนี้ ดีไม่ดี โดนรถบรรทุกขับมาไวๆ เฉี่ยวซ้ำหรือชนซ้ำได้)
    
    พอผมขับมาจอด อีกฝั่ง ก็โทรหาประกันก็บอกรายละเอียดไป แล้วเขาก็รับปากว่าจะรีบมา         (พร้อมกับชำเลืองดูคนที่เขาชนผมด้วยว่าเขาจะตามมาหรือเปล่า หรือว่ามีทีท่าจะหนี)  

    ทีนี้รถเขาเสีย สตาร์ทไม่ติด กระโปรงหลุด สเกริ์ตหน้าก็พัง หลุดออกมาเลย    ผมก็ รอประมาณ 5-8นาที กว่าเขาจะสตาร์ทรถจากจุดเกิดเหตุมาอีกฝั่งได้

    ก็เลยมาคุยกัน  เขาก็บอกว่า “ พี่ไม่ได้ตั้งใจ เบรกพี่ไม่ดี  เบรกไม่อยู่เลยจริงๆ เหยียบสุดเท้าแล้ว  มันเหมือนเบรกล๊อค ผ้าเบรกหมด  ตอนลงเขาตามรถน้องมา ยังเบรกได้อยู่เลย     ดีนะที่ดึงเบรกมือไว้แล้ว ไม่งั้นแรงกว่านี้ พี่ว่าจะหักหลบฝั่งซ้าย แต่ก็ไม่ได้ เพราะ รถบรรทุกมันวิ่งมา พี่เลยขอชนน้องให้เป็นตัวเบรก”
_______________________________________________________________________________    
แต่ขณะที่ผมฟัง ผมก็คิดไปว่า
    “ยังจะมีหน้ามาพูดอีก กลิ่นเหล้าแรงขนาดนี้ ไม่ใช่เบรกไม่อยู่หรอก เพราะถ้าเบรกไม่อยู่จริงๆ ต้องชนแรงกว่านี้ รถขับด้วยความเร็ว ประมาณ 50-60 ถนนฝนตกด้วย ถ้าเบรถไม่อยู่จริงๆ(สายเบรกแตก)               ผมต้องโดนชนแรงกว่านี้มาก และรถผมก็ต้องไหลไปอย่างน้อยกลางไฟแดง (จากจุดจอด10-15เมตร)     และรถต้องบุบกว่านี้มาก  
    ทีนี้ ดูจากสภาพแล้ว  รถชนไม่แรง แสดงว่าน่าจะเบรกแล้ว แต่เนื่องจากความ เมา จึงกะระยะ ไม่ถูก ความเร็วตอนชน น่าจะเหลือประมาณ 10-20กม/ชั่วโมง เท่านั้น เพราะ รถผมแค่กันชนไฟเบอร์ยุบ สเกิร์ตฉีก ไฟท้าย(ไฟทับทิม)แตก  บังโคลนเบี้ยว(บังโคลนพลาสติก)   แต่ว่า ช่วงที่เป็นโครงเหล็ก ด้านหลัง  ฝั่งขวา  ยุบไปเพียงเล็กน้อย   (คิดดีจริงๆ พี่เอาผมเป็นตัวเบรกเนี่ยนะ)  ถ้าคนที่เขามีสติจริงๆ  ขณะขับเขาก็จะต้องมีเบรกบ้าง     (เพราะการขับตามรถคันอื่นเวลาฝนตก เราก็ต้องแตะเบรกกันบ้างใช่ไหม ) ทีนี้พอเราแตะเบรกบ่อยๆ  เราก็จะต้องรู้สมรรถนะของเบรกเราว่า เบรกได้ดีแค่ไหน     ก่อนถึงไฟแดง ก็ต้องรู้ว่า รถเราเบรกไม่ได้แล้วนะ เบรกเสีย          อีก 300-500เมตรก่อนถึงไฟแดง เมื่อเรารู้ว่าแยกนั้นมีเลี้ยวซ้าย และทางเลี้ยวซ้ายนั้น ก็ต้องมีรถน้อย ซึ่งเหมาะที่เราจะพยายามชิดซ้ายไว้ เปิดไฟเลี้ยว ใช้การเชนเกียร์ลงมา เพื่อผ่อนความ เร็ว และดึงเบรกมือช่วย จากนั้นไม่นานรถก็จะหยุดเอง  นี่เล่นมาชนแบบนี้ คนสติดีๆทั่วไปที่ไหนเขาทำกัน  มีแต่คนไร้สติเท่านั้น ที่จะทำแบบนี้ได้”

นี่คือความคิดผมที่คิดอยู่ในใจเวลาประมาณ 2นาที   แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป  
________________________________________________________________________________

    ผมก็เลยขออนุญาติ   “ พี่ครับ ผมขอใบขับขี่หรือบัตรประชาชนพี่ไว้ก่อนได้ไหมครับ”
เขาก็ยื่นบัตรมาให้   แล้วบอกว่า ใบขับขี่พี่ต้องใช้น่ะ พี่ทำงานรับเหมา อยู่ หนองแค (สระบุรี)

    ในช่วงที่รอประกันมา  พี่คนนั้น เดินข้ามถนนไปชื้อเครื่องดิ่มมาดิ่ม แถมยังถามผมว่าเอามั้ยน้อง         (พร้อมยื่นถุงใส่เบียร์ กระป๋องสีขาว โลโก้สีแดง ไม่รู้ยี่ห้ออะไรมาแบ่งให้ผม  แต่ผมไม่เอา)

    ผมแทบจะทะลักจุดเดือด  ผมก็เลยถามไปว่า  “ พี่ชื้ออะไรมา(วะ)เนี่ย ”  

(กำลังคิดจะพูดว่า “ยังจะมีหน้ากินอีกหรอวะ”  เมาขับรถชนคนอื่นแล้วยังไม่สำนึกในความชั่วตัวเองอีกหรือไง (คิดแบบนี้จริงๆนะ))    
      
     แต่ไม่พูดออกไป เพราะอย่างที่บอกคือพูดออกไปมีแต่จะเสีย เกิดเขาโมโหขึ้น ทำร้ายผมกับแฟนขึ้นมา ไม่จะได้ไม่คุ้มเสีย และ  หรือ  เขาโมโหขับหนีไป ผมก็ซวย
    ผมก็เลยแค่พูดออกไปว่า “ ไม่เป็นไรครับ (ไม่เอา ไม่กิน)”
    (กรรมของตูเอง คนอื่นอาจจะคิดว่าบังเอิญ  แต่ผมคิดว่าไม่มีคำว่าบังเอิญหรอก รถตั้งเยอะแยะ ไม่ชน     ดันมาชนรถผม แสดงว่าเป็นกรรมของเราเอง กรรมคนจะโดนชน ยังไงมันก็ต้องโดนชน)

    

    ระหว่างรอก็คิดในใจไปด้วย ด้วยความเสียดาย และเสียความรู้สึก รถออกมาใหม่ๆ มาโดนขี้เมาชน
(นี่บุญแค่ไหนที่ผมไม่ฟ้องตำรวจ ไม่เอาเรื่องราว  ยิ่งคิดยิ่งโมโห)

    รอซักพักใหญ่ๆ  ประมาณ40นาที  ประกันก็เดินทางมาถึง
    ก็คุยกัน ประกันเขาก็  ถ่ายรูป ,ขอเอกสาร , ขอดูใบขับขี่   ผมบอกไปว่า “ใบขับขี่ของแฟนผมหายครับ”
    ( จริงๆผมเข้าใจผิด  ผมสับสนว่าใบขับขี่ของแฟนหาย ที่หาย  คือ  ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์  และใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ของแฟนผมก็หายจริงๆ    ตอนนั้นผมไปเข้าใจว่าใบขับขี่รถยนต์ของแฟนหายได้ไงไม่รุ้ )

    
    เขาก็บอกว่า  “เมื่อไม่มีใบขับขี่ก็ไม่เป็นไร”
     ประกันเขาก็เดินไปดูสภาพรถ  และก็ประเมิน ราคา ความเสียหาย อะไรต้องซ่อม หรืออะไรซ่อมไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนเลย  
ก็จะมีรายการประมาณนี้
-กันชนหลัง(พลาสติก ABS มั้ง)(เปลี่ยน) ,
-สเกิร์ต(เปลี่ยน) ,
-ไฟท้าย(เปลี่ยน) ,       
-ตัวถัง ตรงกันชน(ซ่อม) ,
-กระโปรงหลัง (ซ่อม)
ประเมินราคารวมประมาณ 15,000

    แล้วประกันเขาก็ให้ แฟน ผม เซ็นเอกสารสัญญาชดใช้จากคู่กรณี และเอกสาร ประเมินซ่อม            
,และคู่กรณีก็มาเซ็น รับผิดชอบด้วย  คู่กรณีเขาทำสัญญาว่าจะจ่ายค่าชดใช้ค่าเสียหาย เป็นมูลค่า 15000บาท
(ที่แฟนผมต้องเป็นคน  เซ็นเอกสาร   เพราะผมแจ้งว่าแฟนผมขับ   ประกันก็เลยให้แฟนผมเซ็นเอกสาร       แต่จริงๆแฟนผมไม่ได้ขับ ผมเป็นคนขับเอง ถ้าผมแจ้งว่าผมขับ ผมก็จะเป็นคนเซ็นเอง)

(จากกรณีนี้  คู่กรณีไม่มีประกัน ที่จะมาจ่ายให้  เขาก็ต้องจ่ายเอง และประกันของผมก็ให้คู่กรณีไปจ่ายประกันเลย))

    แต่ภายหลังตอนเซ็นเสร็จแล้ว    ประกันเขาบอกว่า ให้เอาเอกสารที่เขาให้เซ็น (ใบเหลืองๆ)                    ไปยื่นศูนย์โตโยต้า พร้อมสำเนาใบขับขี่คนขับด้วย
     ผมก็เลยบอกไปว่า “ ผมจำผิดครับ แฟนผมไม่มีใบขับขี่  ที่ว่าใบขับขี่หาย คือใบขับขี่มอเตอร์ไซค์  จริงๆใบขับขี่รถยนต์แฟน ผมไม่มี    ถ้าผมจะแจ้งว่า ผมขับได้ไหมครับ แล้วเอาใบขับขี่ของผมยิ่นแทน “
    ผมก็เลยโดนพี่ประกันสวดเลยครับ “ถ้าน้องจะโกหกก็โกหกแต่แรก แต่นี่น้องแจ้งมาแบบนี้ และคู่กรณีเขาก็รับเอกสารไปแล้ว ไม่มีก็บอกไม่มี” (คือว่าเอกสารใบสัญญาว่าจะรับผิดชอบ ที่ให้คู่กรณีไป น่ะ เป็นลายเซ็นแฟนผมแล้ว)

    กลายเป็นว่า เข้าใจผิดกันไปใหญ่   เรื่องใครเป็นคนขับ (อันนี้ผมโกหกจริง)  คือ ผมบอกว่าแฟนเป็นคนขับ แต่จริงๆผมเป็นคนขับ
    แต่เรื่องใบขับขี่ที่บอกไปว่าของแฟนหาย อันนี้ผมไม่ได้ตั้งใจโกหกเลยแม้แต่นิดเดียว  ผมสับสน นึกว่าแฟนผมมีใบขับขี่รถยนต์ แต่จริงๆไม่มีใบขับขี่รถยนต์  มีแต่ใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์  และใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ก็หายจริงๆ                         

    (คือว่าตอนนั้นรถชนแล้วมันคิดอะไรไม่ออกครับ ไม่ได้คาดการณ์มาก่อนว่าจะต้องมาโดนชนง่ายๆแบบนี้กลัวว่าประกันเขาจะไม่รับผิดชอบ ไม่รับเคลมให้    ก็เลยต้องบอกว่าแฟนผมเป็นคนขับ ซึ่งผมก็ตกลงกับแฟนแล้วว่าจะบอกว่า แฟนขับ เพราะเซลลล์บอกมาว่าเวลาชนให้บอกว่าชื่อแฟนขับ เพราะ ซื้อรถ ชื้อใน ชื่อของแฟน แล้วประกันเขาจะรับผิดชอบเฉพาะเวลา เจ้าของรถขับชนเท่านั้น  ถ้าต้องการให้ เคลมทุกคนที่ขับ ต้องจ่ายเพิ่ม ประมาณ2000 แต่วันออกรถผมเลือกที่จะไม่จ่าย เพราะตอนนั้นไม่ค่อยมีเงิน)

    แต่พี่ประกันเขาเข้าใจว่า ผมโกหก>>> คิดว่าผมหลอกว่า>>> แฟนผมมีใบขับขี่รถยนต์   แต่จริงๆไม่มี     ส่วนเรื่องที่ว่า ใครเป็นคนขับขณะที่โดนชนนั้น  อันนี้ผมโกหกจริง   แต่เขา คงจะไม่เข้าใจ  คงจะยังคิดว่า แฟนผมเป็นคนขับ
     (แต่ยังไงก็ตาม  โกหกแบบนี้ไม่ดีเลย ผิดศีลข้อ4 จิตใจเศร้าหมอง บาป ถ้าโกหกบ่อยๆ ก่อนตายจิตเศร้าหมอง  ตายไปก็ลงนรก)


    เมื่อตกลงอะไรกันเสร็จ ประมาณ 5ทุ่มกว่าๆ ก็แยกย้ายกันกลับ
    ________________________________________________________________________________

    วันที่ 6มิย.56  เช้าๆ ผมก็เลยไปที่ศูนย์โตโยต้าลพบุรี (ประมาณ30กม.(ไป-กลับ 60กม.))
เพื่อตรวจสอบความเสียหาย ประเมิน และยื่นเรื่องขอเคลมกับประกัน
เขาก็บอกว่า เดี๋ยวรอเรื่องอนุมัติก่อนนะ แล้ว ถ้าผ่านก็รอสั่งของประมาณ 2อาทิตย์
พอได้ของแล้วก็จะโทรนัดวันเอารถมาซ่อม
(ตอนนั้นยื่นเอกสารไปคือ ใบขับขี่ผม และเอกสารใบเหลืองๆจากประกัน)

    สายๆ ผมก็เลยขับรถกลับ แวะกินข้าวเช้า  ถึงที่พักประมาณเที่ยงๆ   พอบ่ายสอง กว่าๆ           ศูนย์ก็โทรมา “ ขอเอกสารสำเนาบัตรประชาชน ของคนขับนะคะ ไม่มีใขขับขี่ ก็เอาสำเนาบัตรประชาชนก่อนก็ได้”  (คนเซ็นว่าเป็นคนขับคือแฟนผม)

    ผมก็เลยต้องตีรถไปอีกรอบทันที  (เพราะถ้าลาอีกวัน ก็เสียเงินค่าแรงอีก)  ก็เอาบัตรประชาชนแฟนผมไปให้ศูนย์เพื่อถ่ายสำเนา และเซ็นกำกับ    (ที่ศูนย์มีเครื่องถ่ายเอกสาร ถ่ายสำเนาได้)              
   (ล่อไปอีก 60 กม.)

    จากนั้น  โทรไปหา คู่กรณี เขาก็บอกว่าโอนให้ประกันแล้ว 15000 กว่าๆเกือบๆ 16000
ผมก็เลยโทรไปถามประกัน เพื่อยืนยัน    ประกันเขาก็บอกว่า เขาโทรมาบอกว่า โอนมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปตรวจสอบว่าโอนจริงหรือเปล่า  

(ก็พยายามคิดในแง่ดีคือว่า
1. เมื่อเขาบอกว่าจะโอนเงินมาแล้ว การเคลมซ่อมก็คงจะผ่านง่ายๆ
(เพราะได้ตัวเงินจากคู่กรณี (เท่ากับว่าถ้าเราไปซ่อมเองก็กำเงินของคู่กรณีไปซ่อมเลยก็ได้ ) คือประกันแทบจะไม่ต้องเสียเงิน))
2. ยังดีที่เขาไม่ขับหนี  เขายัง fair fair ผมก็เลย fair fair กับเขา คือ ไม่โทรแจ้งตำรวจให้ยุ่งยาก ให้เสียประวัติเขา
3. ถึงแม้ผมจะต้องเสีย ค่าเสียเวลา ค่าแรง ค่าเบี้ยขยัน  ตีเป็นเงินก็ มีรายการตามนี้
-ค่าแรง 1วัน= 333 บาทx2คน = 666 บาท
-เบี้ยขยันที่จะต้องได้  ผม=300  แฟน=500  รวม = 800
-และเบี้ยขยันที่ควรจะได้ 500  แต่ได้แค่ 300 ของแฟนผม =500-300=200
-ค่าน้ำมัน ไปกลับ2รอบ(วันเดียว) + ค่าน้ำมันวิ่งไปซ่อมอีกรอบ =500-600 บาท
รวมมูลค่า 666+800+200+600 = 2,266 บาท
ผมก็คิดซะว่า ช่างหัวมัน เวรกรรมของเราเอง  )
ผมก็ลองโทรไปทวงนะ แต่เขาก็บอกว่า “พี่จ่ายค่าซ่อมรถน้องไปแล้ว จะเอาอะไรอีก  รถพี่ก็ซ่อมเยอะเหมือนกันของน้องพี่จ่ายให้ 15000 รถพี่ก็ต้องซ่อม 45000”    
ผมก็บอกไปว่า “ผมก็เสียเยอะนะพี่ ไหนจะค่าแรง ค่าเบี้ยขยัน ค่าน้ำมัน ฯลฯ”  
เขาก็ยืนยันว่าจะไม่จ่าย  
ผมก็เลยบอกไปว่า  “วันนั้นอยู่ดีๆพี่ขับรถมาชน รถผม  แถมขับตอนเมาอีกด้วย  ผมก็ยังไม่ได้แจ้งตำรวจอะไรนะครับ   ถ้าผมแจ้งพี่ก็เสียเยอะกว่านี้”
เขาก็ยืนยันว่าจะไม่จ่าย    
ผมก็เลยพูดว่า “ถ้างั้นเรื่องนี้ก็คงต้องถึงตำรวจนะครับ”  
เขาก็บอกว่า “ได้เลยน้องก็ลองแจ้งๆไว้แล้วกัน” (ประมาณว่าท้าทาย)
แล้วก็วางสายไป
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่